18 ส.ค. 2022 เวลา 11:05 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ทำไมเวลานี้ "เทคโนโลยี" ถึงเป็นกระดูกสันหลังทางเศรษฐกิจของยุโรป
1
หนึ่งสิ่งที่บ่งบอกได้ว่า ทวีปยุโรปกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนอย่างรุนแรงก็คือ ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคกลุ่มยูโรโซน หรือ CPI ที่ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2565 สำนักงานสถิติยุโรป (Eurostat) ได้มีการประกาศออกมาว่า ตัวเลขนี้ได้พุ่งสูงถึง 8.9% ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในประวัติการณ์เลยทีเดียว และยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 8.6% อีกด้วย
2
ผลกระทบในครั้งนี้ ทำให้ทั้งราคาพลังงานและอาหารพุ่งสูงขึ้น ทำให้ยุโรปต้องเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่รุนแรง และส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์ภายในยุโรปจะยังไม่สู้ดีนัก แต่โอกาสการลงทุนในยุโรป นักลงทุนก็ยังไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่น่าจับตามองว่า กำลังเป็นอุตสาหกรรมที่เข้ามาเป็นกระดูกสันหลังแกนใหม่ของเศรษฐกิจในยุโรปเลยก็ว่าได้
1
อะไรที่ทำให้ “อุตสาหกรรมเทคโนโลยี” กลายเป็นกระดูกสันหลังแกนใหม่ของเศรษฐกิจในยุโรป วันนี้ KTAM จะมาสรุปให้ฟังอย่างง่าย ๆ
  • แกนที่ 1 รูปแบบธุรกิจ B2B
โดยส่วนมากแล้วบริษัทเทคโนโลยีในยุโรป จะเน้นการทำธุรกิจแบบ B2B หรือ Business to Business เป็นหลัก ซึ่งจะเป็นการค้าระหว่างภาคธุรกิจกับภาคธุรกิจ มีการผลิต การส่งออก ให้บริการ และจัดจำหน่ายสินค้าแก่บริษัทด้วยกันเอง
แม้ว่า Market Cap ภาคธุรกิจเทคโนโลยีในยุโรปจะยังน้อยกว่าสหรัฐอเมริกาอยู่มาก แต่หากมองเจาะลึกลงไปที่ตัวบริษัทก็จะพบว่า ความสามารถของบริษัทเทคโนโลยีในยุโรปมีค่อนข้างสูง จากการเป็นผู้ส่งออกเทคโนโลยีให้กับบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ ด้วยเช่นกัน
4
ดังนั้น การที่บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ ของทางสหรัฐอเมริกา และจีน จะประกอบธุรกิจอยู่ได้นั้น ก็ยังคงต้องอาศัยทรัพยากรจากบริษัทเทคโนโลยีจากประเทศในยุโรปอยู่ดี
เรียกว่าบริษัทเทคโนโลยีในยุโรปเป็น Value Chain ที่สำคัญของบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ทั่วโลกเลยก็ว่าได้
  • แกนที่ 2 มีเทคโนโลยีระดับสูงที่บริษัทยักษ์ใหญ่ยอมรับ
อีกหนึ่งความน่าสนใจของบริษัทเทคโนโลยีในยุโรป คือ การมีประสิทธิภาพสูง และเป็นที่ต้องการของสินค้าชั้นนำหลาย ๆ แบรนด์ใหญ่
เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ถึงประสิทธิภาพของบริษัทเทคโนโลยีในยุโรป เราขอยกตัวอย่างบริษัท ASML บริษัทผู้วิจัย และพัฒนาเครื่องจักรที่ใช้สำหรับการพิมพ์ลายลงบนชิป ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เทคโนโลยีลิโทกราฟี ที่สร้างวงจรไมโครอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบัน
ข้อมูลจาก CompaniesMarketCap ณ วันที่ 10 ส.ค. 2565 ระบุว่า ASML เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงอยู่ในอันดับที่ 4 ของกลุ่ม Semiconductor และอันดับที่ 12 ของกลุ่มเทคโนโลยี มีมูลค่ากว่า 232 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยบริษัท ASML ได้ใช้ระยะเวลากว่า 17 ปี และเงินลงทุน 6 พันล้านยูโร ในการคิดค้น วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยี EUV หรือ Extreme Ultraviolet นี้ขึ้นมา ซึ่งทาง ASML ยังกล่าวอีกว่า เทคโนโลยีนี้เป็นเทคโนโลยีที่มีเฉพาะ ASML เท่านั้น (ข้อมูลจาก: asml.com)
1
ซึ่งเทคโนโลยี EUV ที่ว่านี้ จะถูกส่งออกมาในรูปแบบของเครื่องจักรให้กับ TSMC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของแบรนด์ Apple เพื่อนำมาใช้ในการพิมพ์ลวดลายลงบนชิปต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทในยุโรปอื่น ๆ อีกมากมายที่ได้สร้างเทคโนโลยี และเป็นตัวกลางส่งมอบเทคโนโลยีให้กับบริษัทชั้นนำ เช่น
- ADYEN ผู้ออกแบบ และพัฒนาแพลตฟอร์ม สำหรับการชำระเงินแบบครบวงจร ที่มีลูกค้ายักษ์ใหญ่อย่างบริษัท Uber, Spotify, Mango และ eBay (ข้อมูลจาก: adyen.com)
- SAP บริษัทผลิต Software ที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป โดยอ้างอิงข้อมูลจาก CompaniesMarketCap ณ วันที่ 15 ส.ค. 2565 ที่ระบุว่า SAP มีมูลค่า Market Cap สูงอยู่ที่อันดับ 9 ในกลุ่ม Software รองจากสหรัฐอเมริกา โดย SAP เป็นบริษัทที่ทำการพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้บริการ Software ที่ช่วยอำนวยความสะดวก สำหรับใช้ในการบริหารทรัพยากรด้านต่าง ๆ ภายในองค์กร (ข้อมูลจาก: sap.com)
1
  • แกนที่ 3 มาตรการด้าน EU Green Deal และ Digital EU
ข้อมูลจาก European Commission หรือ คณะกรรมาธิการยุโรป เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2563 ระบุว่า ทางสหภาพยุโรปได้มีการออกแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจสหภาพยุโรป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1.8 ล้านล้านยูโร บ่งบอกได้ว่า ทางยุโรปต้องการที่จะผลักดันด้านเทคโนโลยีมากขึ้น อีกทั้งยังมุ่งไปสู่การสร้างสังคมสีเขียว และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ซึ่งทางภาครัฐไม่ได้ต้องการแค่ให้ภาคธุรกิจกลับไปสู่ระดับ Normal ก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิดเท่านั้น แต่ยังต้องการให้ภาคธุรกิจกลับไปอยู่ในระดับที่เหนือกว่า โดยอาศัยเทคโนโลยี เข้ามาช่วยในการประกอบธุรกิจ (Digitalization) ซึ่งมาตรการในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในยุโรปเป็นอย่างมาก
ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัย 3 แกนหลักที่ชี้ให้เห็นว่า...
อุตสาหกรรมเทคโนโลยี เป็นอีกหนึ่งกระดูกสันหลังแกนใหม่ของเศรษฐกิจยุโรป
และหากมองกลับไปที่ราคาของหุ้นเทคโนโลยีของยุโรปในเวลานี้ ก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยสำหรับโอกาสของนักลงทุน
อีกทั้งยังมีปัจจัยสนับสนุนอื่น ๆ อีกมากมายที่กล่าวไปข้างต้น นับว่าการที่จะลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างมาก
▪ ทั้งนี้ หากใครสนใจลงทุนในกองทุนหุ้นยุโรปในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี สามารถเลือกลงทุนผ่าน กองทุนเปิดเคแทม ยูโรเปียน เทคโนโลยี อิควิตี้ ฟันด์ หรือ KT-Eurotech
- กองทุนมีนโยบายการลงทุนมุ่งเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน JPMorgan Funds - Europe Dynamic Technologies Fund (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว ในชนิดหน่วยลงทุน (Share Class) ‘I’ ในสกุลเงินยูโร โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม
กองทุนหลักนี้มีนโยบายการลงทุนแบบยืดหยุ่น และไม่จำกัดกรอบในการลงทุน (Unconstrained Strategy) มีการวิเคราะห์การลงทุนแบบ Bottom-Up Approach และที่สำคัญ ! มีการนำปัจจัยด้าน ESG เข้าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตัดสินใจ โดยคิดเป็นอย่างน้อยร้อยละ 90 ของจำนวนหลักทรัพย์ที่เข้าซื้อ
อีกทั้งกองทุนหลักที่ KT-Eurotech ลงทุนนี้ ยังมีการลงทุนในบริษัทที่กล่าวมาข้างต้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ASML, ADYEM และ SAP ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขนาดใหญ่ทั้งสิ้น
1
(ข้อมูลการลงทุนของกองทุนหลัก ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2565)
หากกำลังมองหาโอกาสในการลงทุนหุ้นยุโรปกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เป็นใจเช่นนี้ กองทุน KT-Eurotech ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่พลาดไม่ได้
📌 สำหรับท่านใดที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
กองทุนเปิดเคแทม ยูโรเปียน เทคโนโลยี อิควิตี้ ฟันด์ (KT-Eurotech)
📱 ลงทุนออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน KTAM Smart Trade ง่าย สะดวก ปลอดภัย
ดาวน์โหลด:
☎️ สอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนที่ ธนาคารกรุงไทย ผู้สนับสนุนการขาย หรือ บลจ.กรุงไทย โทร. 02-686-6100 กด 9
คำเตือน:
ปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญ: ความเสี่ยงทางตลาด (Market Risk) / ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของผู้ออกตราสาร (Business Risk) / ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน (Currency Risk) / ความเสี่ยงของประเทศที่ลงทุน (Country Risk) เป็นต้น
กองทุนนี้มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุน หรืออาจจะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
References:
- KTAM Fund Fact Sheet from KTAM
- KTAM Daily Strategy from KTAM
- KTAM Weekly Strategy from KTAM
- Eurozone inflation from eurostat
โฆษณา