19 ส.ค. 2022 เวลา 12:33 • หุ้น & เศรษฐกิจ
3 กองทุน + 5 เมกะเทรนด์ จากกองทุน B-FUTURE คาดว่าเติบโตในอนาคต !!
เมื่อโลกเผชิญหน้ากับวิกฤติ ในแง่ของการลงทุนในกองทุน สิ่งที่ต้องทำคือ สำรวจว่ากองทุนที่มีนโยบายแบบไหน หรือเทรนด์อะไร ที่จะสามารถสร้างโอกาสการลงทุนในอนาคตต่อจากนี้ได้บ้าง
วันนี้ BBLAM ขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับกองทุนที่มีชื่อว่า “B-FUTURE” กองทุนที่มาพร้อมกับโอกาสการลงทุนแห่งอนาคต
นโยบายการลงทุนของกองทุน B-FUTURE นั้นมีการลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศ โดยเน้นไปที่กลุ่มบริษัทที่ทําธุรกิจที่เกี่ยวข้อง หรือได้รับประโยชน์จาก “แนวโน้มการบริโภคในอนาคต รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ที่มีการพัฒนา เพื่อรองรับแนวโน้มการบริโภค การดําเนินธุรกิจ และเศรษฐกิจในอนาคต”
หากพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ กองทุนนี้เน้นลงทุนในสินค้าและบริการที่คาดว่าจะเป็นเทรนด์ตอบสนองความต้องการของคนในอนาคตนั่นเอง
แม้ว่า B-FUTURE จะเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเน้นการลงทุนในกลุ่มนี้เพียงกลุ่มเดียว เพราะผู้จัดการกองทุนยังคงมองหาธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่สามารถปรับตัว ด้วยการนำเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมต่างๆ มาปรับใช้ในการพัฒนาธุรกิจให้คุณภาพชีวิตของผู้คนดีขึ้น
โดยสัดส่วนการลงทุนของกองทุน B-FUTURE ข้อมูล ณ 27 กรกฎาคม 2565 ผู้จัดการกองทุนเลือกให้น้ำหนักลงทุนผ่าน 3 กองทุนหลัก ดังนี้
- กองทุน Allianz Global Investors – Artificial Intelligence สัดส่วน 50.68%
กองทุนนี้จะเน้นลงทุนในกลุ่ม AI เป็นหลัก โดยในช่วงที่ผ่านมาผลการดำเนินงานได้รับแรงหนุนจากการลงทุนจากกลุ่ม Semiconductor ซึ่งสินค้าของกลุ่มเป็นที่ต้องการมากสำหรับกลุ่มพลังงาน กลุ่มยานยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มการสื่อสาร
จากการรายงานผลประกอบการรายไตรมาส ทั้งรายได้ และอัตรากำไร เรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่เหนือกว่าตลาด
อีกทั้งกองทุนนี้ ยังได้รับผลดีจากการเพิ่มการลงทุนในกลุ่มผู้ให้บริการ Solar Power Solutions ที่มีความต้องการที่สูง และอีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือ กองทุนนี้ยังมีธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการที่ยุโรปเร่งใช้พลังงานสะอาดมาทดแทนพลังงานเชื้อเพลิงเดิมอีกด้วย
- กองทุน Fidelity Funds – China Consumer Fund สัดส่วน 16.34%
กองทุนที่เน้นลงทุนในเศรษฐกิจยุคใหม่ของจีน ที่ผลิตสินค้าและบริการจากการใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว และเป็นเทรนด์ที่จะเป็นที่ต้องการของคนจีนในอนาคต
ถึงแม้ว่าล่าสุด จีนจะเผชิญหน้ากับวิกฤติอสังหาฯ แต่ทางผู้จัดการกองทุนก็ยังมีมุมมองที่ดีต่อตลาดหุ้นจีน จากการที่จีนได้เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จากโควิด-19 อีกทั้งยังมีการเปิดหัวเมืองใหญ่ๆ ซึ่งส่งผลให้ความต้องการสินค้าและบริการมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
- กองทุน Pictet - Clean Energy - I USD สัดส่วน 5.55%
กองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารทุนทั่วโลกที่มีความเกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด ล่าสุดผู้จัดการกองทุน มีการปรับพอร์ตการลงทุน เพื่อลดความผันผวน โดยทำการลดสัดส่วนการลงทุนในบริษัทที่มีความผันผวนสูงบางส่วนออกไป และเพิ่มการลงทุนในบริษัทในกลุ่ม Industrial Efficiency และกลุ่ม Smart Mobility
ที่มีความสามารถในการทำกำไรที่มั่นคง และมีอำนาจในการกำหนดราคาที่แข็งแกร่งเข้ามาแทน
นอกจากจะมี 3 กองทุนหลักที่กองทุน B-FUTURE เลือกลงทุนแล้วนั้น ทางผู้จัดการกองทุน ก็ยังมีมุมมองเชิงบวกกับ 5 กลุ่มเมกะเทรนด์ ที่จะช่วยสร้างโอกาสการลงทุนในโลกอนาคตได้ ไม่ว่าจะเป็น
1. ธุรกิจที่รองรับการเข้าสู่สังคมสูงวัย (Aging Society) ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างนวัตกรรมหรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อช่วยให้สังคมสูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งคนกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพร่างกาย ทำให้ธุรกิจบริการด้านการแพทย์ รวมไปถึงกลุ่มเทคโนโลยีที่มีความเกี่ยวข้องมีโอกาสเติบโตได้ในอนาคต
2. ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Big Data
เบื้องหลังการเข้าถึงและการเติบโตของการใช้เทคโนโลยี ก็คือการนำ Big Data ซึ่งมีการรวบรวมข้อมูล มาวิเคราะห์และประมวลผลที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์เพื่อการเติบโตและพัฒนาธุรกิจและบริการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น รวมไปถึงเทคโนโลยี Blockchain, Cloud Computing และ CyberSecurity ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ถือเป็นส่วนที่สำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศ และเศรษฐกิจไปข้างหน้า
3. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)
ผู้คนให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และสภาพอากาศ จึงมีการผลักดันให้ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ดังนั้น การใช้พลังงานเชื้อเพลิงแบบเดิมๆ คงมีแนวโน้มลดน้อยลง ทำให้กลุ่มที่จะได้รับผลประโยชน์คือ กลุ่มพลังงานสะอาด หรือพลังงานหมุนเวียนนั่นเอง
4. การเงินแบบกระจายศูนย์ หรือ DeFi (DeFiDecentralized)
ระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง หนึ่งในระบบที่จะเข้ามามีบทบาทในอนาคตเป็นอย่างมาก ที่อาศัยเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาช่วย ทำหน้าที่คอยจัดเก็บข้อมูลธุรกรรม บันทึก และดำเนินธุรกรรมแทนตัวกลางอย่างสถาบันการเงินอย่างธนาคาร
ข้อดีคือ ช่วยในการลดตัวกลางต่อการบริหารการจัดการ ลดความเสี่ยงต่อการโดนโจมตี หรือบิดเบือนข้อมูล ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และขยายขีดจำกัดของโลกการเงินได้อย่างไม่สิ้นสุด
5. ESG และยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญอย่างมากสำหรับธุรกิจคือ การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันจะเห็นว่าตัวเลขยอดผู้ใช้ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้พุ่งสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าเป็นอย่างมาก และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งหมดนี้เป็น 3 กองทุน กับ 5 กลุ่มเมกะเทรนด์ที่น่าสนใจ ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ของเราให้ก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง และสร้างโอกาสเติบโตในการลงทุนไปพร้อมๆ กัน
ซึ่งผู้จัดการกองทุน B-FUTURE ก็ได้เล็งเห็นถึงโอกาสในเมกะเทรนด์เหล่านี้ และนำมาเป็นกลยุทธ์ส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุน
และจากทั้งหมดที่เล่ามานี้ ส่งผลให้กองทุน B-FUTURE ได้รับรางวัล “กองทุนยอดเยี่ยมปี 2565 ประเภทกองทุนหุ้นต่างประเทศ” จาก Money & Banking Awards 2022 ซึ่งจัดโดย วารสารการเงินธนาคาร เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมาอีกด้วย
📍หากคุณเป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่ต้องการให้โลกพัฒนาไปข้างหน้า กองทุน B-FUTURE คือหนึ่งในกองทุนที่พลาดไม่ได้
และสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกองทุนประเภทลดหย่อนภาษี BBLAM ก็มี กองทุน B-FUTURERMF และ B-FUTURESSF เป็นทางเลือกอีกด้วย
สามารถติดตามรายละเอียดข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่
คำเตือน: การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน
เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุในคู่มือการลงทุน RMF/SSF ก่อนการตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด ทั้งนี้ อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้/ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
โฆษณา