21 ส.ค. 2022 เวลา 05:23 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
รีวิว The Pursuit of Happyness (ยิ้มไว้ก่อนพ่อสอนไว้)
ภาพยนตร์เรื่องนี้ มีหลายคนต่อหลายคนบอกว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดี แต่ผมเพิ่งมีโอกาสได้ดู จึงเพิ่งได้นำมาเขียนรีวิว หลังจากที่ได้ดูจบ ก็คงต้องยอมรับตามเสียงส่วนใหญ่ที่ ใครๆก็บอกว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดีเรื่องหนึ่ง ที่ต้องบอกต่อให้คนที่ยังไม่ได้ดู ต้องลองไปดูกันครับ
เรื่องย่อและโครงเรื่องของภาพยนตร์ The Pursuit of Happyness ถูกดัดแปลงจากเรื่องจริงของ คริส การ์ดเนอร์ โดยจุดเริ่มต้นของเรื่อง เริ่มที่ ลินดา (รับบทโดย แธนดี้ นิวตัน) และ คริส การ์ดเนอร์ (รับบทโดย วิลล์ สมิธ) อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์หลังเล็กๆหลังหนึ่งกับลูกชาย (รับบทโดย เจเด้น สมิธ) แล้วปัญหาต่างก็เกิดขึ้นเมื่อ คริส ต้องการอยากให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น ลาออกจาก ทหารเรือ มาเป็น sale man โดยได้นำเงินเก็บไปลงทุนซื้อแฟรนไชส์ขายเครื่องสแกนความหนาแน่นของกระดูก เพื่อหวังจะสร้างเนื้อสร้างตัวได้
แต่แล้วกลับไม่เป็นดังหวัง ในระหว่างที่ปัญหาเริ่มก่อตัว คริส การ์ดเนอร์ เดินผ่านตึก ของบริษัท ดีน วิทเทอร์ เรย์โนลด์ส ที่เป็นนายหน้าค้าหุ้น แล้วเจอคนในตึก เลยถามว่าจะทำยังไงให้มีรถขับแบบนี้ จึงเป็นเรื่องราวการฝ่าฝัน มรสุมในชีวิตของ คริส การ์ดเนอร์ เรียกได้ว่า สู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับของจริงก็ว่าได้
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยาว 117 นาที ตลอดทั้งเรื่อง ต้องมาลุ้นว่า คริสจะผ่านปัญหาต่างๆที่เข้ามาชีวิตยังไง ปัญหาที่เข้ามาไม่หยุด จนทำให้ถ้าเป็นคนที่ยอมแพ้ ก็คงยากที่ผ่านมันไปได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ประสบความสำเร็จหรือได้รับความนิยมเลย ถ้ามันไม่ได้ดัดแปลงจากเรื่องจริง ที่มีคนที่ชื่อว่า คริส การ์ดเนอร์ อยู่บนโลกนี้ เพื่อเรื่องราวไหนเรื่องที่เกิดขึ้นยากที่ใครจะเชื่อได้ว่า มีคนแบบ คริส การ์ดเนอร์ อยู่บนโลกนี้จริงๆ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ความรู้สึก ภาพยนตร์ดราม่าที่ต่างจากเรื่องอื่นๆ จะเป็นดราม่าแบบบีบหัวใจ หดหู่ ก็ไม่เชิง จะ feel good ก็ไม่ใช่ เพราะไม่ได้ happy รู้สึกดีอะไรขนาดนั้น และยังมีการลุ้นไปกับตัวละครว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี แต่จะเป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนการต้องสู้แบบไม่ย่อมแพ้กับโชคชะตาที่สุ่มมาให้เกิดกับคนๆหนึ่ง แบบดูเหมือนไม่ยุติธรรม แต่แล้ว เค้าก็ผ่านมันมาได้ในท้ายที่สุด
เรื่องเล่าปรัชญาจากภาพยนตร์เรื่องนี้
เมื่อชายคนหนึ่งจมน้ำอยู่กลางทะเล เค้าได้ขอให้พระเจ้าช่วย และแล้วก็มีเรือลำหนึ่งผ่านมาแล้วตะโกนว่าให้ขึ้นเรือ แต่ชายกลับตอบว่าไม่ เค้าจะรอให้พระเจ้าช่วย แล้วเรือลำแรกก็ขับผ่านไป ชายคนนั้นก็ขอให้พระเจ้าช่วยตนอีกครั้ง และแล้วก็มีเรือลำที่สองแล่นผ่านมาตะโกนให้ขึ้นเรือ แต่ชายคนนั้นกลับตอบเรือลำที่สองว่า ไม่เดียวพระเจ้าจะช่วยฉันเอง
และแล้วเรือลำที่สองก็ผ่านไป จนในที่สุดชายคนนั้นก็เสียชีวิตลง ไปพบกลับพระเจ้า แล้วชายคนนั้นได้ถามพระเจ้าว่าทำไมไม่ช่วยข้าพเจ้า พระเจ้าตอบกลับมาว่า ก็เรือ 2 ลำนั้นละที่เราส่งไปละ เจ้าโง่เอ๋ย
บ้างครั้งเมื่อคนเราเจอปัญหาได้แต่ของให้พระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยเหลือ แต่กลับลืมนึกไปว่า บ้างอย่างสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอาจจะเป็นสิ่งที่แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ได้ หรืออาจเป็นสิ่งที่พระเจ้าส่งมาช่วยเราจริงๆ
คำคมจากเรื่องนี้
Hey. Don’t ever let somebody tell you you can’t do something. Not even me.
อย่ายอมให้ใครมาบอกว่าลูกทำอะไรไม่ได้…แม้แต่พ่อ
You got a dream.. You got to protect it. People can’t do something themselves, they want to tell you you can’t do it. You want something, go get it. Period.
ลูกมีความฝัน ลูกก็ต้องปกป้องมัน คนที่ทำอะไรไม่ได้ มักจะคอยบอกเราว่า เราเองก็ทำไม่ได้ ลูกต้องการอะไร ก็ต้องไปคว้ามันมา..แค่นั้น
จุดสังเกตของเรื่อง คำว่า Happyness
คะแนน 8/10
ภาพยนตร์: สร้างแรงบัลดาลใจ และกำลังใจในการสู้ชีวิต
ตอนจบ : Happy ending
ช่องทางการรับชม: แพลตฟอร์มค่ายต่าง (ผมรับชมผ่าน netflix )
รีวิว The Pursuit of Happyness (ยิ้มไว้ก่อนพ่อสอนไว้)
โฆษณา