21 ส.ค. 2022 เวลา 14:41 • ปรัชญา
เมื่อจะให้นิยามคำว่าชีวิตมนุษย์มันยากมาก เพราะว่าจิตแต่ละดวง เกิดมา นั่นมีการสะสมนิสัยมาไม่เหมือนกัน สะสมการยึดถือมาไม่เหมือนกัน จิตบางดวงก็มุ่งมั่นเป็นอันธพาลเสเพล จิตบางดวงก็มุ่งมั่นหาเงินหาทอง หายศฐานบรรดาศักดิ์ จิตบางดวงก็มุ่งมั่นหา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาช่วยเหลือเกื้อกูลให้มีโชคมีลาภ จิตบางดวงมุ่งมั่งสร้างกุศล ในคำว่ามุ่งมั่น มันก็มีความอยากอยู่ด้วยกันทั้งนั้น อยากเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็อาศัยกายที่เค้าให้มาชั่วขณะหนึ่ง
พอทำงานไปๆ อายุหกสิบก็ไม่ค่อยไหวแล้ว เค้าก็ให้หยุดทำงาน พอหยุดทำงานทำการ รายได้ที่เคยมีก็น้อยลงไปๆ บ้างก็จากโลกไปเร็ว บ้างก็คิดว่าเดี๋ยวก็ตาย กลับอยู่ยาวนานไปเสียอีก มันเอาอะไรแน่นอนไม่ได้ แก่เฒ่าเจ็บป่วย มันทุกข์ทรมาน มีโรคแปลกเกิดขึ้น ก็ต้องหาเงินทอง ไปจ้างหมอมาเฉือนตรงนั้นตรงนี้ เอาไอ้สิ่งที่ไม่ดีออกไป กายก็ทุกข์ จิตก็ทุกข์ อมทุกข์อยู่กับกายที่มีทุกข์
เมื่อมีชีวิตก็มีภาระดูแลกาย ไม่ดูแลกาย ไม่เสาะหาอาหารมากิน กายมันก็ไม่โต ไม่แข็งแรง ขาดสารอาหารไปอีก มันจึงเป็นเรื่องของจิตที่ต้องดูกาย ให้มีสภาพครบอาการสามสิบสอง พออยู่ๆไป เกิดมีโรคภัยมาเยือน ก็ต้องรักษากาย นั้นก็ล้วนเป็นเรื่องของรูปธรรมจับต้องได้
ในส่วนที่จับต้องไม่ได้ ก็เรื่องของนามธรรม เวทนาทุกข์สุข อารมณ์ที่นำจิตไปสร้างทุกข์ อารมณ์ความรู้สึกนึกคิด ก็เป็นนามธรรม เรื่องของกรรม วิบากกรรมก็ยิ่งเข้าใจยากเข้าไปอีก รวมทั้งเรื่องบุญกุศลที่จะช่วยเหลือจิต แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจในคำว่าชีวิตที่เกิดมา เกิดมาทำอะไร ในชาติหนึ่งที่ได้สังขารมนุษย์
เมื่อได้สังขารมนุษย์แล้ว สังขารนี้มีความสำคัญต่อจิตอย่างไร ในการที่จิตมาอาศัยกายชั่วขณะหนึ่ง แล้วต้องเดินทางออกจากเรือนกายมนุษย์นี้ไป เค้าจึงบอกว่า คำตอบที่ชัดเจน เมื่อมาอาศัยกายมนุษย์แล้ว จิตนั่นสะสมอะไรไป เพราะมาคนเดียว ไปคนเดียว ของของโลกก็ต้องทิ้งไว้กับโลก
สิ่งเราเอาไปได้ก็เรื่องทานบุญบารมี ที่ตอนยังมีชีวิตอยู่ได้กระทำขึ้น ที่จะช่วยหนุนนำไปที่ทุกข์หรือสุข ตรงนั้นแหละ ที่เราควรศึกษาให่เข้าใจ เพราะบุญกุศลบารมีนั้นทำได้เมื่อมีกายเป็นมนุษย์ เมื่อกายนี้เค้าให้โอกาสแก่จิตเรา เราก็ควรทำความเข้าใจ แล้วกระทำขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือจิตของตนเอง เพราะจิตต้องเดินทางออกจากสังขารนี้แน่นอน เมื่อถึงกำหนดเวลา
มีอีกเรื่องที่เค้าว่า กายนั้นเปรียบเหมือนเรือ เรือนั้นต่อขึ้นมาด้วยอะไร ใช้อะไรมาต่อให้ลำเรือแข็งแรง เพื่อจิตจะได้ลงเรือพายเรือขึ้นน้ำ ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ฝ่าฟันคลื่นลม พายุ ลมร้อน ลมหนาว ลมมายา โขดหิน ติดตื้น หาดทราย คลื่นใต้น้ำ ร่องน้ำแคบ น้ำเฉี่ยว แม่กว้างขวาง ลำเรือหากไม่แข็งแรง เรือก็ต้องแตก หรือ ล่ม
หรือ ปล่อยตามน้ำ เพลิดเพลินกับโลภโกรธหลง แล้วเรือก็ถูกคลื่นพัดออกไปสู่ทะเล ถูกคลื่นใหญ่ซัดเรือก็แตก จิตตกลงใต้ท้องทะเล จิตเราก็เป็นจิตดวงเล็กๆ เหมือนเข็มตกลงใต้ท้องทะเล แล้วเมื่อไหร่จะมีใครมางมขึ้นจากท้องทะเล
การพายเรือ พายเรือทวนน้ำ เพื่อจะหนีกรรม ไม่ใช่พายเรือไปหากรรม เราเพียรพยายามพายเรือไปหาท่า ท่าบุญกุศลบารมี เป็นเทพยดาอินทร์พรหม หรือ ท่ามนุษย์ก็ยังดี ท่าที่นำพาเรือติดตื้น ท่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เครื่องลางของขลัง เกจิอาจารย์ เมื่อไปติดท่านี้ ก็ทำไปตามทิฐิของอาจารย์ที่ส่งให้ เรือก็ติดตื้นอยู่ตรงนั้น เรื่องจะพายเรือทวนน้ำ ก็ทำไม่ได้ มีแต่ของหนักเก็บมาในลำเรือ มันก็พายเรือหนักไม่ได้
ที่สุดก็ไม่มีเรือให้พาย ติดตื้นลงไปอบายภูมิ นรกเปรตอสุรกาย เมื่อได้กายได้เรือมาแล้ว ไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ ก็หมดโอกาสที่พายเรือ ไปหาท่าบุญกุศลช่วยเหลือจิตที่อาศัยอยู่ในลำเรือ ที่ต้องพายเรือสู่อุปสรรคของกรรม ต้องพายเรือผ่านให้ได้ ไม่ให้เรือแตกสลายไปก่อนกำหนด เป็นกรรมตัดรอนบั่นทอนอายุขัย
เรื่องของกายมนุษย์ ครบอาการสามสิบ นั่นมีความพร้อม ให้จิตนี้ได้ ลงเรือพายเรือทวนน้ำ หยิบสิ่งของที่อยู่ในลำเรือ โยนทิ้งออกไป ให้เรือนั้นเบา พายเรือที่เบา พายไปสู่ ท่าของบุญ ท่าของเทพยดาอินทร์พรหม ไปพักจิตที่ท่านั้น
เมื่อพักจิตที่ท่านี้แล้ว ก็ลงมาพายเรือใหม่อาศัยกายมนุษย์ใหม่ เพื่อพายไปหาท่าพระนิพพาน เมื่อยังไปไม่ถึง ก็กลับไปพักที่ท่าบุญกุศลเทพยดาอินทร์พรหมใหม่แล้วก็มาลงเรือพายเรือทวนน้ำ พายกันไม่รู้ว่า กี่ภพกี่ชาติ ต้องอาศัยขันติ ความเพียร ความมุ่งมั่น พายเรือ เพื่อไปท่าพระนิพพาน ที่ต้องพบเจออุปสรรคมากมาย เนื่องด้วยกรรมที่สะสมมาหลายชาตินับไม่ได้ จึงมีอุปสรรคมากมาย ที่ต้องพายเรือทวนน้ำ ไปให้ได้
เผลอหยุดพายเรือ หยุดสร้างบุญกุศลบารมี หัวเรือก็เบนออกพายเรือทวนน้ำไม่ได้ ก็ปล่อยตามน้ำไป จิตมันก็เลย วนเวียนเกิดตายๆ นับชาติไม่ได้
โฆษณา