22 ส.ค. 2022 เวลา 13:57 • ความงาม
ช่วงนี้เราจะเห็นเพจจำนวนมากที่ไม่ใช่เพจน้ำหอม พร้อมใจกันรีวิวน้ำหอม oriental princess กลิ่น secret code กันอย่างพร้อมเพียง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคือการอัดฉีดเงินทางการตลาดนั่นแหละ แล้วแต่ละเพจก็รีวิวกันสุดฮา กลายเป็นน้ำหอมยั่วเพศ บ้ากาม การใช้การตลาดแบบนี้มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือมันเข้าถึงคนจำนวนมาก แต่ข้อเสียก็ทำให้ภาพลักษณ์ดูโลว์คลาสไป
OP secret code เป็นการก๊อปปี้กลิ่นของ Office for men ของเจเรมี่มา80%แล้วปรับแต่งนิดหน่อยให้นุ่มนวลขึ้น ผมฉีดเทียบกันแบบจะจะ กลิ่นเหมือนกันเลย จริงๆตั้งแต่ดมOPครั้งแรก ผมก็นึกถึง office for men ทันที
ใครไม่เคยดม office มาก่อน พูดง่ายๆมันคืออัลบั้มรวมฮิตที่ยำสุดยอดน้ำหอมของยุคนี้3กลิ่นไว้ด้วยกัน bleu de chanel +sauvage+aventus
office for men เป็นกลิ่นที่คมชัด แต่เนื้อกลิ่นบาง ออกไปทางสังเคราะห์ กลิ่นเปิดมีความแสบจมูก OP มีกลิ่นเปิดที่สมูทกว่า แต่ยังคงความเป็นซีตรัสที่คมอยู่ ตัดทอนความเปรี้ยวลงด้วยความsalty แล้วเติมความซ่าๆเข้ามาแทน
ผมค่อนข้างมั่นใจว่า OP secret code เป็นกลิ่นที่ผลิตโดย IFF หนึ่งในสี่ผู้ผลิตหัวน้ำหอมยักษ์ใหญ่ของโลกร่วมกับ Givaudan,Firmenich และ Symrise บริษัททั้ง4นี้มีสาขาอยู่ในไทย เพราะมีลูกค้าในไทยมากมายใช้บริการ เช่น สบู่โพรเทคที่เราอาบน้ำกัน ก็ใช้หัวน้ำหอมจาก Givaudan
ถามว่ารู้ได้ไง เพราะหลังกล่องมันมีโครงสร้าง note บอกอยู่ และหนึ่งในนั้นคือ Ambertonic ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ลิขสิทธิ์ของ IFF เท่านั้น
ดังนั้นกลิ่นนี้จึงถูกสร้างขึ้นจากห้องแลปของ IFF เรื่องคุณภาพกลิ่นจึงไม่ใช่สุกเอาเผากิน อย่างแน่นอน
OP กลิ่นที่คล้ายกับ office for men จะอยู่ได้ราวๆ2-3ชั่วโมง หลังจากนั้นจะกลายเป็นกลิ่น musk แป้งๆเป็น skin scent ต่อไปอีกสักพักใหญ่ๆ
มันไม่ใช่กลิ่นยั่วเพศบ้าบออะไรแบบที่เขารีวิวกัน แต่มันคือกลิ่นมหาชนสำหรับใช้ในชีวิตปกติประจำวัน เป็นกลิ่นสไตล์ blue fragrance
ในเรื่องความทนและการกระจายตัว ไม่สามารถเทียบกับ office for men ได้เลย น้ำหอมของเจเรมี่ทนกว่าเยอะ และมีการกระจายตัวในรัศมีที่กว้างกว่า แต่ office for men แพงกว่า10เท่า
ที่โฆษณาว่ากลิ่นติดทน8ชั่วโมง ถือว่าโฆษณาเกินเบอร์ไปมาก
ส่วนตัวผมมองว่ากลิ่นเบลนด์มาดี มันไม่มี noteอะไรที่กระโตกกระตากออกมา
เปิดมาด้วยซีตรัส dryไปเป็นแอมเบอร์นวลๆ ปิดด้วยมัสก์และวู้ดดี้ ค่อนข้างร้อยเรียงกันมาดี มันไม่ใช่กลิ่นที่น่าตื่นเต้นอะไร เพราะพวกเราคุ้นเคยกับกลิ่นของ sauvage หรือ bleu de chanel กันมาเกือบ10ปีอยู่แล้ว มันไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีปัจจัยว้าว
แต่เป็นน้ำหอมสไตล์ money grab ที่ทำขึ้นมาเพื่อปั๊มเงินเข้าบริษัท ดมแล้วหอมเลย เข้าใจง่าย กลิ่นมหาชน ใครก็ชอบ ดมแล้วควักตังค์ซื้อได้ทันที (เช่นตัวผู้เขียน) มันจะมีประโยชน์อะไรในแง่ธุรกิจที่ต้องไปทำน้ำหอมกลิ่นยูนีคที่ขายไม่ออก แล้วนั่งมองบริษัทอื่นทำเงินจากกลิ่นมหาชนแทน
สุดท้ายเรื่องที่ยังไม่ได้พูดถึงเลย ก็คือเรื่องราคา มันราคาแค่ขวดละไม่กี่ร้อย แล้วมันก็ถูกเพจมากมายรีวิวจนกลายเป็นน้ำหอมตลาดล่างไปเรียบร้อยแล้ว แต่ส่วนตัวผมยังมีมุมมองเชิงบวกกับน้ำหอมกลิ่นนี้อยู่
มันไม่ใช่แค่ไม่แย่ แต่ผมคิดว่ามันโอเคเลยล่ะ ยิ่งถ้าเรามองมันจากพิกัดค่าตัวแค่นี้ ถ้าจะบอกว่ากลิ่นดีเกินราคาไปไกล ก็ถือว่าเป็นข้อสรุปที่เหมาะสม เท่าที่พอจะนึกออกได้ในตอนนี้
เดิมทีผมไม่เคยสนใจน้ำหอมจากแบรนด์ oriental princess เลย เราก็ไม่ใช่ target ของเขาด้วยแหละ แต่หลังจากนี้แบรนด์นี้จะอยู่ในเรดาร์ของผม ถ้าเขาออกกลิ่นใหม่มา ผมก็จะไปลองดมดู ชอบไม่ชอบค่อยมาว่ากันอีกที
โฆษณา