22 ส.ค. 2022 เวลา 23:43 • การตลาด
ลดโลกร้อนด้วย Carbon Neutrality กับ Net Zero Emissions
รู้หรือไม่ว่ากิจกรรมในชีวิตประจำวันของมนุษย์ เป็นหนึ่งปัจจุยสำคัญที่ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน รวมถึงการตัดไม้ทำลายป่าการเกิดไฟป่า ส่งผลให้ก๊าซ CO2 พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
ข้อมูลจากสหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ พบว่าอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นส่งผลให้สิ่งมีชีวิตอย่างน้อย 1 ใน 4 จะสูญพันธุ์ และคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ระบุว่า ประชากรกว่า 420 ล้านคนต้องเผชิญคลื่นความร้อนรุนแรง
ดังนั้นวันนี้เราจึงเห็นหลายองค์กร เริ่มตั้งเป้าหมายธุรกิจเกี่ยวกับ Carbon Neutrality กับ Net Zero Emissions ซึ่งทั้ง 2 คำมีเป้าหมายเดียวกันคือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกนับได้เท่ากับศูนย์ แต่มีกลไกในการลดก๊าซเรือนกระจกที่แตกต่างกัน
• ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) คือปริมาณการปล่อยคาร์บอนเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ เท่ากับปริมาณคาร์บอนที่ถูกดูดกลับคืนมา โดยการปล่อยคาร์บอน (CO2) = ลด การปล่อย CO2 เช่น ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล + ชดเชย การปล่อย CO2 ที่เหลือ เช่น การซื้อคาร์บอนเครดิต
• การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) คือปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ เท่ากปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกดูดกลับคืนมา โดยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก = ลด การปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การใช้พลังงานสะอาด + กำจัด ก๊าซเรือนกระจกออกจากชั้นบรรยากาศ เช่น การปลูกป่าตรึงคาร์บอนในดิน
โดยความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) อาจเป็นเป้าหมายระดับบุคคล องค์กร หรือประเทศ ส่วนการบรรลุเป้าหมาย net zero emissions นั้นโดยมากเป็นเป้าหมายระดับประเทศ
สำหรับประเทศไทย มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065
#BrandAgeOnline #BrandAge_AtoZ
ติดตามเทรนด์ การตลาดที่น่าสนใจได้ทาง
โฆษณา