24 ส.ค. 2022 เวลา 11:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Analytics และ AI ในการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน: How Analytics And AI Can Help Achieve Carbon Neutrality
1
Tech By True Digital ในตอนนี้ เรานำบทความที่เขียนขึ้นโดยคุณ Pedro Uria Recio, Chief Analytics & AI Officer จากทรู ดิจิทัล กรุ๊ป บนแพลตฟอร์มของ Forbes ในหัวข้อ How Analytics And AI Can Help Achieve Carbon Neutrality มาแปลเป็นภาษาไทยให้อ่านกัน ซึ่งในบทความนี้ คุณ Pedro ได้เล่าถึงการนำ Analytics และ AI มาช่วยในกระบวนการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสในการเข้าถึงตลาดคาร์บอนเครดิตของทั้งบุคคล ชุมชนและภาครัฐ
  • How Analytics And AI Can Help Achieve Carbon Neutrality: Analytics และ AI ในการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน
เราต่างรู้ดีว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกนั้นเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่ออนาคตของโลกเรา ซึ่งสอดคล้องกับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) ที่รัฐบาลทั่วโลกต่างตั้งปฏิญญาสากลร่วมกัน เพื่อแก้ไขวิกฤติสภาพภูมิอากาศและกำหนดเป้าหมายสำหรับความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)
อย่างไรก็ตาม การพึ่งพารัฐบาลและกฎหมายนั้นอาจไม่เพียงพอ ซึ่งองค์กรเอกชนต่าง ๆ ก็สามารถมีส่วนร่วมอย่างจริงจังในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีหนึ่งในหลากหลายวิธีสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนในระยะสั้น ก็คือคาร์บอนเครดิตนั่นเอง
  • คาร์บอนเครดิต คืออะไร
NBC News ให้คำจำกัดความไว้ว่า “คาร์บอนเครดิตมีลักษณะคล้ายใบอนุญาตแทนปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ 1 ตันที่ถูกกำจัดออกจากชั้นบรรยากาศ” โดยส่วนใหญ่แล้ว องค์กรต่าง ๆ มักมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือที่เรียกว่า “ก๊าซเรือนกระจก” ระหว่างการดำเนินงานขององค์กรอยู่แล้ว
2
ดังนั้น เพื่อเป็นการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อม แต่ละองค์กรจึงจำเป็นต้องดำเนินโครงการ หรือมีการทำกิจกรรมเพื่อลด ทำลาย หลีกเลี่ยง หรือตรวจจับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
อย่างไรก็ตาม หากองค์กรใดไม่ได้ดำเนินโครงการ หรือมีมาตรการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อมโดยตรงดังเช่นที่ได้กล่าวมา องค์กรดังกล่าวก็สามารถซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อรักษาสมดุลให้กับปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม โดยคาร์บอนเครดิตส่วนใหญ่จะมาจากแหล่งรวมคาร์บอนที่ก่อให้เกิดการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศ อาทิ พื้นทีป่า พื้นที่เกษตรกรรม เป็นต้น
1
  • เราจะเริ่มต้นซื้อขายคาร์บอนเครดิตได้อย่างไร
รัฐบาลจากทั่วโลกได้ตั้งเป้าหมายเพื่อบรรลุข้อตกลงในการปล่อยคาร์บอนในระดับที่แตกต่างกันออกไป และด้วยเหตุนี้เอง องค์กรจึงสามารถมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอนได้ โดยตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตภาคบังคับและตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจ ซึ่งโดยทั่วไปตลาดคาร์บอนเครดิตมีการซื้อขายกัน 3 วิธี คือ
  • 1.
    ผ่านการประมูลโดยหน่วยงานที่กำกับดูแลจากภาครัฐ
  • 2.
    ผ่านการตกลงโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย และ
  • 3.
    ผ่านตลาดการซื้อขายคาร์บอนเครดิต
1
นอกจากนี้ คาร์บอนเครดิตยังสามารถซื้อขายได้โดยตรงผ่านช่องทางออนไลน์จากผู้รักสิ่งแวดล้อมรายย่อย ซึ่งมีให้เลือกซื้อทางออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย โดยวิธีการที่ดีวิธีหนึ่งในการดำเนินการเกี่ยวกับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตก็คือ การเป็นพันธมิตรกับองค์กรที่มีประสบการณ์ในตลาดคาร์บอน เพราะองค์กรเหล่านั้นจะช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้คาร์บอนเครดิตในธุรกิจและเพื่อสิ่งแวดล้อมได้ดีที่สุด
1
  • ถ้าหากเรามีพื้นที่ป่าหรือต้นไม้อยู่แล้ว เราจะมีวิธีการวัดปริมาณการดูดซับคาร์บอนจากชั้นบรรยากาศของพื้นที่เหล่านี้ได้อย่างไร
วิธีการดั้งเดิมในการวัดความสามารถในการดูดซับและกักเก็บคาร์บอนจากแหล่งรวมคาร์บอนคือ การศึกษาแปลงตัวอย่างแล้วนำมาประมาณการพื้นที่ทั้งหมดที่มี อย่างไรก็ตาม วิธีการแบบนี้ใช้แรงงานคนจำนวนมาก ใช้เวลานานและไม่รองรับการเปลี่ยนแปลงของขนาดพื้นที่ในระยะยาว
1
เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) ได้พัฒนาโมเดลต้นแบบในการใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อวัดความสามารถในการดูดซับและกักเก็บคาร์บอนนี้ โดยใช้การเปรียบเทียบภาพถ่ายดาวเทียมของพื้นที่ในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อวัดชีวมวลเหนือพื้นดินของพื้นที่ป่าไม้และคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนในพื้นที่ จากนั้นจึงแปลผลเป็นตัวเลขคาร์บอนเครดิตของพื้นที่นั้น ๆ
1
CP Group พบว่าการใช้ชุดข้อมูลป่าไม้จากหลายประเทศเพื่อเปรียบเทียบ ให้ผลลัพธ์ที่มีความแม่นยำในระดับสูง แต่ยังคงต้องการการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อประสิทธิภาพของการวัดค่าการดูดซับคาร์บอนที่ดีขึ้น
  • เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างไร
องค์กรต่าง ๆ ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากสังคมให้แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ความต้องการเป็นองค์กรที่เป็นกลางทางคาร์บอนจึงเพิ่มขึ้นตามลำดับ ด้วยโมเดลการวัดคาร์บอนเครดิตที่ง่ายนี้เองจะทำให้ทุกคนตั้งแต่บุคคลทั่วไปจนถึงรัฐบาลที่มีพื้นที่สีเขียวเป็นของตัวเองนั้นมีโอกาสในการเข้าถึงการซื้อขายคาร์บอนเครดิตได้
ซึ่งค่าตอบแทนจากการซื้อขายคาร์บอนเครดิตเพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรในการชดเชยการปล่อยมลภาวะสู่สิ่งแวดล้อม จะทำให้เราสามารถป้องกันไม่ให้พื้นที่สีเขียวในเมืองกลายเป็นสิ่งปลูกสร้างทางคอนกรีต และอาจนำไปสู่การปลูกต้นไม้ที่มากขึ้นได้อีกด้วย
1
มากไปกว่านั้น การซื้อขายคาร์บอนเครดิตยังสามารถเป็นช่องทางในการเพิ่มรายได้ในอนาคต เป็นโอกาสทางธุรกิจซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อหลายชุมชนรวมไปถึงพื้นที่ชนบทได้ด้วย
1
แม้ว่าคาร์บอนเครดิตจะไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาวิกฤติสภาพภูมิอากาศที่โลกกำลังเผชิญได้ในทันที แต่นี่ก็ถือเป็นหนทางในการช่วยปกป้องโลกได้ ในขณะที่องค์กรเองก็ต้องหาวิธีการเพื่อการควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยตรงด้วยเช่นกัน
คุณสามารถอ่านบทความต้นฉบับได้ที่
#CarbonCredit #CarbonFootprint #CarbonEmission #CarbonNeutrality
#ClimateChange #Sustainability #ForbesTechCouncil #TechByTrueDigital
โฆษณา