24 ส.ค. 2022 เวลา 07:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หุ้นไทยโดนเทขาย รับข่าว ศาลรธน. มีมติให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ตลท.เชื่อปัจจัยการเมืองไม่กระทบการลงทุน
1
จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 5 ต่อ 4 ให้พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยเรื่องนายก 8ปี คาดว่า เข้าสู่กระบวนการพิจารณา จะใช้เวลาประมาณ แล้วเสร็จภายในเดือนก.ย.นี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยโดนเทขายทันทีหลังเปิดการซื้อขาย
1
นักวิเคราะห์ชี้เป็นบวกต่อตลาดหุ้นช่วงสั้น ระวังอาจเจอแรงขายทำกำไร ชี้นายกอาจได้ปฎิบัตหน้าที่ต่อหลังมติ 4 เสียงที่ไม่รับสะท้อนว่านายกอยู่ต่อ 8 ปีได้ ขณะที่ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้ นักลงทุนยังเชื่อมั่น การเติบโตกำไรบริษัทจดทะเบียนยังดี และการเมืองจะไม่กระทบกับการลงทุน
4
โดยนายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด เปิดเผยถึงประเด็นดังกล่าวว่า จะส่งผลบวกต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงสั้น แต่อย่างไรก็ตามจะต้องระวังแรงขายทำกำไร หลังจากที่ตลาดถูกการเก็งกำไรจากประเด็นข่าวดังกล่าวมามากพอสมควรแล้ว
3
แต่อย่างไรก็ตามจุดที่น่าสังเกตคือมติ 5 ต่อ 4 เสียงของศาลรัฐธรรมนูญนั้น มติ 4 เสียง เห็นว่าไม่รับคำร้อง ซึ่งเป็นผลสะท้อนเบื้องต้นว่านายกรัฐมนตรีสามารถดำรงตำแหน่งอยู่ต่อได้ และควรจะเร่มนับตั้งแต่ปี 2562 ขณะเดียวกันส่วนมติ 5 เสียงนั้นไม่ได้หมายความว่านายกรัฐมนตรีไม่สามารถอยู่ต่อ 8 ปีได้ แต่เป็นการทำหน้าที่ของการที่มีส.ส.จำนวน 172 เสียงยื่นขอมาให้วินิจฉัยจึงมีความจำเป็นต้องรับเรื่องไว้
10
ทั้งนี้ประเมินว่าภาพต่อจากนี้ไปคาดว่าตลาดจะสามารถรับรู้ได้ว่านายกรัฐมนตรีสามารถปฎิบัติหน้าที่ได้ต่อ ซึ่งคาดว่าศาลฯจะใช้ระยะเวลาพิจารณาประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะเป็นเรื่องที่จะต้องวินิจฉัยโดยเร็ว ดังนั้นในเบื้องต้นจึงมองว่าภาพรวมตลาดหุ้นจะตอบรับในเชิงบวกไปก่อน
1
ด้านนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่ากระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ที่ไหลเข้ามาในตลาดทุนไทย ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันยู่ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท และในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาไหลเข้ามาสูงถึง 3 หมื่นล้านบาท
1
ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของนักลงทุนที่เริ่มกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่ในจำนวนดังกล่าวยังไม่มีภาคท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ ดังนั้นหากแก้ปัญหา Covid-19 ได้ และเปิดประเทศมากขึ้น น่าจะได้ผลบวกและเป็น Upside Gain ของเศรษฐกิจและภาคธุรกิจมากขึ้น
1
ส่วน ประเด็นการเมืองนั้น หากมองย้อนกลับไปมีการพัฒนาเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการเมืองแบบไหน โดยบริษัทจดทะเบียนไทยมีการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ และโตขึ้นมาเป็น regional company และ global company ดังนั้นงานในวันนี้นักลงทุนจึงไม่มีคำถามเรื่องของการเมืองแต่อย่างใด มีแต่เรื่องของการเติบโตของบริษัทจดทะเบียน การปรับตัว และแนวโน้มการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น
2
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 คาดหวังตัวเลข GDP จะเติบโตระดับ 3-3.5% หลังจากช่วงครึ่งปีแรกเติบโต 2.5% โดยปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 จะมาจาก 3 ส่วน คือ การท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดทั้งปี 2565 จะอยู่ที่ระดับ 8-10 ล้านราย คิดเป็น 1 ใน 4 ของจำนวนนักท่องเที่ยวก่อนช่วง Covid-19 ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญต่อการเติบโตของ GDP
1
ถัดมาภาคส่งออก ที่ยังได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของเงินบาท เมื่อเทียบกับปี 2564 ประกอบกับสภาะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน ทำให้ความต้องสินค้าอุปโภค บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอาหาร และสินค้าด้านการเกษตร
1
และการใช้จ่ายในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยภาวะเงินเฟ้อความทำจุดสูงสุดในไตรมาส 3/65 หลังจากนั้นคาดจะปรับตัวลดลง นอกจากนี้ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นมาตรช่วยลดค่าครองชีพประชาชนด้านพลังงาน รวมทั้งมาตรการคนละครึ่งเฟส 5 ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยชดเชยได้ส่วนหนึ่งของภาคประชาชน ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า แม่ค้า ที่ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ตรงตามเป้าหมายของรัฐบาล
3
โฆษณา