24 ส.ค. 2022 เวลา 08:16 • การตลาด
นายกตู่อยู่หรือไปดีกว่ากันในมุมมองด้านการตลาด
ในระหว่างที่พิมพ์บทความนี้อยู่ก็เพิ่งทราบผลว่า ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องประเด็นการเป็นนายกมาแล้ว 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยคะแนน 5 ต่อ 4 เสียง ส่งผลให้นายกฯต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันนี้ เพื่อนำเรื่องเข้าสู่ขบวนการพิจารณาต่อไป
1
ถึงแม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องแต่ก็ยังต้องรอผลการพิจารณาก่อน นายกของไทยก็ยังชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่
ไม่ว่าจะออกหัวหรือออกก้อย ต่างก็ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยทั้งนั้น
ในมุมของการตลาดไม่ได้มองไปที่ตัวบุคคล แต่มองไปที่ผลกระทบที่เกิดขึ้นมากกว่า ว่าการบริหารต่อหรือหยุดการทำงานในมุมของการทำการค้าขายและการตลาด จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างไรบ้าง
ขอตัดประเด็นความไม่พอใจเรื่องชอบหรือไม่ชอบออกไปก่อนนะครับ เพราะไม่ว่าใครจะมาเป็นนายกก็ต่างโดนเรื่องนี้ทั้งนั้น อยู่นานไปก็เจอสิ่งที่ไม่พอใจเยอะเป็นเรื่องธรรมดา
ที่มา ข่าวหุ้น
มาเริ่มกันด้วยประเด็นการตัดสินว่าหากมีการลงมติให้นายกฯสามารถปฏิบัติภารกิจต่อไป และสามารถเป็นนายกฯต่อได้อีก รวมทั้งกรณีที่มีมติเอกฉันท์จากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งครั้งถัดไป ที่ให้ความไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วมาต่อด้วยการลงจากตำแหน่งแล้วให้นายกคนใหม่มารับหน้าที่แทนโดยที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร แบบกระชับสั้นๆ กัน
กรณีที่นายกฯประยุทธ์ สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อได้
สิ่งที่ดีก็คือ การเมืองมีความมั่นคง สร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติ เรื่องนี้ “ยุคใหม่ฯ” เคยคุยกับชาวต่างชาติที่ติดต่อค้าขายกับไทย เขาไม่สนหรอกว่านายกไทยจะเป็นใคร เขาสนเพียงว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยๆก็พอ เพราะเขาสามารถบริหารความเสี่ยงได้
อีกเรื่องที่ส่งผลดีคือ การตัดสินใจในโครงการใหญ่ๆ ยกตัวอย่างรถไฟฟ้าที่มีการก่อสร้างทั่วกรุงเทพฯ ในอดีตเกิดขึ้นไม่เคยได้เลยมาสำเร็จในรัฐบาลนี้ เรื่องบางเรื่องที่ยากจะดำเนินการได้ก็สามารถทำได้
ที่มา BLT Bangkok
แต่เรื่องที่น่าห่วงคือ การบริหารแบบทันโลก โดยเฉพาะเรื่องการค้าที่ไม่ได้มีมิติเดียว ต้องเชื่อมโยงในหลายมิติ รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้สร้างความชัดเจนให้ได้เลย เห็นได้จากการที่ก้าวตามหลังทั้งอินโดนีเซีย เวียดนามและมาเลย์เซีย ทั้งที่ไทยเรามีข้อได้เปรียบมากมาย ทั้งความพร้อมของทำเลที่ตั้ง สาธารณูปโภคต่างๆ ความพร้อมของบุคลากร
นอกจากนี้แล้วการดำเนินนโนยายการค้าระหว่างประเทศ ก็ไม่ได้สร้างความสบายใจให้กับคนไทยมากนัก ยังเอนเอียงไปทางอเมริกาอยู่มาก ซึ่งทางที่เหมาะคือครึ่งๆ ซึ่งเราทำได้อยู่แล้วแต่ก็เลือกที่จะไม่ทำ จริงอยู่ว่าเราค้าขายกับฝั่งอเมริกาในมูลค่าสูงกว่าฝั่งรัสเซียและจีน แต่สินค้าทุนที่เรานำมาผลิตเราก็นำเข้ามาจากจีนในสัดส่วนที่ไม่ต่างกันเลย เรียกว่าเราต้องพึ่งพาทั้ง 2 ขั้วอำนาจแบบใกล้เคียงกัน
ที่มา เดลินิวส์
มาดูกรณีที่เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีคนใหม่
จากประสบการณ์ที่ผ่านโลกมาหลายสิบปี ไม่ว่าจะเปลี่ยนกี่นายกก็ไม่ได้ต่างกันมากมาย จะแตกต่างเพียงวาทะกรรมเท่านั้น ที่ยังมีบทบาทในการขับเคลื่อนการเมืองไทยอยู่ในทุกวันนี้ ก็มีวาระซ่อนเร้นมากมายที่ทำให้ไทยตกเป็นทาสตะวันตก
แต่หากได้นายกฯคนใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ทางการค้า มองการดำเนินงานในระยะยาว (คนทำอะไรในระยะยาวย่อมสร้างสมดุลให้กับทุกฝ่าย) ไทยเราจะกลับมารุ่งเรืองเนื้อหอมมากขึ้น ไม่ต่างกับอินเดียที่ประเทศไหนก็อยากเข้าไปทำธุรกิจด้วย
ยิ่งนายกฯคนใหม่เข้าร่วมคำเชิญของฝั่งพันธมิตรที่นำโดยอเมริกาทุกรอบ และเข้าร่วมคำเชิญและคำร้องขอของจีนและรัสเซียทุกรอบเช่นกัน มั่นใจได้ว่าประเทศไทยจะมีเศรษฐกิจและความมั่นคงทั้งทางเศรษฐกิจและการยอมรับในเวทีโลกมากขึ้น
Credit: Foreign Affairs
โดยภาพรวมแล้วหากได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรักษาการณ์หรือจะเป็นการเลือกตั้งใหม่ หากเป็นคนที่กล้าสร้างความสมดุลยังไงเรื่องดีๆก็ตามมาแน่นอน กลัวแต่ว่าจะดีแต่ปากมากกว่านะสิ
Instagram: Modernization Marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
Face Book Page: Modernization Marketing
YouTube Channel: Modernization marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
โฆษณา