24 ส.ค. 2022 เวลา 10:50 • อาหาร
ค็อกเทล กับ ม็อกเทล ต่างกันอย่างไร? สิ่งที่มือใหม่หัดดื่มควรรู้!
ค็อกเทล (Cocktail) และ ม็อกเทล (Mocktail) เมนูเครื่องดื่มที่หลาย ๆ คนคงคุ้นชื่ออยู่บ้างเวลาไป Rooftop หรือร้านนั่งชิลต่าง ๆ ซึ่งหน้าตาและชื่อของมันก็ดูคล้ายกันซะเหลือเกิน แต่ว่านอกจากตัวอักษรแรกที่แตกต่างกันแล้ว ยังมีอะไรที่แตกต่างกันอีกบ้างนะ? Hungry Hub จะพาทุกคนไปไขข้อสงสัยกัน!
ความแตกต่างระหว่าง ค็อกเทล และ ม็อกเทล
ค็อกเทล (Cocktail) คือ
ค็อกเทล (Cocktail) เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ชนิดใดชนิดหนึ่ง หรืออาจจะมากกว่านั้น กับส่วนผสม อื่น ๆ เช่น น้ำผลไม้ ไซรัปรสชาติต่าง ๆ น้ำมะนาว เพื่อเพิ่มสีสันและรสชาติที่หลากหลาย ต่างกันไปตามแต่ละสูตร
ขั้นตอนการทำค็อกเทลรวมถึงการตกแต่งแก้วอย่างสร้างสรรค์เมื่อมาพร้อมกับเครื่องดื่มที่มีสีสัน สวยงามและรสชาติ ที่ดื่มง่ายแถมยังรสชาติดี จึงทำให้ค็อกเทลเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับวันที่อยากจะพักผ่อน แต่ไม่อยากดื่มหนักจนเกินไปนั่นเอง
ประเภทเหล้าที่นิยมนำมาผสมในค็อกเทล
เหล้า นับเป็นส่วนผสมหลักของค็อกเทลเลยก็ว่าได้ รสชาติที่แตกต่างก็จะขึ้นอยู่กับประเภทเหล้าที่ใช้ ซึ่งหลัก ๆ ก็จะมีดังนี้
1. บรั่นดี (Brandy) เหล้าที่นิยมดื่มกันมาก เกิดจากการหมักองุ่น รสชาติหอมนุ่มนวล ชวนดื่ม ดีกรีประมาณ 30-50%
2. วิสกี้ (Whisky, Whiskey) เป็นเหล้าที่ทำมาจากข้าวต่าง ๆ เช่น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เล่ย์ข้าวโพด ดีกรีประมาณ 35-45%
3. วอดก้า (Vodka) เหล้าที่เป็นนิยมมากในปัจจุบัน เป็นเหล้าสีขาวใส รสชาติร้อนแรง มีกลิ่นเพียงเล็กน้อยจนแทบไม่รู้สึก ดีกรี 40-60%
4. ยิน (Gin) เหล้าสีขาวที่มีกลิ่นหอมของผลจูนิเปอร์ มีความลงตัวระหว่างความ ดราย หรือ ไม่หวาน และกลิ่นรสสดชื่นของผลจูนิเปอร์ ดีกรี 35-43%
5. ตากีล่า (Tequila) เหล้าสีขาวแต่บางชนิดมีสีเหลืองทองจากการเก็บบ่มในถังไม้ มีกลิ่นและรสชาติร้อนแรง บาดคอ นิยมดื่มกินกับมะนาวและเกลือแต่ในปัจจุบันนิยมนำมาทำ ค็อกเทลมากขึ้น
6. รัม (Rum) เหล้าที่กลั่นจากอ้อยหรือกากน้ำตาล รสชาติหอมนุ่ม แต่จะมีความหอมน้อยกว่าเหล้ายิน ดีกรี 30-40%
7. ลิเคียว (Liqueur) หรือเหล้าหวาน เป็นการผสมสุราชนิดใดก็ได้กับความหวาน และเพิ่มสี กลิ่น รวมถึงรสลงไปด้วย โดยจะใช้สี กลิ่น รสของผลไม้ สมุนไพร เครื่องเทศมีสีต่าง ๆ มากมาย จะดื่มเพียว ผสมน้ำแข็ง หรือนำไปผสมค็อกเทลให้มีสีสวยงามก็ได้
Classic Cocktail มีอะไรบ้าง ?
สำหรับใครที่เป็นมือใหม่หัดดื่มอาจจะเขิน ๆ เวลาอยากจะสั่งค็อกเทลสักแก้วอยู่บ้าง เพราะฉนั้นเราจึงหยิบเมนูคลาสสิกค็อกเทลนิด ๆ หน่อย ๆ มาให้ได้รู้จักกัน
1. Mojito ค็อกเทลที่มีส่วนผสมหลักคือ เหล้ารัม มะนาว เเละใบสะระเเหน่ เป็นเมนูที่รสชาติอร่อย ดื่มเเล้วสดชื่นจึงเป็นที่นิยมของนักดื่มทั่วโลก
2. Margarita ค็อกเทลสีใส ที่มีเอกลักษณ์คือการเคลือบปากแก้วด้วย “เกลือ” ส่วนผสมจะมีเหล้า Tequila กับ Triple sec ผสมกับน้ำมะนาวเเละน้ำเชื่อม
3. Long Island Ice Tea ค็อกเทลที่มีส่วนผสมของเหล้าหลายชนิด ทั้ง Rum,Tequila,Triple sec เเละ Gin ผสมกับน้ำมะนาวเเละน้ำโคล่า จึงเป็นเมนูที่ค่อนข้างแรงมากกว่าเมนูอื่น ใครคออ่อนค่อย ๆ ดื่มจะดีกว่าน้า
4. Blue Kamikaze ค็อกเทลสีฟ้าน่ารักสดใส รสชาติถูกปาก มีส่วนผสมหลักๆ คือ วอดก้า กับเหล้า Blue Curacao เติมน้ำมะนาว ตามด้วยน้ำเชื่อมเเล้วนำไปปั่นจนเป็น Frozen รสชาติหวานดื่มง่าย
5. Pink Lady ค็อกเทลสำหรับสาวๆ รสชาติหวาน เปรี้ยว กลมกล่อม ใช้เหล้า Triple sec เเละ Gin ผสมกับน้ำมะนาวเเละน้ำเชื่อม
6. Dry Martini ค็อกเทลที่ใช้เหล้าสองตัวคือ Gin เเละ Dry Vermouth เป็นส่วนผสม เเละมีการใช้มะกอกดองมาเป็นเครื่องเคียง เพื่อช่วยตัดรสขมของ Gin ทำให้รสชาติดียิ่งขึ้นไปอีกค่ะ
7. Mai Tai ไมตาอี หรือ ไหมไทย ค็อกเทลที่มีรสชาติโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าใครที่ได้ลิ้มลอง ก็มักจะติดใจ โดยมีส่วนผสมหลักคือเหล้ารัม คูราโซ่ น้ำสับปะรด น้ำมะนาว และน้ำเชื่อม
ม็อกเทล (Mocktail) คือ
คำว่า MOCK ในภาษาอังกฤษนั้นมีความหมายว่า “เลียนแบบ” คำว่า Mocktail ที่ดูคล้ายกับคำว่า Cocktail จึงหมายถึงเครื่องดื่มที่ลอกเลียนแบบค็อกเทลทั้งหน้าตา วิธีการทำ หรือส่วนผสมที่มี ความคล้ายคลึงกัน จึงไม่แปลกที่หลาย ๆ คน จะแยกระหว่าง ค็อกเทล กับ ม็อกเทล ไม่ออกเพราะ มีความเหมือนกันมากจริง ๆ อย่างกับแฝดคนละฝาก็ว่าได้
แต่ความแตกต่างของม็อกเทลที่จะทำให้แยกออกได้นั่นก็คือเครื่องดื่มนี้ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือ Non-Alcohol รสชาติจะเน้นไปที่ผลไม้ที่นำมาเป็นส่วนผสม ดื่มง่าย อร่อยไม่ต่างจากค็อกเทล สามารถเป็นเครื่องดื่มสำหรับงานปาร์ตี้หรือดื่มผ่อนคลายอารมณ์ ได้เหมือนกันแถมยังมีคุณค่าทางโภชนาการสายเฮลตี้สามารถดื่มได้ หายห่วง
How To ผสมม็อกเทล
เนื่องจากม็อกเทลไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ รสชาติจึงเน้นไปที่ผลไม้หรือน้ำหวาน ที่นำมาจับคู่กัน สามารถเลือกตามใจชอบได้เลยไม่ว่าจะน้ำมะนาว โซดา ไซรัปรสต่าง ๆ ผลไม้ เพิ่มรสชาติด้วยสมุนไพรอย่างใบสาระแหน่ หรือเปลือกส้ม ให้ฟีลคล้ายกับค็อกเทลได้ด้วย โดยสามารถนำ สูตรม็อกเทล มาผสมตามวิธีด้านล่างนี้ได้เลย
1. Shake&Strain วิธีการเขย่าและกรองด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า กระบอกเช็ค (Shaker) โดยรินส่วนผสมลงในกระบอก ตักน้ำแข็งก้อนใส่ตามลงไป 4-5 ก้อน แล้วเขย่าด้วยความเร็วและแรง จนเกิดฝ้าขาวขุ่นขึ้นที่กระบอกแปลว่าใช้ได้ จากนั้นเทส่วนผสมทั้งหมดพร้อมน้ำแข็งลงในแก้ว แต่ถ้าเป็นสูตรที่เอาแต่น้ำก็สามารถกรองเฉพาะน้ำใส่แก้วได้
ข้อห้ามของวิธีเขย่า ห้ามเทส่วนผสมที่มีแก๊ส เช่น โซดา น้ำอัดลม ลงในกระบอกเช็ค เพราะจะเกิดแรงดันทำให้ฝากระเด็นหลุดออกมาได้ ควรจะนำส่วนผสมเหล่านั้นเติมใส่ทีหลัง
2. Stir วิธีการคนผสม จะนิยมคนผสมในแก้ว โดยใส่น้ำแข็ง 3/4 ของแก้ว แล้วเทส่วนผสม ลงในแก้ว ใช้ช้อนบาร์คนแบบกระทุ้งด้วยความเร็ว ประมาณ 6-7 รอบก็เรียบร้อย เป็นวิธีที่เหมาะกับส่วนผสมที่เข้ากันได้ง่าย
3. Build&Pour วิธีการรินหรือเท เทรินส่วนผสมทั้งหมดลงในแก้วที่มีน้ำแข็งรออยู่ โดยไม่ต้องคน ใส่หลอด แล้วยกเสิร์ฟได้เลย สำหรับเน้นสีสันของเครื่องดื่ม
4. Blend วิธีการปั่น นำส่วนผสมทั้งหมดลงเครื่องปั่น (Blender) แล้วปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน เหมาะสำหรับส่วนผสมที่เข้ากันได้ยาก เป็นเครื่องดื่มที่ให้ความเย็น ดื่มง่าย และรสชาติของเนื้อผลไม้
อ่านบทความเพิ่มเติม : https://blog.hungryhub.com/ค็อกเทล-กับ-ม็อกเทล/
Hungry Hub แอพพลิเคชั่นสำหรับจองร้านอาหารพร้อมดีลสุดพิเศษ ดาวน์โหลดแอปเลย > http://taps.io/downloadapp
#HungryHub #Cocktail #Mocktail
โฆษณา