25 ส.ค. 2022 เวลา 04:55 • ยานยนต์
หน้าจอขนาดใหญ่ ปลอดภัยจริงเหรอ?⚠️
ช่วงนี้ได้ยินคนพูดถึงรถยี่ห้อแปลกๆ ราคาถูกๆ ทั้งการพูดถึงในแง่ชื่นชม และในแง่ของความกังวล ว่ามันจะยังใช้งานได้แบบที่รถยนต์ควรจะเป็นหรือไม่ เรื่องนี้ไปทดลองขับบนถนนจริงก็พอได้คำตอบแล้วครับ ว่าจะไปต่อ...หรือพอแค่นี้😁
ถามว่าทำไมมีคนสนใจเยอะ นอกจากราคาแล้ว หลายๆ เสียงก็ตอบว่า ชอบหน้าจอใหญ่ๆ ที่เค้าติดมาให้ มันดูไฮเทคและน่าใช้ดี
งั้นวันนี้ เรามาคุยเรื่องการใช้หน้าจอสัมผัสในรถยนต์กันดีกว่าครับ ซึ่งประเด็นนี้ไม่เฉพาะคนไทยหรือคนจีนที่ตื่นตาตื่นใจกับมัน แต่รถที่มีหน้าจอใหญ่ๆ ก็เริ่มปรากฏให้เห็นในแบรนด์ยุโรปและอเมริกันบางรุ่น และตามมาด้วยเสียงชมและติมากมาย ทำให้ฝรั่งตั้งข้อสังเกตว่า แท้จริงแล้ว ชีวิตมันดีขึ้นจริงมั้ยถ้าเราจะเลือกรถที่มีหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่?
โดยปกติแล้ว การสั่งงานผ่านปุ่ม ไม่ว่าจะเป็นแบบกดหรือหมุนก็ตาม มีข้อดีคือเมื่อเราคุ้นเคยแล้ว ก็สามารถเอื้อมไปสั่งงานได้โดยไม่ต้องเหลือบมามอง ตายังมองถนนต่อไป ต้องการปรับมาก-น้อยแค่ไหนก็อาศัยความรู้สึกจากการขยับของปุ่มเองได้ แต่ถ้าเป็นการสัมผัสหน้าจอ ยังไงคนขับก็ต้องหันมามอง ยิ่งหน้าจอขนาดใหญ่มากๆ ก็ยิ่งต้องเพ่งมองมาก เพราะมีโอกาสจิ้มผิดมากตามไปด้วย🖥
บางคนมองว่าถ้าขึ้นไปนั่งรถคันไหน แล้วเหมือนมีแท็บเล็ตติดมาให้ มันคือความทันสมัยและน่าเป็นเจ้าของ แต่อย่าลืมว่าเวลาเราใช้แท็บเล็ต เราต้องมองหน้าจอตลอด ทั้งเพ่ง ทั้งปรับโฟกัส ก่อนจะเลือกเอานิ้วไปจิ้มในจุดที่ต้องการ แล้วถ้าขับรถไปด้วยล่ะ?😱
ล่าสุด มีหน่วยงานในยุโรปได้ลองนำรถหลากหลายรุ่นมาทดสอบ ทั้งรถรุ่นเก่าๆ ที่ไม่มีหน้าจอใดๆ กับรถยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยหน้าจอสัมผัส โดยให้ขับที่ความเร็ว 110 กม./ชม. แล้วใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การรีเซตเลขระยะทาง เปิดวิทยุ ปรับอุณหภูมิแอร์ เหมือนกันทุกคัน และให้ผู้ขับทำความคุ้นเคยกับรถแต่ละคันก่อนขับจริง เพื่อความยุติธรรม
ปรากฏว่า รถที่ไม่มีหน้าจอ คนขับปรับทุกอย่างเสร็จภายใน 10 วินาที กับระยะทางที่ตาต้องเหลือบมามองขณะรถวิ่งคือ 306 เมตร
ในขณะเดียวกัน กับรถที่คุณต้องทำทุกอย่างผ่านทางหน้าจอขนาดใหญ่แทนนั้น แค่การตั้งค่าเล็กๆ น้อยๆ คนขับต้องใช้เวลามากกว่าปุ่มแบบเดิมถึง 3 เท่า หมายความว่าต้องละสายตาจากท้องถนนนานกว่าเดิมอีก 3 เท่า ระยะทางที่เราขับไปโดยไม่ได้มองถนนก็ยาวขึ้นอีก 3 เท่า หรือคิดเป็นระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร แค่คิดก็อันตรายแล้ว🚑
สำหรับรถที่มีหน้าจอสัมผัส แต่ยังคงมีปุ่มให้กดสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้งานบ่อยๆ ก็จะใช้เวลาน้อยลงไปตามลำดับ ไม่นานเท่ารถที่รวมทุกอย่างในหน้าจอ
สรุปว่าหน้าจอยังมีประโยชน์ ไม่ใช่ว่าไม่น่าใช้ทั้งหมด แต่ก่อนจะเลือกรถคันต่อไปที่มีหน้าจอแบบสัมผัสขนาดใหญ่ ควรศึกษาดูว่า ผู้ผลิตไม่ได้ยัดทุกฟังก์ชั่นลงไปอยู่ในหน้าจอทั้งหมด อะไรที่ต้องใช้งานบ่อยๆ อย่างการรีเซตเลขระยะทาง ดูอัตราสิ้นเปลือง การปรับแอร์ หรือเครื่องเสียง ก็ควรแยกออกมาเป็นปุ่มต่างหาก หรืออย่างน้อยก็ต้องสั่งได้จากปุ่มที่พวงมาลัย โดยแสดงข้อมูลที่หน้าจอในเรือนไมล์แทน
นี่ยังไม่พูดถึงความทนทานของหน้าจอ เพราะยังไม่มีใครตอบได้ชัดเจน ต้องเผื่อใจไว้ด้วย ถ้าหน้าจอดับ จอแฮงค์ เราจะเหลืออะไรให้ใช้งานในรถคันนั้นได้อีกมั้ย? อย่าลืมว่าผู้ผลิตต้องระดับเซียนจริงๆ ถึงควบคุมความเสถียรขณะใช้งานในรถได้ ขนาดไอโฟนยังมีอาการรวนได้เลย
ดังนั้น หน้าจอใหญ่อาจไม่ใช่ข้อดีเสมอไป ยิ่งถ้าไปเจอตัวอักษรบนหน้าจอที่เล็กจนอ่านยากอีก แบบนี้ควรอยู่ให้ห่างไว้ เพราะความปลอดภัยไม่ได้เทียบกันที่ใครมีระบบเตือนรอบคันมากกว่ากัน แต่อยู่ที่ความปลอดภัยขณะใช้งานด้วย👍
ถ้าคิดว่าคลินิกนี้มีประโยชน์ ฝากช่วยกันแชร์นะครับ ยิ่งมีคนอ่านมาก ก็มีความรู้มาก จะได้ลดการกระจายข้อมูลแบบปากต่อปากที่ผิดเพี้ยน
#mycarclinic
#เลือกรถที่ใช่
#เลือกรถอะไรดี
#เลือกรถไฟฟ้า
#เลือกรถไฮบริด
#ดูแลรถด้วยตัวเอง
#besmartdriver
โฆษณา