29 ส.ค. 2022 เวลา 01:09 • ธุรกิจ
การตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ (The Great Decision)
หลายปรากฎการณ์หลังวิกฤติโควิด
-Bangkok- ในยุคที่เรียกได้แล้วว่าเป็น Post Covid Era แล้วนั้น หลายคน โดยเฉพาะวัย Millennials ที่ใช้ชีวิตก้ำกึ่ง ครึ่งๆ กลางๆ ระหว่างคนต้นเจน Y แต่อยู่ปลายเจน X ที่คนเหล่านี้ใช้ชีวิตสุดคลาสสิคพร้อมความทรงจำแห่งยุคความหวาดกลัวของ Y2K และต้มยำกุ้งมาแล้ว
ในวันนี้กว่าสองทศวรรษที่ผ่านมานี้ โลกสำหรับคนเจนก้ำกึ่งอย่างเช่นผมยังไม่เคยเปลี่ยน ความรู้สึก ความรักความชอบในวิถีชนยุค 90 นั้นมันยังอบอวนครุกรุ่นอยู่บนเตาเสมอ แม้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนชีวิตเราไปมากเพราะโควิดก็ตาม
แต่หลายเหตุการณ์เช่น Burnout, The Great Resignation, และ Quiet Quitting นั้นต่างกระทบคนเฉียดวัย 40 หรือใกล้ๆ กันไม่มากก็น้อย
หลายคนสมัครงานกันยกใหญ่หลังโควิดพอจะสงบลงบ้าง เพราะคาดว่าน่าจะได้งานที่ ideally แล้วตนจะ happy แต่ความเป็นจริงมันโหดร้าย คนใกล้หรือเกินวัย 40 แล้ว เขาจะเอาไปทำอะไร ค่าตัวก็แพง ประสบการณ์ก็จับฉ่าย คือมันคงหมดยุค versatile & multi-tasking และ perfectionism กันไปแล้วมั้ง
หลายที่เปืดรับสมัคร ส่วนใบสมัครส่งกันรัวๆ วันละหลายหมื่น ด้วยระบบที่มันคลิกแล้วก็สมัครเลย คนก็ส่งกันใหญ่ บริษัทฯ ก็ประกาศไปงั้นอ้างว่ารับใบสมัครมาเยอะ ขอ reject ก่อนแล้วกัน
เชื่อว่าปรากฏการณ์สามสี่อย่างที่อ้างไว้ข้างบน คงล้มล้างความพยายามของคนหลายคนเลยล้ะกับศรัทธาในการเข้าระบบงานแบบเดิมๆ มีออฟฟิส มีโต๊ะทำงาน มีห้องประชุม และมีการประชถมที่ดูแล้วทั้ง endless และ hopeless เพราะมัน redundant ในบทสนทนา
จนเรียกว่าทุกวันนี้ คนเรา(อาจจะเจนอื่นด้วยก็ได้มั้ง แต่คนเขียนนี่เจนนี้ Millennials) แน่นอน เลยว่าแสวงหาความ happy และความ healthy เหนือกว่าความ wealthy ใดๆ ทั้งปวง เพราะมันทู่ซี้เอาไปซื้อหาอะไรไม่ได้
จิตใจคนเป็นโรคเครียดและซึมเศร้าอย่างที่ควบคุมไม่ได้นั้นพบมากกว่าโควิดหรือฝีดาษลิง เพียงแค่สาธารณชนไม่คิดจะยอมรับ ง่าสังคมเราเต็มไปด้วยความผิดหวัง สิ้นหวัง และลมหายใจที่รวยระริน
ให่ทำอย่างไรได้ คนไลฟ์ขายของวันละหลายแสน ตลาดนัดปิดไปหลายคอก สถาบันการศึกษาถูก downsize ธุรกิจกับการทำงานไม่มีอะไรจูงใจ
แถมอะไรต่อมิอะไรก็ต้องบล็อคเชนกับคริปโตถึงจะได้ดีมีงานทำ
ความรู้ยุคบรรพกาลและประสบการณ์อันหลากหลาย กลายมาเป็นปัจจัยทำลายตัวเราเอง คนมองว่าเหลาะแหล่ะ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ท้อง่าย ขี้บ่น ไม่ทนงาน ไม่สู้ปัญหา (ณ วัย 40)
What? สังคมนี้เปลี่ยนไปสู่ยุคแห่งการเอาตัวรอด ใครอยู่ comfort zone หรือ safe area ควรอยู่ตรงนั้น ใครกล้าออกมา จะถูกมองว่าท้าทายบรรทัดฐาน ไปเที่ยวประเทศที่กำลังรบกันคือภาระ การแสดงทรรศนะส่วนตนเป็นเรื่องน่ารังเกียจ การเรียกร้องตามที่ตนต้องการคือเรื่องต้องห้าม
สรุปแล้วที่บ่นที่พูดมาคือว่า จะเจนไหนก็ช่างเถิด แต่ผู้เขียนเองคิดว่าเหนื่อยมามากแล้วกับ 20 ปีกับการพัฒนาจากเด็กน้อยจนเรียนจบ กับอีก 20 กว่าปีที่ท่องโลกการทำงานที่หลากหลายทั้งดีชั่วประสบมาหมด
แล้วจุดนี้คือสิ่งที่หลายคนคงคิด "อะไรที่ทำให้เรามีความสุขได้บ้าง?" คำตอบอยู่ที่คุณครับ รักในสิ่งที่เราชอบ แล้วก้าวเท้าทำมัน สานฝันที่ยังฝันให้เป็นจริง แม้คนรอบช้างจะไม่เชื่อในความคิดและจิตวิญญาณของคุณก็ตาม
ใดใดแล้ว คุณจะป่วยตายเพราะนั่งทำงานตายคาออฟฟิสสวยหรูที่คุณดันทุรังจนสมัครเข้ามาได้
หรือนอนหลับในท่ายิ้มในแบบที่สัปปเหร่อเองก็ง้างให้หุบก็ไม่ได้เลยทีเดียว เพราะคุณได้ enjoy ชีวิจอีก 20-30-40 ปี ที่เหลือต่อจากนี้ด้วยรอยยิ้มของตัวคุณเองหรือไม่
ซึ่งเป็นยิ่มที่คุณเต็มใจยอิ้มให้กับงานที่คุณทุ่มเทด้วยความรัก ไม่ใช่ยิ้มที่ฝืนกลั้นให้มันยิ้มออกมาเพราะมารยาท.
โฆษณา