Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ธรรมะ คือ คุณากรณ์
•
ติดตาม
29 ส.ค. 2022 เวลา 03:01 • ปรัชญา
คำถาม:
ชีวิตมีทั้งสุขและทุกข์ ตอนสุขก็ดีตอนทุกข์ก็แย่ จะออกจากความรู้สึกแบบนี้ได้อย่างไรครับ
คำตอบ:
ความสุขความทุกข์ก็เพราะอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นของเราเอง จริง ๆ แล้วความ
สุขหรือความทุกข์มันก็เป็นอาการอันหนึ่งเท่านั้น อาการที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดแล้วไม่ดับ
ความสุขความทุกข์ทั้งหลายเหล่านี้มันก็เป็นอาการอันหนึ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วก็ตั้งอยู่แล้วก็ดับไป เราเป็นเพียงทางผ่านของสิ่งทั้งหลายเหล่านี้นั่นเอง แต่เมื่อเขาผ่านมาแล้วจิตนี้เป็นผู้สัมผัสรับทราบในสิ่งผ่านเข้ามา แต่จิตดวงนี้ด้วยอาศัยอวิชาเป็นตัวครอบงำเป็นพื้นฐานอยู่ภายในจิตในใจตนเอง ทำให้จิตใจดวงนี้ไม่สามารถเข้าใจหรือรู้จักความจริงแท้ของสิ่งที่ผ่านเข้ามา ก็เลยเปิดโอกาสให้โมหะความลุ่มหลงที่
ก่อเกิดมาจากอวิชชานั้นเสกสรรปั้นแต่งให้สิ่งที่ผ่านเข้ามาเป็นสิ่งที่น่ายินดีหรือน่ายินร้าย ที่เราต้องการหรือไม่ต้องการ เพราะฉะนั้นเมื่อสิ่งเหล่านี้ผ่านเข้ามาเราก็ไปยึดในสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ เราก็ไปยึดเอาว่าเป็นเราเป็นของ ๆ เรา
ถ้าเป็นสุขเราก็ต้องการ เมื่อเราต้องการในความสุขที่มันผ่านเข้ามา เราก็เกิดเป็นความหวง เกิดเป็นความห่วง เกิดเป็นความความกังวล ว่ามันจะเสียไปมันจะจากไป แต่ความหวง ความห่วง ความกังวลมันก็เป็นตัวทุกข์อันหนึ่ง และสิ่งทั้งหลายเหล่า
นี้มันก็มีพื้นฐานที่ว่ามีการเกิดขึ้นแล้วก็ต้องดับไปไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดแล้วไม่ดับ เมื่อมันดับไปเราก็เป็นทุกข์เพราะมันดับไป เพราะความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักนั่นเอง
แต่ถ้าสิ่งที่เป็นทุกข์มันผ่านเข้ามา ด้วยอำนาจแห่งโมหะ สิ่งที่เราไม่ต้องการเราไม่ปรารถนา เราก็เกิดไปต่อต้าน เกิดไปยึดในการต่อต้านว่าเราไม่ต้องการทำไมจะต้องเป็นเรา มันก็เข้ามาแผดเผาเรา
ไม่ว่าจะเป็นอาการสุขหรือเป็นอาการทุกข์ เมื่อมันผ่านเข้ามาด้วยความโง่ที่มีอยู่ใน
พื้นฐานของจิต จิตดวงนี้ก็ไปยึดเอา จิตดวงนี้ก็เลยเป็นผู้ทุกข์เสียเอง ก็เลยวุ่นวายเดือดร้อนไปกับความสุขความทุกข์ทั้งหลายเหล่านั้น
การที่เราจะมาอยู่เหนือสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราก็ต้องมีปัญญาที่จะหมั่นพิจารณาให้เห็นตามสภาพความเป็นจริงว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราเป็นเพียงทางผ่านของเขานั่นเอง เราเป็นเพียงผู้รับทราบในสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเท่านั้นเอง เรามาพิจารณาดูว่าชีวิตของเราเกิดมาจนถึงบัดนี้ มีความสุขผ่านเข้ามาในชีวิตของเรามากมายก่าย
กองขนาดไหนแล้ว แล้วมีความสุขตัวไหนไหมที่มันยังอยู่คู่เคียงกับเรามาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ... ไม่มีเลย ในขณะที่มันเกิดขึ้นมาเราก็สัมผัสรับทราบอยู่เพียงชั่วครู่มันก็จากไปแล้ว หรือความทุกข์ก็เช่นกัน มันเกิดขึ้นมา มันผ่านเข้ามา เราก็เป็นผู้สัมผัสรับทราบแล้วมันก็จากไป ในขณะที่มันอยู่ ก็เหมือนเราจะจมอยู่ในกองทุกข์เหมือนจะอกแตกตายเหมือนจะทนอยู่ไม่ได้ แต่สักครู่สักยามมันก็ผ่านออกไป มันไม่มีตัวไหนที่ผ่านเข้ามาแล้วจะอยู่คู่เคียงไปกับเราตลอด
เพราะฉะนั้นให้เราพิจารณาให้เห็นว่ามันเป็นเพียงอาการอันหนึ่งเท่านั้น มันไม่ใช่เรามันไม่ใช่ของ ๆ เรา เราเป็นเพียงผู้รับทราบสัมผัสรับทราบในสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อเราเข้าใจแล้วว่าเราเป็นเพียงผู้รับทราบในสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราก็ไม่ไปยึดติดในความสุขในความทุกข์ทั้งหลายเหล่านี้ เราก็จะดีดตัวออกมาอยู่เหนือความสุขความทุกข์ทั้งหลายเหล่านี้ นี่แหละคือความเป็นผู้ทรงธรรม จะอยู่เหนือบุญเหนือบาป จะอยู่เหนือความสุขความทุกข์ทั้งหลายเหล่านี้อย่างแท้จริง ก็เกิดขึ้นมาจาก
การพิจารณาให้รู้แจ้งแทงตลอดในสภาพความจริงของสิ่งเหล่านั้นนั่นเอง
การที่พวกเราปฏิบัติก็เพื่อรู้แจ้งแทงตลอดในสภาพธรรมชาติของสิ่งทั้งหลายว่าเขาเป็นเช่นนั้นเอง เขาไม่ได้มีความหมายในตัวของเขา เราเองเป็นผู้ไปสมมติเขา เราก็ไปยึดมั่นถือมั่นทุกข์ต่าง ๆ ทั้งหลายเหล่านั้น เมื่อเราพิจารณาธรรมให้เห็นตามสภาพความเป็นจริง เราจะสามารถถอดถอนสมมติออกไปถึงซึ่งความวิมุตติ ความวิมุตติก็คือหลุดพ้นจากการครอบงำของกิเลสทั้งหลายเหล่านั้นได้นั่นเอง.
พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม
วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2565
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย