29 ส.ค. 2022 เวลา 12:30 • ไอที & แก็ดเจ็ต
HOW TO การช่วยปกป้องคอมพิวเตอร์จากการถูกแฮ็ก
เมื่ออาชญากรรมไซเบอร์กำลังระบาดอย่างหนัก ทุกธุรกิจจึงควรเตรียมความพร้อมเพื่อรับมืออย่างทันถ่วงที โดยวิธีการหลักคือแฮกเกอร์จะหาจุดอ่อนหรือช่องโหว่ของระบบ จากนั้นก็จะเจาะเข้ามาใน Server เพื่อขโมยข้อมูลในระบบ ทำความเสียหายให้แก่ข้อมูล
ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมา นอกจากข้อมูลจะเสียหาย สูญหาย หรือไม่ได้กลับคืนมาแล้ว ถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับคุณ คอลัมน์นี้ขอพาทุกท่านมาเตรียมรับมือกันง่ายๆ กับ HOW TO การช่วยปกป้องคอมพิวเตอร์จากการถูกแฮ็ก
1. ติดตั้งโปรแกรมAntivirus
การใช้โปรแกรม Antivirus ชั้นสูงกับคอมพิวเตอร์ของบริษัทถือเป็นหลักการพื้นฐาน ด้วยการเลือกหา Antivirus ที่ดีที่สุดสำหรับ Windows ที่ตรงตามความต้องการที่จำเพาะของคุณ แล้วติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ภายในบริษัททุกเครื่อง
2. สร้างนโยบายด้านความปลอดภัยสำหรับอีเมลที่เข้มงวด
อีเมลนับเป็นแหล่งขนาดใหญ่ของการสื่อสารประจำวันในบริษัท จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่ต้องมีนโยบายด้านความปลอดภัยของอีเมลที่แข็งแกร่งเอาไว้ใช้เพื่อป้องกันการถูกแฮกโดยไม่รู้ตัว เพราะธุรกิจที่ไม่มีนโยบายความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ อาจเปิดโอกาสให้ตัวเองถูกโจมตีขโมยข้อมูลได้
3. ซ่อนที่อยู่ไอพีของคุณ
หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาทั้งความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในสภาพแวดล้อมบนโลกออนไลน์ปัจจุบันคือ การปกปิดที่อยู่ไอพีจริงของคุณ ซึ่งทำให้ยากต่อการที่อาชญากรไซเบอร์และแฮ็กเกอร์ที่จะบุกเข้ามาสร้างความเสียหายในบริษัท
4. ติดตั้งระบบ MDM
ระบบ Mobile Device Management หรือ MDM ถือเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นสำหรับการทำงานของฝ่ายไอทีในบริษัทของคุณจะทำให้ทีมงานด้านความปลอดภัยของคุณสามารถเข้าควบคุมอุปกรณ์ที่พนักงานของคุณใช้ได้ดีขึ้น
1
5. ให้ความรู้แก่พนักงานและบังคับใช้กฎระเบียบ
พนักงานจำเป็นต้องตระหนักถึงช่องโหว่ที่อาจเป็นไปได้บนอุปกรณ์ที่พวกเขาใช้ทำงานตัวอย่างเช่น พวกเขาควรจะรู้ว่าอีเมลฟิชชิ่งและโปรแกรมที่เป็นอันตรายสามารถตรวจสอบและหลีกเลี่ยงได้ และควรระลึกถึงวิธีระมัดระวังเวลาสื่อสารกับคนอื่นบนโลกออนไลน์
6. สำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
การสำรองข้อมูลเป็นสิ่งที่ควรจะทำเป็นประจำ เมื่อโดนแฮ็ก ข้อมูลของบริษัทฯก็ยังอยู่ เพียงแค่Restoreทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ถ้าไม่มีการBackupข้อมูลเลย ถ้าเมื่อใดที่ข้อมูลถูกขโมย ข้อมูลเหล่านั้นก็จะก็หายไปทันที
การสำรองข้อมูลจึงเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดความเสียหายจากการโจรกรรมข้อมูลได้เป็นอย่างดี โดยควรตั้งการสำรองข้อมูลอัตโนมัติ(Schedule Backup) และเก็บข้อมูล ลBackupไว้ในที่ทีเข้าถึงยาก ยิ่งเข้าถึงผ่านทางอินเตอร์เน็ตไม่ได้ยิ่งดี
1
7. กำหนดสิทธิของผู้ใช้
การบริหารจัดการสิทธิของผู้ใช้เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมากในการป้องกันความเสียหายจาก Cyber Crime ผู้ใช้งานทั่วไปจะต้องไม่ได้รับสิทธิในการยุ่งเกี่ยวกับการปรับแต่งหรือเปลี่ยนค่าใดๆในคอมพิวเตอร์นอกจากการใช้งานปกติเท่านั้น และจำเป็นอบ่างยิ่งที่ควรจะมีแค่Adminคนเดียวที่สามารถทำได้
8. จัดการสภาพแวดล้อมทางไอทีให้เป็นระบบปิดมากที่สุด
การทำสภาพแวดล้อมให้เป็นปกติคือการลดความเสี่ยงอย่างหนึ่งจากปัจจัยภายนอกที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อข้อมูลของคุณได้ เมื่อจำกัดปัจจัยต่างๆ ต้นเหตุของความเสียหายก็จะลดลง ข้อมูลของคุณก็จะปลอดภัยขึ้น มันเป็นวิธีการปิดจุดอ่อนหรือช่องโหว่ของระบบที่เป็นหลักพื้นฐานความปลอดภัยที่ทุกองค์กรไม่ควรมองข้าม
โดยมีข้อแนะนำ คือ ไม่ให้บุคคลภายนอกใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในธุรกิจของคุณ จำกัดการใช้งานอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยง เช่น แฟลชไดร์ฟ หรือ External Hard disk จำกัดการใช้งานอินเตอร์เน็ตสำหรับผู้ใช้ไม่ให้มีการรับส่งข้อมูลไปภายนอก
วิธีการป้องกันข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ของธุรกิจให้รอดพ้นจากการโจมตีด้วยไวรัสและการล้วงข้อมูลของเหล่าบรรดานักแฮกเกอร์ ผู้ประกอบการและพนักงานควรป้องกันอย่างเคร่งครัด เพราะการรักษาข้อมูลสำคัญทางธุรกิจและข้อมูลส่วนตัวลูกค้า เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลย
ไม่ว่าจะในองค์กรเล็กๆ หรือองค์กรใหญ่ๆ เพราะหากข้อมูลทางธุรกิจของคุณตกไปอยู่ในมือของแฮกเกอร์ และถูกนำไปแสวงผลประโยชน์อันไม่ชอบ อาจทำให้คุณเสียลูกค้าไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ดังนั้นเเล้วจึงควรให้ความใส่ใจกับการรักษาความปลอดภัยเพื่อการดำเนินงานอย่างมีคุณภาพสูงสุด
โฆษณา