30 ส.ค. 2022 เวลา 10:45 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
🎬👊🏻 Fight Club "กับพลังแห่งการเริ่มต้นด้วยทำไม"
Fight Club (1999) อีกหนึ่งหนัง Must list ที่ผมคิดไม่ผิดเลยที่กดดู (หลังจากดองไว้นาน 555) เชื่อว่าหลายคนที่เคยดูแล้วก็น่าจะรู้สึกคล้าย ๆ กันว่า "หนังเรื่องนี้มันอะไรกันครับเนี่ย!!" หัวผมแทบจะระเบิดอยู่ตลอดเวลาตอนที่ดูหนังเรื่องนี้ ด้วยบท ด้วยลำดับการเล่าเรื่อง และก็ด้วยการแสดงที่สุดยอดเอามาก ๆ
ซึ่งถ้าใครที่ยังไม่เคยดูก็คงจะนึกภาพไม่ออกว่าไอ้หนังเรื่องนี้ หนังที่โปสเตอร์เป็นผู้ชายสองคนยืนถือสบู่สีชมพูที่สลักคำว่า FIGHT CLUB จะเป็นหนังที่เอาจริงเอาจังสื่อสารแนวคิดหรือปรัชญาการใช้ชีวิตได้ชัดและแข็งแรงขนาดนี้ นั่นเป็นอีกจุดนึงที่ผมชอบหนังเรื่องนี้เอามาก ๆ
บทความนี้ผมเลยจะยกเอาแนวคิดหรือมุมมองที่ผมได้รับจากหนังเรื่องนี้ ที่ดั๊นนนประจวบเหมาะกับหนังสือเล่มล่าสุดที่ผมพึ่งอ่านจบไปพอดี จนเกิดเป็น ตู้มมมม!... บทความนี้ขึ้นมา 5555
สิ่งที่หนังพยายามจะสื่อผ่านตัวละครหลักทั้งสองตัว อย่างตัวพระเอก 'ชายหนุ่มนิรนาม' (เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน) พนักงานออฟฟิศชนชั้นกลางที่รู้สึกว่าชีวิตตัวเองแสนน่าเบื่อต้องทำงานซ้ำ ๆ รู้สึกว่าทุกคนเหมือนกันหมดอย่างกับถูกถ่ายเอกสารออกมาจากต้นแบบเดียวกัน มีความฝันคล้ายกันทำอาชีพคล้ายกันแต่งกายและใช้สิ่งของที่ออกมาจากโรงงานเดียวกัน ถูกกรอบบางอย่างบังคับให้เราต้องเป็นหรือต้องมีเหมือน ๆ กัน กับ 'ไทเลอร์ เดอร์เดน' (แบรด พิตต์) ชายหนุ่มหล่อเท่ผู้ไม่ยึดติดกับวัตถุใด ๆ ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงในแบบของตน
คือเรื่องของการหาคำตอบของชีวิตโดยการ "เริ่มต้นจากการถามว่าทำไม" ตั้งข้อสงสัยกับกรอบบางอย่างของสังคม ระบบทุนนิยม และความฝันของผู้คน
'ไทเลอร์ เดอร์เดน' เป็นตัวอย่างที่ดีของแนวคิดนี้ การกระทำ คำพูด และความคิดทุกอย่างของเขาล้วนเริ่มต้นจากคำถามทำไม นั่นจึงทำให้เขากลายเป็นคนที่มีจุดมุ่งมายที่ชัดเจน น่าเชื่อถือ และสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลาย ๆ คนที่มีความเชื่อลึก ๆ คล้ายกันกับเขามาเข้าร่วม Fight Club จนกลายเป็นกระบวนการใหญ่โตไปทั่วประเทศ
กลับกัน ถ้า 'ไทเลอร์' ไม่ได้เริ่มต้นจากทำไม แต่เริ่มต้นจาก #อะไร และ #อย่างไร โดยการบอกว่า "เราจะมาต่อยกันเถอะ ต่อยกันแบบถอดไทถอดเสื้ออกนะ มาต่อยระบายความเครียดกัน" ก็คงจะฟังดูแปลก ๆ และคงไม่มีใครเข้าร่วมกับเขาซักเท่าไหร่
แต่สิ่งเขาทำคือการเริ่มจากการบอกถึง #ทำไม ที่ส่งตรงเข้าไปข้างในจิตใจของผู้คน เขาบอกถึงเหตุผลที่ #FightClub ถูกตั้งขึ้นและเจตจำนงในการมีอยู่ของ Fight Club จนคนที่เชื่อคล้ายกันกับเขาจากทุกชนชั้นอาชีพของสังคมมารวมตัวกัน ชกต่อยกันแบบไม่โกรธเคืองกัน และที่สำคัญ พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้ทำเพราะว่าไทเลอร์เป็นคนบอกให้ทำหรือทำเพื่อให้ไทเลอร์พอใจ แต่พวกเขา "ทำเพื่อตัวของพวกเขาเอง" "ทำเพื่อตอบโจทย์ความเชื่อและตอบสนองตัวตนลึก ๆ ของตัวพวกเขาเอง"
อีกแนวคิดหนึ่งที่หนังสื่อสารออกมาตลอดแทบทั้งเรื่องคือเรื่องของการ #ช่างแม่ง การทิ้งสิ่งที่ไม่สำคัญไม่จำเป็นออกไป ใช้ชีวิตไม่ยึดติดกับสิ่งใด ไม่ตามใจใครแค่ตามใจของตัวเราเอง
ซึ่งการที่จะทำอย่างนั้นได้ก็ต้องผ่านการค้นหาให้ได้ก่อนว่าสิ่งไหนสำคัญสิ่งไหนจำเป็น ไม่ใช่ไม่เห็นทุกอย่างไม่รู้ทุกเรื่องไม่สนไม่แคร์กับทุกสิ่ง แบบนั้นชีวิตเราคงก้าวไปไหนไม่ได้เลย
โดยรวมแล้ว #FightClub เป็นหนังที่ผมชอบมาก ๆ เรื่องหนึ่ง ชอบจนอยากจะเอามาเขียนบทความต่อให้เราได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน สำหรับใครที่ดูแล้วมีความเห็นยังไงอยากเพิ่มตรงไหนอยากแย้งอะไรหรือผมตกหล่นข้อมูลสำคัญตรงไหนไปก็สามารถพิมพ์มาบอกกันได้ที่ใต้คอมเมนต์ได้เลยนะครับ หรือจะทักมาคุยกันในอินบอกซ์เพจก็ได้เช่นกันพร้อมคุยเสมอ ส่วนใครที่ยังไม่ได้ดูผมก็อยากแนะนำให้ทุกคนได้ลองไปดูไปสัมผัสด้วยตัวเองกันดูซักครั้งนึงนะครับ ตอนนี้สามารถดูแบบถูกลิขสิทธิ์ได้แล้วใน #NETFLIX
"Just Take a baby step." 👶🏻 By #มนุดปอ #manudpor
#psychology #จิตวิทยา #พัฒนาตนเอง #selfdevelopment #selfgrowth #Book #Moviereview #Movie | 072/2022 (มนุดปอ Ep.112)
👨🏻‍🏫อ้างอิงและศึกษาเพิ่มเติม
📙หนังสือ
- Start With Why ตั้งคำถามเพียง 1 ข้อ ก็พลิกจากตามขึ้นมานำ | #SimonSinek
- The Subtle art of not giving a fuck! ศิลปะแห่งการช่างแม่ง | #MarkManson
📝บทความ
- #รีวิวหนังสือ Start With Why 📕 "ทำไม ถึงต้องอ่านหนังสือเล่มนี้?"
- #รีวิวหนังสือ ศิลปะแห่งการช่างแม่ง 📙 "ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าจะแคร์ทุกสิ่งอย่าง ช่างแม่ง! ไปบ้างจะเป็นไง"
🎬ภาพยนตร์
- Fight Club (1999) ไฟท์ คลับ ดิบดวลดิบ | #DavidFincher
โฆษณา