Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The ONLY ONE (in The Universe)
•
ติดตาม
29 ส.ค. 2022 เวลา 17:14 • การศึกษา
#ลงทุนเวลาเพื่อสร้างความรู้มาขาย
Digital Products คือ อะไร ข้อดี ข้อเสียคืออะไร และทำไมบางคนทำแล้วขายไม่ได้?
ก่อนจะอธิบายในแต่ละคำถาม ให้ลองนึกภาพดูว่า
-ทำไมนโปเลียน ฮิลล์ เขียนหนังสือ Think and Grow Rich อายุเป็น 100 ปี แต่ทุกวันนี้ยังขายได้
-ทำไม เจ เค โรลลิ่ง เขียนหนังสือ Harry Potter 7 ภาค และยังต่อยอดไปถึงพูดถึงประวัติดับเบิ้ลดอร์อีก
-ทำไม จอร์จ ลูคัส สร้าง Star Wars ออกมา 3 ภาค ยังสามารถขยายก่อนหน้า และหลังจากนั้น รวมกัน 9 ภาค และยังขยายไปถึงของสะสมที่ระลึก และมูลค่าอื่น ๆ อีกมากมาย
-ทำไม Ed Sheeran ออกอัลบั้มมาตั้งหลายเพลง พอ Thinking out loud เพลงเดียวดัง ส่งผลให้เพลงที่เคยออกมาก่อนหน้านั้น ยอดวิวมหาศาล
-ทำไมน้อง The Toys ออกเพลง “หน้าหนาวที่แล้ว” ในปี 2015 เพลงมาฮิตคอนปี 2017 และจากนั้น เพลงอะไรก็ “โดน” หมด
คนเหล่านี้ เค้าสร้าง “ผลงานรูปธรรมที่เป็นประจักษ์” เพื่อลด “ภาระ” และสร้าง “ผลลัพธ์” ในระยะยาว
แต่คนส่วนใหญ่ วิ่งตาม “ผลลัพธ์” ในระยะสั้น และสร้าง “ภาระ” ในระยะยาว เพราะไม่มีผลงานจริง ๆ (หมายถึง เป็นความรู้ของคุณเฉพาะจริง ๆ นะ ไม่ใช่การรวบรวมเอาจากหนังสือ หรือแหล่งอื่น ๆ มา ที่ใคร ๆ ก็ทำได้)
บางคน เห็นเน็ตไอดอล ไลฟ์สดขายของ เป็นคนดัง แต่เบื้องหลัง เค้าต้องหมุนเงินเยอะมาก ป่วยไมได้ ต้องดูแลพนังานเป็นพัน ๆ คน มันเป็น “ภาระ” ที่เราต้องการจริง ๆ หรือเปล่า?
Digital Products คืออะไร?
Digital Products คือ สินค้าที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่คุณสามารถสร้างผลงานจาก “ความรู้ ทักษะ พรสวรรค์” ที่คุณมีเฉพาะ ในรูปแบบเพลง E-Book Audio Book และคอร์สออนไลน์ และอื่น ๆ และยังสามารถต่อยอดไปเป็นรูปแบบหนังสือ หรืออื่น ๆ ได้อีก เป็นสินทรัพย์อย่างหนึ่ง
ข้อดี
1. แทบจะไม่มีต้นทุน – ต้นทุน คือ เวลา ค่าชาเย็น ค่าน้ำ ค่าไฟ ^_^ ไม่เสี่ยงอะไรเลย
ถ้าคุณมีงานที่ทำอยู่เดิม ก็ทำต่อไป แต่เพิ่มตรงนี้เข้าไป อย่าเลิกเป็นพอ
2. ทำงานครั้งเดียวแล้วจบ อยู่ตลอดไป เช่น ทำเสร็จแล้ว ก็ไปวางขายในแพล็ตฟอร์มที่เค้ามีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์จำนวนมาก (สมมติเว็บไซต์นั้นเจ๊ง ก็เก็บไฟล์ ไปไว้ในแพล็ตฟอร์มอื่น ๆ อีกในอนาคต) ให้นึกถึง Ed Sheeran เพลงใหม่โดน เพลงเก่า ก็กลับมาโดนด้วย อย่างเพลง รักเดียว ของพี่ปู พงสิทธิ์ ออกมาตั้ง 20 กว่าปี กลับมาดังอีกครั้ง
3. สร้างรายได้ตลอดไป ไม่ต้องยิงแอด ไม่ต้องตอบแชท ไม่มีของให้แพ็ค และถึงเวลาทางแพล็คฟอร์มจะโอนเงินเข้าบัญชีทุกเดือนเอง
4. เป็นเครดิต “ผลงานรูปธรรมที่ประจักษ์” ที่แข็งแรง ยั่งยืนกว่าสื่อปกติทั่วไป (เช่น คลิปไวรัล ที่มาแล้วก็ไป)
5. เป็นสินทรัพย์ทางปัญญา (สินทรัพย์ประเภทหนึ่ง) ต่อยอดเป็นหนังสือ หรือ E-Library ในองค์กรได้ ขายได้ทั่วโลก
6. ดึงดูดผู้คนเข้ามาคุณเอง
7. สร้างความภูมิใจให้กับตัวเอง และได้ทำในสิ่งที่เป็นตัวตนของเราจริง ๆ
8. ได้สร้างสิ่งใหม่ ๆ ให้กับโลกใบนี้
9. สร้างคุณค่า ประโยชน์ให้กับผู้คนในโลก
ข้อเสีย
1. ไม่เร็ว ใช้เวลา ไมได้ปรู๊ดปร๊าด หงุดหงิด (เพราะจะเอาผลลัพธ์เร็ว ๆ) เพราะการสร้างผลงานใช้เวลา แต่พอเริ่มผลงานที่ 1 2 3 เริ่มออกมาเรื่อย ๆ ถึงจะเริ่มเห็นผล ก็ย้อนกลับไปที่ Harry Potter, Ed Sheeran, Think and Grow Rich คิดว่า เค้าใช้เวลาเร็วไหมละครับ?
ทำออกมาแล้วจะขายได้เหรอ หรือทำไมขายไม่ได้?
คำตอบ คือ ขายได้ แต่จำนวนเท่าไร ตอบไม่ได้ครับ แต่จากประสบการณ์ การขายได้มันมาจาก 2 อย่าง
1. ขายได้จากตัวบุคคล เช่น เป็นคนติดตามเยอะ เป็นคนมีชื่อเสียง ฯลฯ แต่หาก “ผลงาน” ไม่ใข่ตัวตนแท้ ๆ หรือ ไปลอกคนอื่นมา หลอกลงทุน วันนึงจะเจอ “หายนะ” เหมือนคุณอื่น ๆ หรือคุณ นต ยูทูปเบอร์ ฯลฯ – อันนี้ไม่แนะนำ เพราะไม่ยั่งยืน
2. ขายได้จากผลงานที่เป็น 4 ต คือ ตัวตน แตกต่าง แตะ (หัวใจ) และต่อยอด – อันนี้จะยั่งยืน ยาวนาน ถ้าเข้าใจลักษณะธรรมชาติ ใช้คำว่า อยู่ได้ตลอดช่วงชีวิตมนุษย์ ก็เหมือน Think and Grow Rich, Star Wars, Harry Potter และเพลง Thinking out loud นั่นแหละ
แต่คนส่วนใหญ่ ไม่ทำข้อ 2 กัน เพราะ “จะเอาเร็ว ๆ” กลัวไม่ได้รับการยอมรับจากคนอื่น ๆ เลยเอาอะไรก็ได้ ที่เป็นคอนเทนต์ หัวข้อที่เค้านิยมกัน
พอทำออกมามันเลย ไม่มีตัวตน ไม่แตกต่าง ไม่แตะหัวใจ ไม่ต่อยอด – ก็ต้องเปลี่ยนเนื้อหาไปเรื่อย ๆ จนไม่รู้ตัวเองคืออะไร
ถ้าทำข้อ 2 ได้ สุดท้าย มันจะขายได้ครับ และถ้าทำข้อ 1 ได้ด้วย จะยิ่งขายได้มาก และยั่งยืน หลัก ๆ คือ ข้อ 2
รู้จักตัวตนของตัวเอง
จริง ๆ มนุษย์เราเกิดมาแตกต่างโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่เราไปวิ่งตามคนอื่นมากเกินไป มากเกินไปจนถูกครอบงำแบบไม่รู้ตัว และไม่รู้ตัวด้วยว่า ตัวเองเจ๋งแค่ไหน - ผมหงุดหงิดนะ เวลาคนทำอะไรแล้ว มันไม่ใช่ตัวเค้าจริง ๆ เพราะอะไร รู้ไหม?
เพราะเค้าคนนั้น “เจ๋ง” กว่านั้น แต่ไปตามคนอื่นซะงั้น โอ๊ย
อีกทั้ง คนที่ไม่เคยสร้างอะไรที่เป็นคนเดียวในโลก ก็พยายามจะหาตัวตนโดยใช้วงกลม 3 วง
คือ งานที่ทำได้ดี/งานที่สร้างคุณค่า/งานที่สร้างรายได้ – มันหยาบเกินไป
มันเป็นความรู้เก่าจากหนังสือในต่างประเทศ
แต่ความเป็นจริง มันมีวิธีการที่ “แยบยล” หาตัวตน แตกต่าง แตะหัวใจ และต่อยอด ที่เป็นคนเดียวในโลก และไม่ให้ใครมาตามคุณได้
คนที่พัฒนาตัวเองส่วนใหญ่ เช่น อ่านหนังสือ เข้าคอร์ส สัมมนา จิตวิญญาณ บลา ๆ ฯลฯ
ส่วนใหญ่ 99% เค้าอยู่ในโซนพลังงาน “เหตุผล” และ “หนี” ออกจากเนื้อหาอาจารย์ที่สอนไม่ได้
แต่การจะหาตัวตนที่บอกได้นั้น ร่างกาย (ไม่ใช่ความคิดนะ) ต้องอยู่ในโซนพลังงาน “ความรู้สึก”
พอพูดถึง “ความรู้สึก” ทุกคน ก็พยายามจะปล่อยหัวใจให้รู้สึก พยายามจะโปรแกรมจิต
ไม่ใช่ทำแบบนั้นครับ เพราะร่างกายของเราถูก “ความรู้” เชิงระบบเหล่านั้น มันครอบงำไปแล้ว
(อย่างหนังสือเสียง พูดภาษาอังกฤษจากความรู้สึก ก็มี 10 ชั้นตอน มี 4 องค์ประกอบสำคัญ ใช้ข้อมูลผ่านแหล่งกำเนิดภายนอกและภายใน – มีหลักการ อธิบายไว้ในหนังสือเสียงแล้ว ไม่ใช่จะคิดเอาเองว่า อ่อ ความรู้สึก แค่นั้น)
มันมี “มุม” มี “รายละเอียด” มากกว่าที่จะคาดเดาได้ เอาง่าย ๆ มันประมาณเหมือน โค้ช รายการ The Voice พี่ก้อง เฮียโจ้ พี่คิ้ม พี่ป็อป ที่แม้จะเป็นตัวเอง
แต่ก็มองคนอื่นออก และผลักดันให้เค้าเป็นตัวเอง ไม่ใช่มาเดินตามโค้ช
รายละเอียดมันเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มันเป็นคนละเรื่องกับที่เราเคยพัฒนาตัวเองมาก่อนหน้านี้ทุกตำรา
ผมให้ดูยอดขายเฉลี่ยต่อเดือนโดยประมาณ อย่างเช่น เอาแค่หนังสือเสียง 1990 x 4 = 7960 หักส่วนแบ่งกับ MEB เหลือ = 5572 บาท แต่จะมีค่าพากษ์ประมาณ 20% เล่มละประมาณ 320 บาท x 4 = 1280 บาท
เท่ากับ 5572 + 1280 บาท = 6852 บาท โดยประมาณ
อันนี้แพล็ตฟอร์มเดียว และผลิตภัณฑ์เดียว ยังไม่รวมคอร์สออนไลน์ SkillLane อื่น ๆ
แล้วถ้าเราออกผลิตภัณฑ์มากกว่านี้ละ พอนึกออกไหมครับ คือ งานที่ทำมันจบไปตั้งนานแล้ว
จริงอยู่ ยอดมันยังไม่ได้แบบเปรี้ยงปร้าง แต่มีทุกเดือน และต่อยอดไปขายในต่างประเทศได้อีก
(ถ้ามันเป็นวิชาของเราที่คิดค้น และไส้ใน รายละเอียด มันต้อง “ใช่” จริง ๆ ด้วย - ไม่ใช่ตั้งชื่อให้มัน “ว้าว” นะครับ อันนั้น มันคือ เปลือกเกินไป) – เบื้องหลังมันมีการ “วางยา” ไว้ก่อนจะออกผลงานแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใชเรื่องยาก ทุกคนทำได้ ถ้า “เลิก” เดินตามคนอื่นก่อน
ไม่ใช่แค่ทำให้มันเสร็จนะ ทำให้มันเป็น 4 ต มันถึงจะยั่งยืน ยาวนาน เหมือนเพลงเมื่อตอนคุณเป็นเด็กอะ ทุกวันนี้ก็ยังโลดแล่นในความรู้สึกของเราอยู่
ทีนี้เนื้อหาที่จะสอน คือ The Only One for Audio Book
1. ล้างความเชื่อเดิมในการพัฒนาตัวเองก่อน
2. รู้จักตัวตน “ของวิเศษ” ที่พระเจ้าใหคุณมาคนเดียวในโลก
3. รวบรวม “ของวิเศษ”
4. คัดเลือก ร้อยเรียง “ของวิเศษ” มาทำ “อะไร” บางอย่าง ให้เป็นเราเป็นเจ้าของคนเดียว
(ข้อนี้ เหนื่อย Ship หาย)
5. วางแผนต่อยอด “บางอย่าง” นั้น ให้นานแสนนาน
6. วางแผน “สับขาหลอก” อย่าให้คนอื่นลอกได้
7. สร้าง “ผลงาน” ออกไปตามแนวทางที่วางไว้
(สอนอุปกรณ์ โปรแกรม วางเนื้อหาให้มันฉงน)
8. สร้างผลงานใหม่ที่วางแผนต่อยอดจากข้อ 5 ไว้แล้ว
มีกลุ่มเฟสให้เข้า แต่เรียนผ่าน Zoom ตามเนื้อหา
ราคาเต็ม 3950 แต่ถ้าลงก่อน 31 สค.65 ให้เหลือ 1990 บาท
สนใจทัก Line @teacherbeever หรือ Tel. 0842942562/086-6222474
ทัก The Only One for Audio Book
ปล. ถ้ายังมีความเชื่อเอาความรู้เดิมจากหนังสือ คำโฆษณาจากไอดอล ที่เกินจริง แบบประเภทคอนเทนต์ “สร้าง 7 หลักภายใน 3 เดือน” ออกจากหัวไม่ได้ ไม่แนะนำนะครับ
โชคดีนะฮะ #ว่าซั่น
TeacherBeever
คอร์ส The Only One for Audio Book
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย