31 ส.ค. 2022 เวลา 07:54 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
รีวิว Elvis (2022)
นี่เป็นการเข้าโรงหนังในรอบหลาย ๆ เดือนเลยนะ เหตุเกิดจากคุณหญิงมะลิท่านอยากดู แล้วเพื่อน ๆ พ่อที่เปิดโรงหนังอินดี้เล็ก ๆ ที่เมืองใกล้ซูริคเค้าจะฉายหนัง+Party เค้าให้บัตรมา 3 ใบ ฉันซึ่งเพิ่งเห็นโปรแกรมหนังเรื่องนี้เปิดให้ซื้อดู Online ได้แล้ว ก็ถึงกับมองบนแล้วหนึ่ง ยังไม่นับว่าต้องขับรถไปถึงเกือบสองชั่วโมงอีกกกกกก ทำไปทำไม ทำไปเพื่ออะไร
อ่ะ แต่พอมาถึงโรงหนัง บรรยากาศมันดีมาก นี่เป็นโรงหนังเล็ก ๆ ที่ฉันคุ้นเคย เพราะเมื่อสิบปีที่แล้วพ่อของมะลิมาทำงานเป็นคนฉายหนังที่นี่อยู่หลายปี ปกติจะฉายแต่หนังอินดี้นอกกระแส หนังที่ต้องตีลังกาดูนั่นแหละ แต่นาน ๆ ก็จะฉายหนัง Hollywood สักที เหมือนครั้งนี้ไง แถมด้วยการจัด Party หลังหนังเลิกด้วย
ผู้คนที่เดินทางมาเข้าชม Elvis ต่างแต่งองค์ย้อนยุคกันเต็มที่ พนักงานขายตั๋ว(ซึ่งก็คือเพื่อน ๆ ของเราที่ให้ตั๋วมา) ก็ใส่ชุดเข้ากับบรรยากาศทุกคน เพลงที่เปิด ลูกบอลดิสโก้ที่อยู่เหนือหัวกลางห้อง หันไปเจอผู้ชายสองคนที่ทำผมแบบ Elvis ควงคู่มากับสาวกระโปรงลายจุด ในมือถือแก้วใสทรงสูง วาดลวดลายส่ายสะโพกไปตามเพลง ... โอ๊ยยย นี่หนังยังไม่เริ่มเลย Party กันแล้วเหรอ
2
🔸➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖🔸
เอาล่ะต่อไปนี้คือ 10 Short notes หลังดูจบ
1. เรื่องราวชีวประวัติ ของนักร้องชาวอเมริกันชื่อดังอันเป็นตำนานก้องโลก เรารู้มาว่าเค้าดังมากกกกก ดังกว่าไมเคิล แจ็คสันอีก เออ ไม่รู้จะเปรียบกับใครดี เพราะตอนสมัยเรา นักร้องอเมริกันที่ดังมาก ๆ ก็คือ ไมเคิล แจ็คสันนี่แหละ แต่สำหรับ เอลวิส ก็ต้องเป็นรุ่นยาย รุ่นแม่ ของเราน่ะ เราเลยไม่แน่ใจว่าเค้าดังขนาดไหนกันแน่
1
🔸➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖🔸
2. ที่จริงหนังชีวประวัตินักร้องชื่อดังสมัยก่อนเนี่ย มันไม่ค่อยต่างกันนะ อย่างหนังของ Ray Charles / Johny Cash (Walk the line) / Edith Piaf (La Vie En Rose) เส้นเรื่องอะไรต่าง ๆ ไม่ค่อยต่างกัน คือเริ่มจากพรสวรรค์ โด่งดัง ติดยา ตกต่ำ แล้วก็มาถึงทางแยก ถ้าเลิกยาได้ก็ไปต่อ แต่ถ้าเลิกไม่ได้ก็ตายไปตั้งแต่ยังไม่ถึงวัยอันควร ซึ่ง Elvis คืออย่างหลัง
🔸➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖🔸
3. เราชอบการเล่าชีวิตของ Elvis ผ่านสายตาของ Colonel Tom Paker ผจก. ส่วนตัวของ Elvis (แสดงโดย Tom Hanks) แล้วเริ่มเปิดประโยคด้วย “ใคร ๆ ก็หาว่าผมหาประโยชน์จาก Elvis และการที่ Elvis ต้องตายในวัย 42 นี่ก็เป็นเพราะผม” ซึ่งเป็นการเริ่มหนังด้วยความน่าค้นหา และอยากติดตามหาคำตอบว่า จริงรึเปล่าล่ะ? หรือ Colone จะแก้ตัวยังไง?
🔸➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖🔸
4. หนังเอาวิธีการเล่าเรื่องแบบละครเวที ผสม Animation ในบางช่วงบางตอน ทำให้มันไม่น่าเบื่อ ไม่ราบเรียบ มีความแปลกตาในการถ่ายทอดเรื่องราว และมีภาพของความเหนือจริงอยู่ในที
🔸➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖🔸
5. ดนตรีประกอบในเรื่องน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นไปกว่าหนังชีวประวัตินักร้องทั่วไป ตรงที่นอกจากจะได้ฟังเพลงของเจ้าของเรื่องอย่างจุใจ ก็ยังได้เสพงานของนักร้องคนอื่นที่นำมาประกอบเส้นเรื่องบางช่วงได้พอเหมาะพอเจาะ อาทิ เพลง The King and I ที่ร้องโดย Eminem กับ CeeLo ส่วนตัวรู้สึกว่าเพลงสไตล์ Hip Hop ที่ใส่เข้ามามันกลมกล่อมกับเนื้อเรื่องของชีวิต Elvis ช่วงนั้นแบบดีงามมาก
🔸➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖🔸
6. หนังเล่าถึง Elvis ว่ามีความผูกพันเหนียวแน่นกับประชาชนผิวสีที่ถูกเหยียดผิวในยุคนั้นเป็นอย่างมาก การเติบโตแวดล้อมไปด้วยวัฒนธรรมคนผิวดำซึ่งมีบทเพลงขับกล่อมอยู่ในสายเลือด ทำให้สไตล์เพลงของเขาคือการได้รับอิทธิพลมาแบบ 100% เป็นคนขาวที่ร้องเพลงแบบคนดำ เต้นเแบบคนดำ - ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ ผู้กำกับได้เลือกบทเพลงของ Eminem มาใช้ประกอบในเรื่อง (อันนี้ฉันคิดเอาเอง)
🔸➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖🔸
7. ภาพของ Elvis และ B.B. King ที่สนิทสนมกันในช่วงหนึ่ง ทำให้ฉันรู้สึกเสียดายมาก หาก Elvis รอดเส้นทางอันตรายมาได้ เหมือน B.B. King หรือ Ray Charles ก็คงจะดีสินะ การเป็นตำนานไม่มีความจำเป็นเลยที่ต้องตายตั้งแต่ยังหนุ่ม
Elvis และ B.B. King จากในหนัง
🔸➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖🔸
8. นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ดู Tom Hanks ในบทแอบร้าย ไม่ใช่ผู้ชายอบอุ่นอย่างเคย (เค้าอาจจะเคยเล่นร้ายล่ะมั้ง แต่ภาพจำมันคือ Forest gump / Saving Private Ryan / Cast away / The Green Mile ไปแล้วอ่ะ)
Tom Hanks และ Colonel Tom Parker ตัวจริง
ต้องขอบคุณ Special Effect ที่แต่งหน้าให้ดูไม่ใจดี ดูไม่น่าไว้ใจ ไหนจะเพิ่มพุงใหญ่ ให้บุคลิคดูเป็นคนแก่ขี้โกงอีก บวกกับการแสดงขั้นเทพของพี่ Tom Hanks ก็ทำให้เชื่อสนิทใจตั้งแต่ออกมาฉากแรกว่า “มึงนี่มันไว้ใจไม่ได้” เป็นการแสดงที่ใช้สายตาเสียส่วนใหญ่ (แต่อีความอุ้ยอ้ายเดินไม่ถนัด แล้วต้องวิ่งบ้าง ขึ้นลงบันไดอย่างเร็วบ้าง ทำให้อดเวทนาสงสารสังขารของแกเหมือนกันนะ)
ผลงานของ Special Effects
🔸➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖🔸
9. Austin Butler คือคนที่มาแสดงเป็น Elvis ในช่วงวัยหนุ่มถึงวัยกลางคน ซึ่งมีเสียงบ่นว่าหน้าตาไม่เห็นเหมือนเลย ฉันนี่ถึงกับร้อง หืมมมมมม ยังไม่เหมือนอีกเหรอ นี่ก็เหมือนมากแล้วนะ ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องเหมือนเป๊ะรึเปล่าคะคุณ นี่มันภาพยนต์เสนอประวัติคนค่ะ ไม่ใช่สารคดีตามติดชีวิตคนจริง ๆ ไม่ต้องเหมือนนักก็ได้ เอาแค่มีเค้าโครงก็พอ คนดูรู้ค่ะว่ามันเป็นภาพยนต์ เฮ้ออออ
ละอีกอย่างคือ การก๊อปเป็น Elvis นั้น Charactor มันชัดมากกก เหมือนหาคนแสดงเป็น มาริลีน มอนโร นั่นแหละ เอาวิกสีบลอนด์ไปใส่ ติดไฝ ทาปากแดง ใส่ชุดขาวก็ได้ละ มาดูถึงการแสดงดีกว่าเหอะคุณ
1
ตัวแสดง กับ ตัวจริง
น้อง Austin Butler เล่นได้มีเสน่ห์มากนะ โดยเฉพาะฉากเปิดตัวบนเวทีฉากแรกในชุดสูทสีชมพู กับท่าเต้นเขย่าขาเขย่าไข่นั้น ในใจฉันยังเผลอกรี๊ดไปพร้อม ๆ กับสาว ๆ ในเรื่องเลยแหละ มันกร้าวใจมาก ดึงดูดและมี Sex appeal ครบถ้วนอย่างที่ Elvis ตัวจริงควรจะเป็น (แต่ในหลาย ๆ แว๊บ ฉันก็นึกถึงหน้าของน้องอั๊ด อัษฎา พานิชกุล นักแสดงไทยที่โด่งดังในยุค 90 เหมือนกันนะ นี่ว่ากันที่หน้าตาล้วน ๆ)
ในช่วงท้ายชีวิตของ Elvis นั้น ช่างแต่งหน้า Special Effect ของทีมนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังนะ คือไม่ได้แต่งให้แก่มาก มีความหน้าอูม บวมเหล้าบวมยา แล้วน้อง Austin Butler ก็ใส่สายตาหม่น ๆ ลงไป ซึ่งเป็นการแสดงที่ผิดจากช่วงแรกที่รุ่งโรจน์โดยสิ้นเชิง เราว่าถ้าไม่ชื่นชมการแสดงของน้อง แล้วแค่ปรามาสว่าหน้าตาไม่เหมือนเอลวิส ก็คือการไม่แฟร์ ไม่ยุติธรรมกับน้องเลย
🔸➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖🔸
10. สิ่งที่ชอบมากที่สุดในหนังเรื่องนี้ก็คือ บรรยากาศของ Beale Street ในเมือง Memphis อันเป็นที่ตั้งของคลับนักร้องผิวดำหลายร้าน ซึ่งในเรื่องเน้นไปที่ Club Handy ที่เราจะได้ฟังเพลงจากปากของ Big Mama แทรกเข้ามาในเรื่องด้วย ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจตัวเองว่าชอบตรงไหน ประทับใจอะไร แต่หลังจากดูหนังจบไปแล้วสองสามวัน พอต้องนึกถึงหนังเรื่อง Elvis ภาพบรรยากาศของ Club Handy และ B.B. King ที่โผล่จากหน้าต่างชั้นสองแล้วตะโกนเรียก E.P. ก็ลอยขึ้นมาอันดับแรกเลย
(E.P. = ชื่อย่อของ Elvis Presley ที่ B.B. King เรียก)
บรรยากาศใน club handy
🔸➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖🔸
สรุปคะแนน ขอมอบให้ 8/10 นะคะ สนุกสนานและอิ่มใจกับบทเพลงมากมายของ Elvis ได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่โด่งดังจริง ๆ หนังนำเสนอภาพของสาว ๆ ที่คลั่งใคล้แบบหลงใหลมัวเมามาก ๆ ยิ่งกว่าที่สาว ๆ คลั่งอบป้าเกาหลีสมัยนี้ซะอีก
❤️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา