Blockdit Logo (Mobile)
sydNEY: The Storiographer
•
31 ส.ค. 2022 เวลา 12:47 • ความคิดเห็น
ขอสอบถามครับว่า เพราะมีความรู้จึงมีจินตนาการ หรือเพราะมีจินตนาการจึงเกิดความรู้ ?
1) “What you focus on grows.”
ผมชอบคำกล่าวนี้ครับ
”Imagination is more important than knowledge. For knowledge is limited to all we now know and understand, while imagination embraces the entire world, and all there ever will be to know and understand.”
1
Albert Einstein,
โดยจากประสบการณ์ตรงของผม ผมมองแบบนี้ครับ
curiosity -> creativity -> courage (dare to dream) -> imagination (what if) -> getting hands dirty (doer) -> knowledge from experience
2) “curiosity”
ผมเองมอบหมายให้ “ความอยากรู้อยากเห็น” เป็น “เข็มทิศ” นำ “การศึกษาตลอดชีวิต” (lifelong learning) ของผมมาโดยตลอดครับ
ตั้งแต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับพื้นฐานการเรียนที่ผมชื่นชอบโดยตรงซึ่งเป็นเรื่องทางเทคโนโลยี ไปจนถึงเรื่องราวที่ผมเองไม่ได้มีพื้นฐานใดๆเลย
“ความกระหาย” (hunger) ใคร่รู้ ชักนำชีวิตของผมเข้าสู่ ฐานความรู้ใหม่ๆตลอดเวลา และด้วย “พลังแห่งโลก social multimedia platforms” ดังเช่น “Youtube” ที่ทำหน้าเป็นเหมือน “Data Center” อันทรงพลังมหาศาล ที่ทำให้การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่เคยซับซ้อน กลายเป็นสิ่งที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยขีดจำกัดเดิมคือ Time & Space (เวลา & สถานที่) ถูกเทคโนโลยีนี้ทำลายลงอย่างสิ้นเชิง
1
3) “creativities”
ผมเคยได้ยินคำนิยามของ ความคิดสร้างสรรค์ (creativity) ของ Steve Jobs ซึ่งเขากล่าวไว้ว่า
”creativity is just connecting things”
นั่นคือการลากเส้นเชื่อมโยงจุดต่างๆที่อยู่กันคนละทิศคนละทาง แต่สุดท้ายได้ภาพบางอย่างที่มีคุณค่าและความหมาย
4) “courage”
ผมเป็นคนชอบรถยนต์ มีคำกล่าวหนึ่งของบุคคลท่านหนึ่งในวงการรถยนต์ที่ผมจำไม่ลืม
”We only have one future, and it will be made of our dreams, if we have the courage to challenge convention.”
Soichiro HONDA,
HONDA ท่านไม่ได้เรียนจบมาทางวิศวกรรมโดยตรง แต่ท่านหลงไหลรถยนต์มาตั้งแต่ท่านยังเป็นเด็กๆ ท่านมีโอกาสได้ศึกษางานจากอู่ซ่อมรถ จนถึงบริษัทของท่านเติบใหญ่
ในที่สุด HONDA ก็มีทีมแข่งรถ Formula 1 และเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จจนเป็นแชมป์ เล่นเอาทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทีมหนึ่งแห่งยุโรปอย่าง Ferrari ต้องนำ้ตาตกมาแล้ว เพราะท่าน HONDA เชื่อว่า การพัฒนาที่ดีที่สุดคือการแข่งขัน
5) “imagination”
จินตนาการมีกลิ่นอายของเสรีภาพ แต่ความรู้มีกรอบแห่งการพิสูจน์ทราบ
ผมมักนึกถึงสองพี่น้องตระกูล Wright ที่ช่วยกันประดิษฐ์อากาศยานในยุคแรกเริ่ม ซึ่งอันที่จริง ภาพ sketch ของสิ่งที่ดูคล้ายเฮลิคอปเตอร์มีมาตั้งแต่ยุคของ DaVinci แล้วครับ
นั่นทำให้จินตนาการล้ำหน้าความรู้อยู่อย่างน้อยหนึ่งก้าวเสมอ แต่จินตนาการอย่างเดียวโดยปราศจากองค์ประกอบข้างเคียงก็นำไปสู่องค์ความรู้ได้ยาก
องค์ประกอบที่สำคัญอันหนึ่งของจินตนาการก็คือ ความหลงไหล หรือ obsession ครับ
”There's no talent here, this is hard work. This is an obsession. Talent does not exist, we are all equals as human beings. You could be anyone if you put in the time. You will reach the top, and that's that. I am not talented. I am obsessed.”
Conor McGregor,
Mixed Martial Artist Legend
6) “getting hands dirty”
มีคำกล่าวว่า
100 people just “think”
10 people actually “do”
only 1 person ”succeed”
คือคนเรามันมีทั้ง thinkers กับ doers ครับ แต่ thinkers นั้น อาจจะคิดอย่างเดียวโดยไม่ต้องลงมือทำ ส่วน doers นั้นทำแน่ๆขึ้นอยู่กับว่าต้องคิดเองทั้งหมดหรือมีคนคิดให้ พูดง่ายๆคือ doers สามารถสวมบท thinkers ในเวลาเดียวกันได้ด้วย
ข้อดีของการเป็น doers คือ เขาจะมีประสบการณ์จากการลงมือทำ และเขาสามารถนำข้อมูลจากประสบการณ์นั้น feedback กลับไปสู่กระบวนการคิด ณ เวลาที่เขาสวมบท thinkers ได้ด้วย ซึ่งถ้าข้อมูลถูก updated เขาสามารถคิดได้ดีขึ้น นั่นคือ เขาจะเป็น better thinkers ต่อไปครับ
ภาพยนตร์เรื่อง Captain Phillips สร้างจากเรื่องจริงเมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้วครับ เขาถูกจับเป็นตัวประกันโดยโจรสลัดสามคน แน่นอนว่า thinkers หลายๆท่านคิดเหมือนกันว่า ควรจะส่ง “ใคร” ไปช่วยกัปตันออกมาจากสถานการณ์นั้น
“ใคร” ที่ว่าคือ doers และ doers ในกรณีนี้คือ หน่วยสงครามพิเศษที่มีชื่อว่า SEALs เขาใช้พลแม่นปืน (snipers) สามคน เล็งสามเป้าหมายในเวลาเดียวกัน เข้าใจว่าเรียกว่า synchronised shooting โดยเป็นการยิงในเวลากลางคืน มีคลื่นลม เพราะเป้าหมายอยู่ในเรือกลางทะเล และพลาดไม่ได้ เพราะถ้าพลาด โจรสลัดที่รอดจะจัดการกัปตันทันที
ครับ นายทหารหน่วยนี้ neutralised threats ทั้งสามได้โดยการเหนี่ยวไกพร้อมกันเพียงจังหวะเดียว!
7) “knowledge from experience”
“ความผิดพลาด” จากการ “ลงมือทำ” เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ซึ่งจะนำไปสู่ “ความรู้” ในที่สุด
ยิ่งล้มเหลว แต่ถ้า “เรียนรู้” แล้ว “แก้เกมส์” และ “ไม่ล้มเลิก” มันก็จะ “ล้มยาก” ขึ้นเรื่อยๆครับ!
Fail early, fail often, but always fail forward.
If you're not failing, you're probably not really moving forward.
John C. Maxwell
ถ้าคุณล้ม แล้วพยายามลุก คุณจะลุก “ง่าย” ขึ้นเรื่อยๆ และ จะล้ม “ยาก” ขึ้นเรื่อยๆครับ
ผู้ที่ “อยากรู้” แล้ว ออกเดินทาง ด้วยการ “ตั้งคำถาม” เพื่อใช้เป็น “เข็มทิศ” และ ลงมือ “แสวงหาคำตอบ” ที่เปรียบเหมือน “จุดหมายปลายทาง” ที่อาจไม่ได้มีเพียง “คำตอบเดียว”
ในทางพุทธศาสนา มีเรื่อง “พาหุสัจจะ”
มีคาถาบทหนึ่งที่ถือว่าเป็น หัวใจนักปราชญ์ คือ "สุ จิ ปุ ลิ วินิมุตโต กถํ โส ปณฺฑิโต ภเว" แปลว่า ผู้ปราศจาก สุ จิ ปุ ลิ จะเป็นบัณฑิตได้อย่างไร
1) สุตะ : ฟัง
2) จินตะ : คิด
3) ปุจฉา : ถาม
4) ลิขิต : เขียนบันทึก
ในทางโลก Steve Jobs ได้กล่าวไว้ในพิธีปัจฉิมนิเทศ ณ มหาวิทยาลัย Stanford ในปี 2005 ไว้ว่า
”stay hungry, stay foolish”
นั่นคือ “จงกระหายความรู้ และ จงอย่าคิดว่าตัวเองฉลาดแล้ว”
ผมเคยได้ยินเรื่องระดับของความสามารถที่มีสี่ขั้น
7.1) ไม่รู้ว่าไม่รู้อะไร
7.2) รู้ว่าไม่รู้อะไร
7.3) รู้ว่ารู้อะไร
7.4) รู้มากจนไม่รู้ว่ารู้อะไรมาบ้าง!
8) “ความรู้หรือจะสู้วิธีคิด?”
9) “ความรู้นำไปสู่ปัญญาได้อย่างไร?”
โฆษณา