ตลาดผู้สูงอายุในชิลี กับโอกาสการส่งออกสินค้าของไทย
องค์การสหประชาชาติ (United Nations หรือ UN) ได้ให้คำนิยาม “ผู้สูงอายุ” (Older Persons) ว่า หมายถึงประชากรทั้งเพศชายและหญิงที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป โดยการที่จะระบุได้ว่าประเทศใดเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในช่วงใด สามารถดูจากสัดส่วนของผู้สูงอายุต่อจำนวนประชากรในประเทศ โดยแบ่งออกได้ ดังนี้
1. ช่วงกำลังเข้าสู่สังคมสูงอายุ (Aging Society) หมายถึง ประเทศที่มีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง
2. สังคมสูงอายุ (Aged Society) หมายถึง ประเทศที่มีประชากรอายุ 60 ปี ขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งประเทศ หรือมีประชากรอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 7 ของประชากรทั้งหมด
3. สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Completly Aged Society) หมายถึง ประเทศที่มีประชากรอายุ 60 ปี ขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ หรือมีประชากรอายุตั้งแต่ 65 ปี ขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 14 ของ ประชากรทั้งหมด
4. ระดับสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มที่ (Super- Aged Society) หมายถึง ประเทศที่มีประชากรอายุ 60 ปี ขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 28 ของประชากรทั้งประเทศ หรือมีประชากรอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20 ของ ประชากรทั้งประเทศ
จำนวนผู้สูงอายุในประเทศชิลี
จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติชิลี ณ วันที่ 29 ธันวาคม 2564 ระบุว่าชิลีมีจำนวนประชากร 19.46 ล้านคน โดยผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปมีจำนวน 3.5 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18 ของประชากรทั้งหมด
ทั้งนี้ อายุโดยเฉลี่ย (Life Expectation) ของชาวชิลีในปัจจุบันยาวนานขึ้นกว่าในอดีตหรือกล่าวได้ว่าชาวชิลีมีอายุยืนขึ้นกว่าเดิม โดยเพศหญิงมีอายุยืนกว่าเพศชาย ซึ่งผู้สูงอายุเพศหญิงมีอายุเฉลี่ย 81.8 ปี ส่วนเพศชายมีอายุเฉลี่ย 76.7 ปี และอายุโดยเฉลี่ยรวมทั้งหญิงและชายเพิ่มขึ้นจากเดิมที่อายุ 77 ปี เป็นอายุ 80.7 ปี
ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานของของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่ง ภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียน (ECLAC หรือ CEPAL) ที่ระบุว่าชาวชิลีมีอายุเฉลี่ยมากขึ้นกว่าเดิม โดยกลุ่มประชากรที่มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 20 ปี คือกลุ่มคนอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้นจาก 214,000 คน ในปี 2544 เป็น 561,000 คน ในปี 2564 หรือมีอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 162 และคาดว่าในอีก 30 ปีข้างหน้า ประชากรผู้สูงอายุในชิลีมีสัดส่วนร้อยละ 32 ของจำนวนประชากรทั้งหมด
ความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุในชิลี
ชิลีเป็นประเทศที่มีความเจริญและมีความก้าวหน้าด้านการพัฒนามาตรฐานความเป็นอยู่ของประชากรสามารถยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตของประชากรในประเทศได้สำเร็จ ส่งผลให้รัฐบาลประสบผลสำเร็จในการแก้ไข/ลดปัญหาภายในประเทศ เช่น ปัญหาเรื่องความยากจน ความปลอดภัย การศึกษา รวมถึงคุณภาพ สิ่งแวดล้อม
โดยจากการจัดอันดับดัชนีความก้าวหน้าทางสังคม (Social Progress Index หรือ SPI) ประจำปี 2564 จาก 168 ประเทศทั่วโลก พบว่า ชิลีอยู่ในอันดับที่ 37 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ประจำภูมิภาคลาตินอเมริกา ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เปรู บราซิล เม็กซิโก และโคลอมเบีย อยู่ในอันดับที่ 61, 65, 68 และ 70 ตามลำดับ (ไทยอยู่ในอันดับที่ 71)
นอกจากนี้ ชิลีเป็นประเทศที่มีระบบการจัดเก็บเงินประกันสังคมที่มีประสิทธิภาพ โดยกฎหมายแรงงานกำหนดให้ประชาชนผู้มีรายได้ทุกคนต้องชำระเงินประกันสังคมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญ และทุพพลภาพ ขั้นต่ำร้อยละ 10.58 ของรายได้ และนายจ้างต้องจ่ายสมทบอีกร้อยละ 1.86 ซึ่งต้องจ่ายทุกเดือนตลอดอายุการทำงาน ทำให้ผู้สูงอายุในวัยเกษียณของชิลีเป็นผู้ที่มีรายได้สม่ำเสมอจากเงินกองทุนฯ ที่ตนเองสะสมไว้โดยไม่ต้องพึ่งพาบุตรหลานหรือภาครัฐ
รัฐบาลชิลีมีหน่วยงานที่ดูแลประชากรกลุ่มนี้โดยมีการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้และฝึกอบรมให้กับผู้สูงอายุ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพัฒนาสังคมและครอบครัว (ministerio de desarollo socail y familia) ทำให้ผู้สูงอายุในชิลีส่วนใหญ่สามารถใช้อุปกรณ์สื่อสารด้านเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี โดยข้อมูลในปี 2563 ระบุว่าร้อยละ 90 ของผู้สูงอายุมีโทรศัพท์มือถือ ร้อยละ 64 สามารถใช้โทรศัพท์สมาร์ตโฟนได้ และร้อยละ 73 มีการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์
ในส่วนของผู้สูงอายุที่ยังคงต้องการทำงานหารายได้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในชิลีต่างเปิดโอกาสให้บุคคลกลุ่มนี้เข้าทำงาน เนื่องจากเห็นว่าเป็นแรงงานที่มีประสิทธิภาพ มีประสบการณ์และมีความอดทนสูง
จึงเป็นภาพที่คุ้นตาในประเทศชิลีที่เห็นผู้สูงอายุยังคงทำงานในห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือในหน่วยงานต่างๆ ในตำแหน่งพนักงานรับโทรศัพท์ พนักงานจัดเรียงสินค้า พนักงานบรรจุหีบห่อ พนักงานในแผนกลูกค้าสัมพันธ์ รวมถึงหารายได้จากการขับรถผ่านแอปพลิเคชัน UBER เป็นต้น
โดยจากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติชิลี พบว่าทุกๆ 1 ใน 5 ของจำนวนผู้สูงอายุ หรือร้อยละ 21 ของผู้สูงอายุในประเทศยังคงเป็นผู้มีงานทำ
พฤติกรรมผู้บริโภคของผู้สูงอายุในชิลี
ผู้สูงอายุในประเทศชิลีมีวิถีชีวิตหรือไลฟ์สไตล์ที่เรียบง่าย รักการอ่าน นิยมเลี้ยงสัตว์ ชอบการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนและมีการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้นกว่าในอดีต ทั้งนี้ พฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคกลุ่มนี้ในห้างค้าปลีกสมัยใหม่ของชิลี พบว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้มีพฤติกรรมการซื้อจากการลดราคาสินค้ามากที่สุดและต้องการส่งเสริมการขายที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน
จากการที่ประชากรผู้สูงอายุของประเทศชิลียังคงเป็นผู้มีรายได้ ทำให้เป็นผู้ที่มีกำลังซื้อมิได้เป็นภาระต่อบุตรหลานหรือสังคม และมีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จึงถือว่ากลุ่มผู้สูงอายุเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเป็นโอกาสที่ดีต่อการส่งออกสินค้า และเพิ่มมูลค่าด้านบริการที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคกลุ่มนี้ของประเทศไทย
ทั้งนี้ จากการสืบค้นและวิเคราะห์ข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงซันติอาโก โดยเปรียบเทียบข้อมูลของพฤติกรรมผู้บริโภคของผู้สูงอายุในชิลีกับสินค้าและบริการของไทย พบว่า ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการเจาะตลาดผู้สูงอายุในชิลี ในส่วนของสินค้าและบริการ ดังต่อไปนี้
1) สินค้าอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เช่นอาหารและเครื่องดื่มออร์แกนิค อาหารและเครื่องดื่มสมุนไพร เป็นต้น
2) สินค้าในกลุ่มอาหารเสริม ครีมบำรุงผิว ยาและเวชภัณฑ์
3) เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้สำหรับผู้สูงอายุ เช่น เตียงหรือเก้าอี้ปรับนอน หมอนและที่นอนเพื่อสุขภาพ ของเล่นหรือเกมส์สำหรับพัฒนาความจำ รถไฟฟ้าสำหรับ ผู้สุงอายุ เป็นต้น
4) ธุรกิจเชิงท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ เนื่องจากผู้สูงอายุในชิลีนิยมท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน ประกอบกับไทยเป็นประเทศที่มีภาพลักษณ์ที่ดีเป็นจุดหมายปลายทาง
สำหรับนักท่องเที่ยวและมีบริการสุขภาพที่ได้มาตรฐานในระดับสูง รวมถึงภาครัฐบาลของไทยต้องการพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพแห่งชาติ (Medical Hub) จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะเพิ่มมูลค่าในบริการกลุ่มนี้ของไทย
5) ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ เนื่องจากชิลียังขาดแคลนแรงงานสำหรับผู้สูงอายุ ในขณะที่แรงงานไทยที่ต้องการทำงานในต่างประเทศมีจำนวนมากและเป็นแรงงานที่มีความอดทน มีความขยัน ตั้งใจทำงาน จึงเป็นโอกาสที่ดีของแรงงานไทยที่ต้องการเข้ามาทำงานในชิลี อย่างไรก็ดี แรงงานไทยจำเป็นต้องเพิ่มพูนทักษะด้านภาษาและศึกษากฎระเบียบของการเดินทางเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
