3.1) Camry รุ่นนี้นั้นผู้บริหารระดับสูงชาวญี่ปุ่นเคยให้นโยบายกับทีมออกแบบไว้ว่า not a boring car นั่นคือ ตัวถังถูกออกแบบให้ดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ส่วนตัวผมมองว่านี่เป็น Camry ที่ดูดีที่สุดตั้งแต่มี Camry มาตั้งแต่รุ่นแรก รุ่นที่เพิ่งเปิดตัว มากับล้อลายใหม่สวยงามทีเดียว รุ่น Top เบาะหลังสามารถปรับเอนได้ โดยปุ่มควบคุมจะอยู่ที่ที่พักแขนตรงกลางเบาะหลัง
3.2) รุ่นที่ผมขับ เป็น Camry รุ่นรอง Top ที่ใช้เครื่องยนตร์ 2.5 ลิตรเช่นเดียวกับตัว Top พวงมาลัยของ Camry จะไม่หนักและไม่เบาทำออกมากลางๆ โดยผมคิดว่าพวงมาลัยของ Altis จะเบาสบายกว่า แต่ตัวถังที่ใหญ่กว่าของ Camry ไม่ได้ทำให้การควบคุมบังคับขาดความคล่องตัวแต่อย่างใด แม้ขับในเมือง การตอบสนองของคันเร่งเมื่อขับใน Sport mode นั้นฉับไวและสมดุลย์กับการตอบสนองของพวงมาลัย
จากการขับ Normal mode เปลี่ยนไปเป็น Sport mode ผมพบว่า การตอบสนองของเครื่องยนต์จะดุดันกว่าชัดเจน แรงเอามากๆเลยทีเดียว ต้องระมัดระวังเมื่อจะขับ Sport mode ในเมืองและสภาพการจราจรติดขัด Eco mode และ Normal mode น่าจะเหมาะกว่ากับการขับในเมือง ส่วน Sport mode น่าจะเหมาะกับการขับออกต่างจังหวัดและมีผู้โดยสารและนำ้หนักบรรทุกเยอะๆ
3.5) แต่ที่สำคัญคือช่วงล่างของรถแบบ PPV ที่มาจากพื้นฐานโครงสร้างของรถกระบะที่เป็นแบบ body on frame คือตัวถังที่มีโครงรถเพื่อรับนำ้หนักบรรทุก และโครงรถที่ว่าจะทำให้การถ่ายทอดความรู้สึกจากผิวถนนไปยังผู้ขับผ่านพวงมาลัยและเบาะนั่งเป็นไปได้ไม่ชัดเจนเท่ารถเก๋งหรือ SUV ที่มีโครงสร้างแบบ unibody ที่ไม่มี frame แบบรถกระบะ
3.6) ซึ่งตอนที่ผมขับ Legender ผมเองก็ไม่ค่อยคุ้นชินกับช่วงล่างของ PPV สักเท่าไหร่ จนกระทั่งเมื่อวานที่ผมขับ GR Fortuner ซึ่งราคาจะสูงกว่า Legender ตัว Top อยู่ประมาณหกหมื่นบาท โดย GR เป็น sub-brand ในกลุ่ม high performance ของโตโยต้าตามความเข้าใจของผม
3.7) พวงมาลัยของ GR จะหนักกว่าของ Legender ตามความรู้สึกของผม ส่วนเครื่องยนตร์นั้นทรงพลังอย่างน่าทึ่ง และถ้าอยู่ใน Sport mode มันจะถ่ายทอดพลังได้ราบรื่นกว่าและหนักแน่นกว่า Legender อย่างชัดเจน และที่สุดแห่งที่สุดคือช่วงล่างใหม่ของ GR ที่ทำออกมาดีจนทำให้ผมนึกถึงรถเก๋งหรือรถ SUV ที่มีโครงสร้างแบบ unibody เลยทีเดียว!