1 ก.ย. 2022 เวลา 07:50 • ยานยนต์
1) “The early years”
“1975 Corolla (KE20)” เป็นรถที่แม่ขับพาพวกเราไปโรงเรียนในสมัยนั้น
ผมมักตื่นเช้าแล้วใช้ “ไม้ปัดฝุ่น” ทำจากขนไก่ปัดกวาดกระจกหน้ารถ แล้วผมก็ตรวจระดับนำ้และเติมนำ้ในหม้อนำ้เป็นประจำแทบทุกวัน
ผมยังจำได้ว่า “หม้อกรองอากาศ” มีขนาดใหญ่เป็นวงกลมและมีท่อยื่นออกมา
รถรุ่นนี้ออกแบบมาได้ classic เอามากๆ ผมจึงตั้งฉายาให้เป็น “Japanese Porsche 911”
แม่ขับรถคันนี้รับส่งพวกเราอยู่หลายปี แต่ผมจำได้ว่า ไม่เคยมีครั้งไหนที่รถเสียจนขับไม่ได้
ตอนนั้นผมยังเป็นเด็กอยู่ ถ้าผมมีเงินและโตกว่านั้น ผมคงจะซื้อรถคันนี้ไว้เอง
2) “The present”
“2004 Vios”
เป็นรถที่น้องมอบให้ทางบ้านใช้ และเป็นรถที่ผมขับอยู่ในปัจจุบัน
รถรุ่นนี้เป็นรถที่มีความคล่องตัวสูงสำหรับการขับขี่ในเมือง และให้ความมั่นใจในการขับทางไกลอีกด้วย
อะไหล่ที่ผมทยอยเปลี่ยนก็ราคาไม่แพง ดูจาก “ยางรองแท่นเครื่อง” ที่ผมเพิ่งเปลี่ยนไปจะเป็นแบบไม่ใช้ “น้ำมัน” จึงมีราคาถูกกว่ารุ่นที่ใช้นำ้มัน
พวงมาลัยทำงานได้ดี และตำแหน่งการนั่งของผู้ขับก็ออกแบบมาได้ดุจดั่งรถแข่ง! ส่วนเครื่องยนตร์ก็ทั้งแรงและช่วยประหยัดน้ำมัน! อีกทั้งรูปทรงก็สุด classic
ผมยังบอกกับตัวเองว่า ถ้าถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่ๆ ผมจะทำสีรถคันนี้
ใหม่!
“2006 Yaris”
เป็นรถที่พี่นำมาให้ใช้ในช่วงที่เขาไปทำงานในต่างประเทศ
รถคันนี้เป็นรถเล็กที่ทรงพลังและคล่องตัวสูงมาก!
ผมเข้าใจว่าเครื่องยนตร์น่าจะเป็นรุ่นที่ใกล้เคียงหรือเป็นรุ่นเดียวกันกับ “2004 Vios” แต่เนื่องจาก Yaris เป็นรถที่เล็กกว่า ดังนั้นน้ำหนักรถอาจจะเบากว่าจึงทำให้ power to weight ratio ของรถคันนี้มีค่าที่ดีกว่า นั่นคือ เมื่อคุณนำ “จำนวนแรงม้าหรือพลังเป็นกิโลวัตต์ของรถเป็นตัวตั้ง แล้วหารด้วยตัวหารที่เป็นนำ้หนักรถ” ผลที่ได้คือ ทุกนำ้หนักหนึ่งกิโลกรัมของรถ จะมีแรงม้าของเครื่องยนตร์เป็นกำลังขับเคลื่อนอยู่เท่าไหร่?
ค่ายิ่งมาก = ยิ่งแรง!
Headroom หรือ พื้นที่เหนือศีรษะในห้องโดยสารนั้นมีเหลือเฟือจนเหลือเชื่อ! มันทำให้ผมนึกถึง headroom ของรถยุโรปที่ตัวถังใหญ่กว่ามากที่มีพื้นที่เยอะขนาดนั้น นั่นก็คือ Saab 9000
ในเวลานี้พี่ของผมกลับมาจากต่างประเทศและได้รับ Yaris คันนี้กลับไปแล้ว
หนำซ้ำ Yaris ยังเป็นรถที่ทาง Toyota ส่งเข้าชิงชัยในสนามแข่งสุดโหดที่ชื่อว่า WRC ที่มีสนามแข่งอยู่ทั่วโลกในพื้นที่ที่ทรหดที่สุดจนได้แชมป์โลกมาแล้ว!
3) “The test drive”
ผมเป็นคนชอบรถยนต์มาก พอดีมีเพื่อนสมัยเรียนมีกิจการอยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ พอมีรถรุ่นใหม่ๆออกมา ผมจะอาสาไปขับทดสอบและ review ให้ผ่านทาง LINE ในกลุ่มเพื่อนๆครับ เพราะ รถคือ passion ของผมมาตั้งแต่เป็นเด็กครับ
ข้อความด้านล่างเป็นส่วนหนึ่งของการ review หลังทดลองขับโดยทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมครับ
Camry VS GR Fortuner
ผมได้มีโอกาสได้ไปขับทดสอบรถโตโยต้าสองรุ่นที่ทยอยเปิดตัวช่วงท้ายๆของปี 64 นี้ ถ้าใครกำลังอยู่ในตลาดรถช่วงนี้ลองติดตามอ่าน
ได้ครับ
3.1) Camry รุ่นนี้นั้นผู้บริหารระดับสูงชาวญี่ปุ่นเคยให้นโยบายกับทีมออกแบบไว้ว่า not a boring car นั่นคือ ตัวถังถูกออกแบบให้ดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ส่วนตัวผมมองว่านี่เป็น Camry ที่ดูดีที่สุดตั้งแต่มี Camry มาตั้งแต่รุ่นแรก รุ่นที่เพิ่งเปิดตัว มากับล้อลายใหม่สวยงามทีเดียว รุ่น Top เบาะหลังสามารถปรับเอนได้ โดยปุ่มควบคุมจะอยู่ที่ที่พักแขนตรงกลางเบาะหลัง
3.2) รุ่นที่ผมขับ เป็น Camry รุ่นรอง Top ที่ใช้เครื่องยนตร์ 2.5 ลิตรเช่นเดียวกับตัว Top พวงมาลัยของ Camry จะไม่หนักและไม่เบาทำออกมากลางๆ โดยผมคิดว่าพวงมาลัยของ Altis จะเบาสบายกว่า แต่ตัวถังที่ใหญ่กว่าของ Camry ไม่ได้ทำให้การควบคุมบังคับขาดความคล่องตัวแต่อย่างใด แม้ขับในเมือง การตอบสนองของคันเร่งเมื่อขับใน Sport mode นั้นฉับไวและสมดุลย์กับการตอบสนองของพวงมาลัย
ระบบเบรคก็ทรงพลัง อันนี้ผมไม่ได้ทดสอบขณะขับเมื่อวานเพราะเป็นถนนสาธารณะ แต่ผมได้ทดสอบตอนที่ขับที่ถนนช่วงหนึ่งตอนปิดถนนเส้นนั้นชั่วคราว ผมเร่งเครื่องเต็มที่แล้วเหยียบเบรคเต็มแรง รถก็หยุดได้ดังใจและอยู่ในการควบคุมโดยสมบูรณ์
ส่วน options นั้นมีให้เต็มที่ในตัว Top ครับ โดยรุ่นที่ผมขับไม่มีกล้องรอบคัน และเบาะหลังปรับเอนไม่ได้
3.3) ผมเองไม่เคยได้ขับรถ SUV มาก่อน รถ SUV ที่ผมได้มีโอกาสทดลองขับครั้งแรกเป็นของ Lexus เมื่อปี 2019 ทั้งรุ่น UX, NX, และ RX และแน่นอนว่ารุ่นที่ผมขับทดสอบและประทับใจมากๆคือ Lexus RX F-Sport
แต่ผมเองก็มีคำถามในใจอยู่ว่า ลักษณะของการควบคุมบังคับ (handling characteristics) ของรถ SUV จะต่างจากรถ PPV อย่างโตโยต้า Fortuner อย่างไร เพราะผมเองไม่เคยทดลองขับ Fortuner มาก่อน
3.4) จนกระทั่ง Fortuner Legender ถูกแนะนำสู่ตลาด
ในตอนนั้น ผมพบว่า พวงมาลัยของ Legender เบาสบายกว่าที่คิด เป็นรถขับง่าย ไม่แปลกใจที่เห็นผู้ขับ Fortuner เป็นสุภาพสตรีจำนวนไม่น้อย
จากการขับ Normal mode เปลี่ยนไปเป็น Sport mode ผมพบว่า การตอบสนองของเครื่องยนต์จะดุดันกว่าชัดเจน แรงเอามากๆเลยทีเดียว ต้องระมัดระวังเมื่อจะขับ Sport mode ในเมืองและสภาพการจราจรติดขัด Eco mode และ Normal mode น่าจะเหมาะกว่ากับการขับในเมือง ส่วน Sport mode น่าจะเหมาะกับการขับออกต่างจังหวัดและมีผู้โดยสารและนำ้หนักบรรทุกเยอะๆ
3.5) แต่ที่สำคัญคือช่วงล่างของรถแบบ PPV ที่มาจากพื้นฐานโครงสร้างของรถกระบะที่เป็นแบบ body on frame คือตัวถังที่มีโครงรถเพื่อรับนำ้หนักบรรทุก และโครงรถที่ว่าจะทำให้การถ่ายทอดความรู้สึกจากผิวถนนไปยังผู้ขับผ่านพวงมาลัยและเบาะนั่งเป็นไปได้ไม่ชัดเจนเท่ารถเก๋งหรือ SUV ที่มีโครงสร้างแบบ unibody ที่ไม่มี frame แบบรถกระบะ
3.6) ซึ่งตอนที่ผมขับ Legender ผมเองก็ไม่ค่อยคุ้นชินกับช่วงล่างของ PPV สักเท่าไหร่ จนกระทั่งเมื่อวานที่ผมขับ GR Fortuner ซึ่งราคาจะสูงกว่า Legender ตัว Top อยู่ประมาณหกหมื่นบาท โดย GR เป็น sub-brand ในกลุ่ม high performance ของโตโยต้าตามความเข้าใจของผม
3.7) พวงมาลัยของ GR จะหนักกว่าของ Legender ตามความรู้สึกของผม ส่วนเครื่องยนตร์นั้นทรงพลังอย่างน่าทึ่ง และถ้าอยู่ใน Sport mode มันจะถ่ายทอดพลังได้ราบรื่นกว่าและหนักแน่นกว่า Legender อย่างชัดเจน และที่สุดแห่งที่สุดคือช่วงล่างใหม่ของ GR ที่ทำออกมาดีจนทำให้ผมนึกถึงรถเก๋งหรือรถ SUV ที่มีโครงสร้างแบบ unibody เลยทีเดียว!
3.8) ผมแนะนำว่าก่อนตัดสินใจออกรถรุ่นใดท่านควรทำการทดลองขับด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจครับ เพราะมันทำให้ท่านเปรียบเทียบ handling characteristics ได้โดยที่ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตไม่สามารถให้ประสบการณ์นี้แก่ท่านได้
4) “The future”
ครับ แน่นอนว่าในเวลานี้ ทั่วโลกกำลังพูดถึงรถพลังงานไฟฟ้าหรือรถ EV กันอยู่
แต่สำหรับผม ผมยอมรับว่าผม “มอง” ไปที่รถพลังงานไฮโดรเจนแล้ว!
ซึ่งทาง Toyota เองก็ “ก้าวล้ำ” ขนาดที่วางจำหน่ายรถ “Toyota Mirai” ในตลาดอเมริกาเหนือเรียบร้อยแล้ว!
ผมเรียนภาษาญี่ปุ่นเพราะชอบและอยากไปเที่ยวงาน Tokyo Motor Show จนสองใบประกาศนียบัตรภาษาญี่ปุ่นได้มาสามใบ แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปประเทศญี่ปุ่น!
Mirai หมายถึง “อนาคต” ในภาษาญี่ปุ่น
ถ้าหากท่านผู้ใดมีความสนใจในรถพลังงานไฮโดรเจน ผมมีข้อเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ใน post นี้ของผมครับ
5) “The Conclusion”
Toyota Corolla KE20 คันนั้นเป็นส่วนหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของเรา และเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมสนใจและศึกษาเทคโนโลยีด้านรถยนต์มาตั้งแต่
เด็กๆ
ผมเองได้รู้จักรายการที่ผลิตโดย BBC แห่งเกาะอังกฤษที่ทุกวันนี้มี franchises ผลิตรายการเกี่ยวกับรถยนต์รายการนี้ในหลายประเทศทั่วโลก
“Top Gear” คือรายการที่ผมกำลังกล่าวถึง และมีอยู่ episodes หนึ่งที่เกี่ยวกับการ “ทดลองทำลาย” รถ Toyota Hilux ที่ทีมงานพยายาม “ทำทุกอย่าง” เพื่อที่จะไม่ให้รถคันนี้แล่นต่อได้!
แต่ตอนสุดท้ายที่เป็นบทสรุปคือ พิธีกรในรายการนี้ นำซากรถที่ทีมงาน “จัดหนัก” ให้เข้ามาใน studio ที่ถ่ายรายการแล้วเขาลองติดเครื่องดู
ผลปรากฏว่า “เครื่องยนตร์” ยังทำงานได้!!!
โฆษณา