"แดงเดือด" นัดที่ 3 ของพรีเมียร์ลีคอังกฤษ (อย่างทางการ)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล
หลังจากที่ "หมาแดง"แพ้แบบหมดรูปจนเป็น "หมาหงอย" จมท้ายตาราง ไปเมื่อเกมที่ผ่านมา "เอริค เทน ฮาก" ก็เกิดการเรียนรู้ ปรับหมากตัวผู้เล่นถึง 4 ตำแหน่ง ได้ "วาราน" กลับมาบัญชาการในเกมรับ รวมถึงใช้ "ดร. แรชฟอร์ด" เป็นหน้าเป้า ส่วน "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ขาดตัวผู้เล่นหลักตรงกลางในการสร้างสรรค์เกม
เริ่มเกมทีมเจ้าบ้านอาศัยจังหวะเกมรับที่แพ็คแน่นมากขึ้นและโต้กลับ สลับเพรซซิ่งในแดนบน เพียงแค่ 10' นาทีแรก เกือบได้ประตูขึ้นนำจาก "แอนโทนี่ อีแลงก้า" ที่มีจังหวะลองสับไก แต่บอลชนเสาอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 16' ทีมหมาแดง ก็เบิกสกอร์แรก กลายพันธุ์ เป็น "ปีศาจแดง"ได้ซักที จากจังหวะที่ "เจดอน ซานโช" ดึงบอลหลบแล้วยิงอย่างใจเย็น ลดความอึดอัดลงได้ในทันที
รูปเกมครึ่งแรกในวันนี้ "ปีศาจแดง" สามารถทำให้ "เครื่องจักรสังหารสีแดง" ฝืดเคืองได้อย่างสงัด (โซแนคเริ่มหาทีมเพื่อเป็นสปอนเซอร์ใหม่) โดยต้องชื่นชมเกมรับและแบ็คทั้งสองข้างอย่าง "มาลาเซีย" และ "ดาโลต์" ที่คอยเอาเท้า ช่วยสกัดฟันเฟืองการทำเกมรุกของ "ดิอาชและซาลาห์" ได้อย่างเพลินตา
จนนาทีที่ 40' ซาลาห์ได้จังหวะยิงครั้งแรกหน้ากรอบเขตโทษ แต่โดน "มาร์ติเนช" เข้าบล็อคได้อย่างทันท่วงที ทำให้ "ปีศาจแดง" รอดเสียประตูอย่างหวุดหวิด
เริ่มครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล พยายามขันน็อต "เครื่องจักรสังหาร" ให้ทำงานอีกครั้ง ดันสูงโจมตีอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายก็โดนลงโทษด้วยการสวนกลับ นาทีที่ 52' มาร์ซิยาล ได้รับโอกาสลงมาในสนาม แล้วแผลงฤทธิ์ทันที ด้วยการจ่ายทะลุช่องให้ "ดร.แรชฟอร์ด" เบิกสกอร์ให้ตัวเองในรอบ 7 เดือน! ทำให้ปีศาจแดง ขึ้นนำ 2-0 อย่างรวดเร็ว ผ่อนคลายความกดดันได้อย่างปลิดทิ้ง
ลิเวอร์พูลพยายามทำเกมรุกควบใส่ เพื่อที่จะหาประตูตีตื้น แต่ก็โดนเสี้ยนหนามในแผงแบ็คโฟว์ของ "ปีศาจแดง" ทีผลัดกันโชว์ของโชว์ฟอร์ม เข้าสกัดเคลียร์บอลทิ้ง เล่นแบบแน่นอนมากขึ้น ไม่เซ็ตระบบบอลจากปากประตู และอาศัยการเล่นแบบ "Direct football"
เมื่อฟันเฟืองติดขัด "เจอร์เก้น คลอปป์" ก็ปรับหมากแก้เกมตรงกลางในทันที ส่งผลให้ "เด เกอา" ต้องออกแรงเซฟติดต่อกันหลายครั้ง และความพยายามก็เป็นผล ในนาทีที่ 82' ซาลาห์ โหม่งทำประตูตีตื้นขึ้นมาได้จากลูกเตะมุม พร้อมส่งสัญญาณว่า "เครื่องจักรเริ่มทำงานแล้วนะ"
สุดท้ายนักเตะ "ปีศาจแดง" ก็เอาตัวรอดได้ในเกมนี้ ต้านทาน "เครื่องจักรสังหารสีแดง" (ที่ไม่ฟูลทีม) และเก็บ 3 คะแนนแรกในบ้านตัวเอง
ชัยชนะในนัดนี้ มาจากจากความผิดพลาดที่ผ่านมา ทำให้ "เอริค เทน ฮาก" ได้เรียนรู้ระบบการเล่นของลีคเมืองผู้ดี ว่าไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด และกล้าที่จะถอดผู้เล่นที่ฟอร์มแย่ เพื่อหาจุดสมดุลของทีม หากจะยกระดับทีมให้กลับไปใกล้จุดเดิมในอดีต "เอริค เทน ฮาก" ยังมีงานหนักที่ต้องปรับปรุงแก้ไขในทุกๆนัดต่อไป 💪
Man of the Match : มาร์ติเนช 👏
ภาพจาก: MANCHESTER UNITED OFFICIAL APP
#manchesterunited #munliv #แมนยูลิเวอร์พูล #แมนยูฯ
ภาพจาก: MANCHESTER UNITED OFFICIAL APP
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
