2 ก.ย. 2022 เวลา 10:25 • นิยาย เรื่องสั้น
นิยายเรื่องสั้น : ภาพวาดแห่งความตาย
เรื่องโดย. bankkk
เรื่องราวที่มีจุดเริ่มต้น มาจากเด็กสาวคนนึ่ง ชื่อของเธอคือเบลล่า เธออาศัยอยู่กับครอบครัว ในหมู่บ้านเวสกิ่ง ในเขตชนบทอันห่างไกล อาร์คคือพ่อของเธอ ส่วนเบร้กคือแม่ของเบลล่า เธอเป็นเด็กสาว รูปร่างหน้าตาน่ารักและมีเอกลักษณ์ ดวงตาของเธอส่องเป็นประกายสีม่วง เธอมีผมเป็นทรงลอนสีบอนทอง ทรงผมของเธอ มีความยาวตั้งแต่ศรีษะจนถึงเอว นอกจากนี้ เธอยังเป็นเด็กที่มีความขยัน มีความอยากรู้อยากเห็นและกล้าแสดงออก
ในวันหยุดเธอจะช่วยอาร์คกับเบร้ก ทำงานอยู่ที่บ้าน ต่างจากเด็กคนอื่นๆ ที่มักใช้เวลาไปกับการสังสรรค์และการเที่ยวเล่นไปเป็นวันๆ
บ่ายวันนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น หลังจากที่เบลล่าช่วยอาร์คกับเบร้ก ทำงานบ้านทุกอย่างจนเสร็จ บ่ายวันนั้นเป็นช่วงที่อากาศร้อนจัด เบลล่าบอกอาร์คกับเบร้กว่าจะไปเล่นน้ำกับเพวกพื่อนๆ ที่แม่น้ำบริเวณท้ายหมู่บ้าน เธอยังบอกอีกว่าจะกลับบ้านในช่วงตกเย็น
พอเธอเดินทางถึงแม่น้ำแห่งนั้น สายตาทั้ง 2 ข้าง ก็มองไปเห็นข้อความบนป้าย ที่ปักอยู่อีกฝั่งนึ่งของแม่น้ำ ข้อความนั่นระบุไว้ว่า “เขตพื้นที่ต้องห้าม” ด้วยความเป็นเด็กที่ขี้สงสัย เลยทำให้เด็กสาว เกิดตั้งคำถาม ขึ้นมาในใจว่าทำไมพื้นที่ตรงนั้น ถึงได้เป็นเขตต้องห้าม เธอยังคิดต่อไปอีกว่าพื้นที่ตรงนั้นมันต้องมีอะไรสักอย่าง เพราะด้วยความอยากรู้ เธอเลยตัดสินใจวิ่งกระโดดลงไปในแม่น้ำ จากนั้นเธอก็ว่ายเข้าไปในเขตพื้นที่ห่วงห้ามอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่พวกเพื่อนๆของเธอ ที่กำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน พอเห็นเบลล่าว่ายน้ำไปยังเขตพื้นที่อันตราย ทุกคนก็อยู่ในอาการตกใจและเนื้อตัวสั่น ความตกอกตกใจพวกนั้น มาพร้อมกับคำถามที่ผุดขึ้นมาในใจของพวกเพื่อนๆ เพื่อนแต่ละคน เอาแต่ร้องตะโกนถามเบลล่า ด้วยคำถามเดียวกัน ว่า "นั่นเบลล่าคิดจะทำบ้าอะไรหนะ?" แต่คำถามพวกนั้น ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรกลับมาเบลล่าเธอยังคงดำผุดดำไหว้ ไปตามสายน้ำอันเย็นเยือก เพื่อไปให้ถึงที่หมายที่เธอวางไว้
นอกจากรูปร่างหน้าตาที่น่ารักและน่าเอ็นดู เบลล่ายังเป็นเด็ก ที่ว่ายน้ำได้เก่งอีกด้วย เพียงแค่อึดใจเดียว เธอก็ไหวมาจนถึงเขตพื้นที่อันตรายของแม่น้ำแห่งนั้นจนได้ แต่ทันทีที่เธอได้ไหว้ไปถึง เพียงชั่วพริบตาเดียว บริเวณใต้ผิวน้ำของพื้นที่ตรงนั้น ก็เกิดมีกระแสน้ำขนาดใหญ่ กระแสน้ำพวกนั้น ลอยพุ่งขึ้นมายังบริเวณพื้นผิวน้ำอย่างฉับไวและมันก็ได้หมุนวนไปรอบๆร่างของเบลล่า ที่ติดอยู่ใจกลางแม่น้ำ ด้วยความเร็วสูง
ด้วยความแรงของกระแสน้ำวน ทำให้ร่างอันบอบบางของเด็กสาว จมดิ่งลงไปในแม่น้ำแห่งนั้น แบบไม่มีวันหวนกลับ พวกเพื่อนๆของเบลล่า พอได้เห็นเพื่อนรัก ที่เล่นมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ถูกกระแสน้ำอันไหลเชี่ยว พรากเอาชีวิตไปแบบต่อหน้าต่อตา ก็พากันตกใจ จนแทบจะทำอะไรไม่ถูก แต่ละคนก็เอาแต่ยืนนิ่ง ด้วยสภาพที่ปากกำลังอ้าค้างอยู่ ต่อเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เพิ่งจะเกิดขึ้น
ท่ามกลางความสูญเสียเพื่อนรัก ซึ่งในตอนนั้นก็เป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์ ใกล้จะลับขอบฟ้าเข้าไปทุกขณะ พวกเพื่อนๆที่เห็นเบลล่าเสียชีวิต ได้พากันดำผุดดำไหว้และรีบวิ่งขึ้นมาจากแม่น้ำ ไปจนถึงริมชายฝั่ง ทุกคนได้รีบตรงไปที่บ้านของเบลล่า ด้วยสภาพเนื้อตัวและเสื้อผ้าที่เปียกแฉะ เพื่อนำเอาเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไปเล่าให้อาร์คกับเบร้กฟัง
ทุกคนรีบเดินทางไปที่บ้านของเบลล่า พร้อมนำเอาเรื่องที่เกิดขึ้น ไปเล่าให้อาร์คกับเบร้กฟัง ทันทีที่รู้เรื่องนี้เข้า ทั้งคู่ก็แทบจะเกิดอาการชอกและหมดสติ เพราะทั้งคู่ต่างก็คาดไม่ถึงกับเรื่องที่เกิดขึ้น อาร์คกับเบร้กยังรู้สึกว่า ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก การตายของเบลล่า สร้างความโศกเศร้าและเสียใจ ให้กับอาร์คและเบร้กเป็นอย่างมาก
เวลาผ่านล่วงเลยไปหลายเดือน อาร์คเริ่มทำใจกับการตายของเบลล่าได้บ้าง แต่สำหรับหัวอกคนเป็นแม่ เบร้กยังคงจมปักอยู่กับจิตใจอันข่มขื่น และความเศร้าเสียใจทั้งหลาย กับตายของลูกสาวอันเป็นที่รัก
ในช่วงเย็นของวันนึ่ง หลังจากที่เบร้กกลับมาจากการจ่ายตลาด เบร้กเดินเข้าไปในห้องครัว พร้อมกับจัดเตรียมทำอาหารมื้อเย็นจนเสร็จ อาหารทุกเมนูที่ทำเสร็จ ถูกวางลงบนโต๊ะกลม ซึ่งเป็นโต๊ะอาหารภายในห้องครัว ขณะนั้นเอง อาร์คที่พึ่งเสร็จจากการเอาหญ้าให้ม้ากิน ก็ได้เดินเข้ามาในบ้านพอดี อาร์คเดินเข้าห้องนอน จากนั้นก็ทำการรีบอาบน้ำ พออาร์คอาบน้ำและทำธุระส่วนตัวทุกอย่างจนเสร็จ อาร์คก็รีบเดินเข้ามาในห้องครัว เพื่อมาทานมื้อเย็นร่วมกันกับเบร้ก
พออยู่กันจนพร้อมหน้า อาร์คกับเบร้กก็เริ่มทานมื้อเย็นร่วมกัน ขณะที่กำลังทานอาหาร อาร์คก็สังเกตเห็นเบร้ก ที่กำลังตกอยู่ในอาการซึมเศร้า และไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลย จากแต่เดิมที่เบร้กเคยเป็นคนสดใสร่าเริง ชอบชวนอาร์คคุยถึงเรื่องราวต่างๆ ในระหว่างที่ทานอาหาร แต่อาร์คก็รู้ถึงสาเหตุของอาการซึมเศร้า ที่เบร้กกำลังเป็นอยู่ นั่นเป็นเพราะเบร้กยังคงคิดถึงและเสียใจอยู่กับการตายของเบลล่า
หลังจากที่ทั้งคู่ทานมื้อเย็นจนเสร็จ อาร์คเข้าไปปลอบโยนเบร้ก ที่กำลังมีอาการซึมเศร้า กับการจากไปของเบลล่า เพราะอาร์คไม่อยากเห็นเบร้ก ตกอยู่ในสภาพของคนที่กำลังอมทุกข์แบบนี้ไปเรื่อยๆ อาร์คอยากเห็นเบร้ก กลับมาเป็นคนที่สดใสและร่าเริง ในแบบเดิมที่เคยเป็น แต่คำปลอบโยนพวกนั้น ก็ไม่ได้ช่วยให้เบร้กรู้สึกดีขึ้นมาเลย ตอนนี้จิตใจของเบร้กยังคงจมปัก อยู่แต่กับการจากไปของเบลล่า
พอเดินเข้าไปในห้องนอน เบร้กได้หยิบกระดาษแผ่นนึ่ง พร้อมกับดินสอแท่งนึ่ง ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา เบร้กกางกระดาษแผ่นนั้นออก และวาดภาพเบลล่า ลูกสาวที่ล่วงลับไปแล้ว ลงในกระดาษแผ่นนั้น เบร้กวาดภาพลูกสาวที่ล่วงลับไป ภายใต้จิตใจที่แสนทุกข์ระทม หยดน้ำตาก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตา บนใบหน้าของเบร้ก จึงอาบไปด้วยคราบน้ำตาที่ไหลนอง
หลังจากที่ภาพถูกวาดจนเสร็จ ในคืนนั้นเบร้กเอาแต่นั่งจ้องมอง ภาพของเบลล่าที่ได้วาดขึ้นมา อยู่ตลอดทั้งคืน สายตาของเบร้กจ้องมองไปที่ภาพวาดเบลล่า ด้วยจิตใจอันโศกเศร้า พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นทาง ในทุกค่ำคืนภายในห้องนอน เบร้กจะมานั่งนั่งจ้องมองภาพวาดเบลล่า ในแบบที่ไม่ยอมหลับยอมนอนเลยทีเดียว แต่มีอยู่คืนนึ่ง เบร้กเกิดอากาศรู้สึกถึงความอ่อนเพลีย ความอ่อนเพลียทำให้เบร้ก ทรุดตัวลงนอนบนเตียง
ขณะที่เบร้กกำลังหลับ เบร้กก็เกิดฝันถึงเบลล่าขึ้นมา ในความฝันเบลล่ามายืนอยู่ที่หน้าบ้าน พอเห็นเบลล่า เบร้กก็เกิดมีอาการดีใจ ที่ได้เห็นหน้าลูกสาว เบร้กเดินเข้าไปอุ้มเบลล่า ที่กำลังยืนอยู่เข้ามาในบ้าน เบร้กพาเบลล่ามานั่งอยู่บนโซพาตัวนึ่ง แล้วให้เบลล่านั่งลงบนตัก เบร้กหยิบหนังสือนิทานเล่มนึ่ง ที่วางอยู่บนโต๊ะ และเล่านิทานเรื่องโปรดให้เบลล่าฟัง เบลล่าบอกกับเบร้กว่า เธอจะกลับมาอยู่ด้วยกันกับครอบครัวของเธอตลอดไป
พอสักเบร้กก็ตื่นขึ้นมาจากความฝัน ภาพที่เกิดในความฝัน ทำให้เบร้กรู้สึกถึงความหวัง ที่เบลล่าจะกลับมาอยู่ด้วยกันกับเธออีกครั้ง แม้ในตอนนี้เบร้กจะยังไม่รู้ว่า เบลล่าจะกลับมาในเวลาใด และจะมาปรากฏให้เห็นในรูปแบบไหนก็ตาม? แต่เบร้กก็ยังคงตั้งความหวัง ด้วยจิตใจที่เหนี่ยวแน่น
ภาพที่เกิดในความฝัน ยิ่งทำให้เบร้ก แทบจะไม่เป็นอันทำอะไรเลย ในแต่ละวัน เบร้กจะใช้เวลาเอาแต่หมกมุ่น อยู่กับการใช้ตาทั้ง 2 ข้าง นั่งจ้องมองไปที่ภาพวาดเบลล่า ที่อยู่ภายในห้องนอน บางวันเบร้กไม่มีกระจิตกระใจ แม้แต่จะทานอาหารด้วยซ้ำ ส่งผลให้ร่างกายของเบร้กซูบผอมลงเรื่อยๆ
พอเวลาผ่านไป ในคืนนึ่งตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตี 3 กว่าๆ ก็เป็นอีกหนึ่งคืน ที่ทำให้เบร้กเกิดเผลอหลับไป เพราะความอ่อนเพลียอีกตามเคย ขณะที่กำลังนั่งจ้องมองไปที่ภาพวาดเบลล่า ในแบบที่เคยทำมา อยู่ๆ เบร้กก็เกิดมีอาการอ่อนเพลียขึ้นมา สาเหตุเพราะไม่ได้หลับนอนมาหลายคืน ความอ่อนเพลียทำให้เบร้กเกิดหลับตาลงนอนที่บนเตียง
ขณะที่กำลังเผลอหลับ เบร้กได้ยินเสียงของเด็กสาว ที่กำลังเรียกชื่อ เสียงนั่นมันได้ดังขึ้นมาภายในห้อง เบร้กที่กำลังหลับอยู่ พอได้ยินเสียงของเด็กสาว ที่กำลังเรียกชื่อ เบร้กก็จำได้ทันทีว่า เสียงของเด็กสาวคนนั้น ก็คือเสียงของเบลล่า ลูกสาวอันเป็นที่รักที่ได้จากไป เบร้กที่กำลังหลับอยู่ พอลืมตาตื่นขึ้นมา ก็ทำการเรียกชื่อของเบลล่า ซ้ำๆ อยู่หลายครั้ง ในสภาพที่กำลังดีใจ สีหน้าของเบร้ก เปลี่ยนจากความโศกเศร้า กลายสีหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม พร้อมด้วยจิตใจที่เบิกบาน
พอสักพัก เสียงของเบลล่าก็ดัง ออกมาจากภาพที่เบร้กได้วาดขึ้น มันเป็นคำสั้นๆ ที่เบลล่าพูดกับเบร้กว่า “แม่จ๋าหนูกลับมาแล้ว หนูจะอยู่ด้วยกันกับพ่อและแม่ตลอดไป”
ทันทีที่เบร้กได้ยินในคำๆ นั้น ที่เบลลาพูดออกมา เธอก็รีบเดินตรงไปยังภาพวาดเบลล่า พร้อมกับใช้มือทั้ง 2 ข้าง แตะเข้าไปที่ภาพวาดเบลล่า เบร้กคุยกับวิญญาณเบลล่า ที่อยู่ในภาพวาดด้วยความดีใจ เพราะเบร้กคิดว่า ในตอนนี้เบลล่าที่ได้ตายจากไป ได้หวนกลับมาอยู่กลับครอบครัวอีกครั้ง ตามที่ได้ให้สัญญาไว้ในความฝัน ตามที่เบร้กได้ตั้งหน้าตั้งตารออย่างมีความหวัง
ในคืนนั้นเบร้กได้สื่อสารกับเบลล่า ผ่านทางภาพวาดนั่นตามประสาแม่ลูก จนเกือบจะฟ้าสาง มันเป็นค่ำคืนที่จิตใจของเบร้ก สัมผัสได้ถึงความสุข ตั้งแต่นั้นมา เบร้กก็สื่อสารกับเบลล่าทุกค่ำคืน โดยใช้ภาพที่วาดขึ้นมาเป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสาร
ช่วงแรกที่สองแม่ลูกสื่อสารกัน โดยใช้ภาพวาดเป็นสื่อกลาง ทุกอย่างก็ราบรื่นและเป็นปกติดี เบร้กยังคงสื่อสารกับเบลล่า โดยใช้ภาพวาดเป็นทางผ่าน แต่พอเวลาผ่านไป ความโหยหาและความคิดถึงกัน ระหว่างสองแม่ลูก ก็นำมาซึ่งดวงวิญญาณชั่วร้าย มันใช้ความอ่อนแอร์ของเบลล่า ความโหยหาและคิดถึงของเบร้ก ที่มีต่อลูกสาว เป็นทางผ่านในการขึ้นมายังโลกมนุษย์ มันใช้อำนาจครอบงำดวงวิญญาณเบลล่า วิญญาณเด็กที่อ่อนแอร์ ที่อยู่ในภาพที่เบร้กวาดขึ้นมา
เวลาต่อมาเบร้กเริ่มฝันร้ายและมีอาการผิดปกติ ในความฝันเบร้กเห็นภาพวาดเบลล่า ค่อยๆ กลายเป็นโฉมหน้าของปีศาจร้าย สายตาของมันจ้องมองมา ด้วยความอาฆาตพยาบาท บางคืนเบร้กก็ฝันเห็นเบลล่า ที่มาปรากฏให้เห็น อยู่ภายในห้องนอน เป็นภาพที่เบลล่ากำลังจ้องมองเธอ แต่พอเธอเดินเข้าไปกอดเบลล่าด้วยมือทั้ง 2 ข้าง สภาพทั่วทั้งร่างกายของเบลล่า ก็ค่อยๆ มีเลือดไหลออกมา
สิ่งที่เห็นทำให้เธอขาดสติ ต่อมาเบร้กเริ่มพูดจาแปลกๆ ด้วยสภาพของคนที่กำลังคลุ้มคลั่ง บางครั้งเบร้กก็ลงมือทำลายสิ่งของภายในบ้าน และหนักสุดเบร้กก็ถึงขั้นจะทำร้ายอาร์คด้วย อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเบร้ก ได้สร้างความสงสัยให้กับอาร์คอย่างมาก เพราะปกติเบร้กไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้มาก่อน
อาการผิดปกติของเบร้ก ทำให้อาร์คเริ่มหาสาเหตุของอาการผิดปกติเหล่านั้น อาร์คเริ่มสังเกตการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมของเบร้กในแต่ละวัน จนกระทั่งในคืนนึ่ง หลังเสร็จจากการทานมื้อค่ำ อาร์คกับเบร้กแยกย้ายกันเข้าห้องนอนตามปกติ
หลังจากที่เบร้กเดินเข้าห้อง เบร้กก็เริ่มสื่อสารกับเบลล่า ผ่านทางภาพวาด เหมือนอย่างที่เคยทำ ด้วยความที่ห้องนอนของอาร์คกับเบร้กอยู่ติดกัน อาร์คก็ได้ยินเสียงเบร้ก ที่กำลังคุยอยู่กับใครบางคน เสียงที่พูดอยู่คนดียวของเบร้ก ได้สร้างความสงสัยให้กับอาร์ค ทั้งๆที่ในบ้านมีเพียงเค้ากับเบร้ก ที่อาศัยอยู่ด้วยกัน 2 คน แล้วบุคคลที่ 3 ที่เบร้ก กำลังคุยด้วยอยู่ในห้องเป็นใครกัน?
อาร์คเดินออกจากห้องนอน และเดินไปแอบส่องดูที่หน้าต่าง ตรงบริเวณมุมห้องของเบร้ก สายตา 2 ข้างของอาร์คที่กำลังแอบดู ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้องนอนของเบร้ก มันเป็นภาพเหตุการณ์ ที่เบร้กกำลังนั่งสื่อสารอยู่กับภาพวาดเด็กสาวคนนึ่ง พออาร์คลองแอบฟังไปเรื่อยๆ อาร์คก็ได้ยินเสียงเบร้กพูดถึงชื่อของเบลล่าขึ้นมา และอาร์คยังได้ยินเสียงของเด็กสาว ที่ดังออกมาจากภาพวาดด้วย พอได้ยินเสียงนั้นเข้า อาร์คก็จำได้ทันทีว่าเสียงนั่น เป็นเสียงของเบลล่า ที่เสียชีวิตไปแล้ว อาร์คตกใจจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก แต่อาร์คก็ยังมีสติอยู่
อาร์คสงสัยต่อสิ่งที่เห็นและคิดว่า ด้วยความที่เบร้กคิดถึงเบลล่ามาก ภาพวาดของเด็กสาวแผ่นนั้น น่าจะเป็นภาพวาดเบลล่า ที่เบร้กกตั้งใจจะวาดขึ้นมา เพื่อนึกถึงการจากไปของเบลล่า ส่วนเสียงพูดของเด็กสาว ที่ดังออกมาจากภาพวาด อาร์คคิดว่าน่าจะเป็นวิญญาณของเบลล่า ที่สิงอยู่ในภาพ อาร์คยังคิดต่อว่า สาเหตุอาการผิดปกติของเบร้ก น่าจะเกิดจากภาพวาดแผ่นนั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ สร้างความงุนงงและความตกใจให้กับอาร์คเป็นอย่างมาก เพราะอาร์คไม่เคยคิดว่าจะต้องเจอกับ เรื่องราวเหนือธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในแบบกะทันหันแบบนี้ อาร์คยังสงสัยว่าวิญญาณของเบลล่า เข้ามาสิงภาพที่เบร้กวาดขึ้นมาได้ยังไง?
ขณะที่อาร์คกำลังก้มหน้าก้มตา ครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ อยู่ๆ อาร์คก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเบร้ก ที่ดังอยู่ภายในห้อง พอเงยหน้าขึ้น อาร์คเห็นเบร้กกำลังกรีดร้องอยู่ในสภาพคนที่กำลังขาดสติ แต่ที่น่าตกใจกว่า อาร์คยังเห็นภาพวาดเบลล่า ที่ติดอยู่กำแพงบนบริเวณหัวเตียง อยู่ในสภาพที่มีชุ่มไปด้วยคราบเลือด ติดอยู่เต็มไปหมด อาร์ค หยิบปืนกระบอกนึ่ง ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ เตียงนอน แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนของเบร้ก
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป อาร์คยิงปืนเหนี่ยวไกล ไปที่ภาพวาดแผ่นนั้น ด้วยกระสุนอาคม แต่ภาพวาดแผ่นนั้น ก็ไม่เกิดมีรอยขาดและยังคงอยู่ในสภาพดี
ตอนนี้อาร์คอยู่ในความตกใจ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่อาร์คก็ยังคงควบคุมสติได้ อาร์ควิ่งเข้าไปดึงภาพวาด ที่ติดอยู่บนกำแพง และวิ่งเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น แล้วนำเอาภาพวาดแผ่นนั้น โยนทิ้งลงในปล่องไฟ พอภาพวาดถูกโยนทิ้ง เข้าไปในปล่องไฟ อาร์คก็รีบวิ่งเข้าไปหาเบร้ก กะว่าจะเข้าไปปลอบโยนเบร้ก ที่กำลังขาดสติอยู่ แต่พออาร์ควิ่งเข้าไปในห้องนอนของเบร้ก อาร์คก็ยังคงเห็นภาพวาดแผ่นนั้น ติดอยู่บนกำแพง ที่บริเวณหัวเตียงของเบร้กเหมือนเดิม อาร์คเลยรู้สึกแปลกใจและเกิดความงุนงงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
อาร์คคิดว่าภาพวาดแผ่นนั่น ควรจะถูกเผาไหม้ ตั้งแต่ที่ถูกโยนลงในปล่องไฟ แต่มันกลับมาอยู่ในจุดเดิม แถมยังไม่มีรอยที่ถูกไฟเผาไหม้อีกด้วย นั่นเป็นเพราะภาพวาดแผ่นนั้น มันมีวิญญาณชั่วร้ายสิงอยู่ หรือเรียกในอีกชื่อก็คือ ภาพวาดผีสิง มันเลยเป็นภาพวาด ที่ไม่สามารถทำลายลงด้วยวิธีธรรมดาทั่วไป ดังนั้น ไฟพวกนั้นที่อยู่ในปล่องไฟ ภายในห้องนั่งเล่น เลยไม่สามารถเผาทำลายภาพวาดแผ่นนั้นลงได้
พอสักพักตะเกียงไฟทุกจุดภายในบ้าน ก็มืดดับสนิท อยู่ๆ ของใช้ทุกอย่างภายในบ้าน ก็สามารถเคลื่อนไหวได้เอง และกระจัดกระจายกองกันเต็มไปหมด อาร์คใช้มือทั้ง 2 ข้าง กอดเบร้กเอาไว้แน่นๆ ทั้งคู่อยู่ในสภาพที่ตัวสั่นไปหมด ต่อความน่ากลัวที่กำลังเกิดขึ้น จากนั้นอาร์ครีบพาเบร้ก วิ่งออกมาที่บริเวณนอกบ้าน
แต่พอออกมานอกบริเวณบ้าน ทั้งคู่ก็เจอมนุษย์หมาป่าฝูงนึ่ง ดวงตาพวกมันแดงกล่ำ มันคือฝูงหมาป่า ที่เกิดจากอำนาจของวิญญาณร้าย เนรมิตสร้างขึ้นมา สายตาพวกมันจ้องมองมาที่เบร้กกับอาร์ค ด้วยความอาฆาตมาดร้าย อาร์คต่อสู้และสังหารพวกมัน ด้วยปืนที่มีกระสุนอาคม ทำให้ร่างของพวกมันล้มตายลงทีละตัวๆ บริเวณหน้าบ้าน เต็มไปด้วยร่างของพวกมนุษย์หมาป่า ที่อาร์คสังหาร ที่กำลังนอนตายกันอย่างเกลื่อนกลาด
หลังจากที่ฝูงมนุษย์หมาป่า ถูกสังหารลงจนหมดสิ้น ทั้งอาร์คกับเบร้กเห็นว่า สภาพบ้านที่อาศัยในตอนนี้ ได้ถูกอำนาจของวิญญาณร้ายยึดครองไปแล้ว ทั้งคู่เลยตกลงกันว่า จะไปขอความช่วยเหลือจากเอริก ซึ่งเป็นบาทหลวงประจำหมู่บ้าน ให้มาขับไล่วิญญาณร้าย ที่กำลังวนเวียนอยู่ภายในบ้าน
เอริกเป็นบาทหลวง ที่ขึ้นชื่อเรื่องของการขับไล่ผี และการปราบพวกวิญญาณร้าย เอริกยังมีประสบการณ์จากการขับไล่พวกวิญญาณร้าย มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ดูเหมือนว่าวิญญาณร้าย มันจะล่วงรู้ถึงแผนการที่ทั้งคู่วางเอาไว้ ขณะที่ทั้งคู่กำลังจะควบม้าคู่ใจ ออกจากบริเวณบ้าน จู่ๆ ฝูงมนุษย์หมาป่า ที่ถูกอาร์คสังหาร พวกมันก็กลับฟื้นขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง
เหตุการณ์เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า ทำให้อาร์คกับเบร้กรีบควบม้า ออกจากบริเวณที่แห่งนั้นทันที เพราะทั้งคู่รู้ดีว่า บ้านที่กำลังอาศัยอยู่ ได้กลายเป็นสถานที่ที่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
อาร์คกับเบร้คควบม้า ตรงไปยังหุบเขา ทางฝั่งทิศตะวันออก ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์ ที่เอริกอาศัยอยู่ แต่สิ่งที่กำลังตามหลังมาแบบติดๆ ก็คือพวกมนุษย์หมาป่า ที่พึ่งฟื้นขึ้นมาจากความตาย ที่คอยหมายจะจ้องเอาชีวิตของทั้งคู่ แต่ยังนับว่าโชคดี เพราะม้าที่ทั้งคู่กำลังขึ้นขี่อยู่ มันมีฝีเท้าที่วิ่งเร็วกว่าม้าธรรมดาทั่วไป ที่แม้แต่ฝีเท้าของมนุษย์หมาป่า ก็ยังตามไม่ทัน ทั้งคู่เลยปลอดภัยจากการถูกตามล่าของพวกมนุษย์หมาป่า
ในระหว่างที่ทั้งคู่เดินทาง ก็เกิดมีเสียงกรีดร้องของเด็กสาวดังขึ้น มันเป็นเสียงร้อง ที่แสดงถึงความอาฆาต ที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ และดังอยู่ตลอดเวลา ในระหว่างที่ทั้งคู่มุ่งหน้า ตรงไปหาเอริกที่โบสถ์
พอเวลาเกือบจะเที่ยงคืน ม้าของทั้งคู่ก็วิ่งมาถึงโบสถ์ที่เอริกอาศัยอยู่ เอริกในตอนนั้น ที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการศึกษาไบเบิล พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นอาร์คกับเบร้ก ที่ควบม้าเข้ามาในโบสถ์ เอริกยังได้ยินเสียงเห่าหอน พร้อมกับเสียงฝีเท้าของนักล่ายามราตรี (มนุษย์หมาป่า) ที่หมายจะเอาชีวิตอาร์คกับเบร้ก กำลังวิ่งตรงมาที่โบสถ์ เอริกรีบลุกออกจากเก้าอี้ไม้ ที่กำลังนั่งอยู่ พร้อมกับรีบวิ่งไปที่หน้าโบสถ์ พร้อมท่องบทสวดอะไรสักอย่าง
ทันทีที่พวกมนุษย์หมาป่า วิ่งมาถึงบริเวณหน้าโบสถ์ อยู่ดีๆ ร่างกายของพวกมันก็หยุดเคลื่อนไหว บทสวดที่เอริกกำลังท่อง ทำให้พวกมันเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ พอสักพัก ทั่วทั้งบริเวณร่างกายของพวกมัน ก็ร้อนเหมือนเปลวไฟ พวกมันส่งเสียงกรีดร้อง ออกมาอย่างเจ็บปวด จากนั้นร่างของพวกมัน ก็ค่อยๆ สลายกลายเป็นผงธุลี ไปทีละตัวๆ
หลังจากที่อสูรร้ายถูกสังหารลงจนหมด อาร์คกับเบร้กได้เล่าเรื่องราว ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เอริกฟัง พอเรื่องราวที่แสนน่ากลัวถูกเล่าจนจบ จิตใจของเอริกก็เกิดความรู้สึกสงสารเบร้กขึ้นมา ที่ต้องสูญเสียผู้ที่ตนเองรักมากที่สุด แต่เพราะความคิดถึงเลยทำให้เบร้กตัดสินใจ ทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมา
เอริกให้สัญญาต่ออาร์คกับเบร้กว่า จะกำจัดปีศาจร้ายตนนี้ลงให้ได้ ในแบบชนิดที่มันจะไม่ได้ไปผุดไปเกิด เอริกจัดเตรียมสิ่งของ ที่จะนำไปใช้ในพิธีกรรม พอสิ่งของทุกอย่าง ถูกจัดเตรียมลงในเป้จนเสร็จ ทั้งสามก็ควบม้า ออกเดินทางจากโบสถ์แห่งนั้นทันที
ขณะที่ทั้งสามกำลังควบม้าด้วยความเร็ว เสียงกรีดร้องแห่งความอาฆาตของเด็กสาว ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง มันเป็นเสียงกรีดร้องเดียวกันกับที่อาร์คกับเบร้กได้ยิน ในระหว่างที่เดินทางมาที่โบสถ์ แต่คราวนี้เสียงกรีดร้องนั่น มันมีระดับความดังมากขึ้นกว่าเดิม แถมยังมีข้อความทิ้งท้ายอันน่ากลัว จากเด็กสาวด้วยว่า “พวกแกจะต้องตายกับทุกคนและจะไม่มีใครมีชีวิตรอดกลับไป” คำพูดนั่นได้ดังขึ้นมาแบบซ้ำๆ ส่งผลให้ทั้งสามเกิดอาการตัวสั่นและขนลุก
หลังจากเสียงพูดนั่นเงียบหายไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ทั้งสาม เดินทางมาถึงสุสานแอรอนพอดี สุสานที่ใช้ฝังศพของผู้คนที่ล่วงลับไปแล้ว แต่ทั้งสามก็ยังควบม้าไปได้ไม่กี่ก้าว วิญญาณร้ายมันได้ใช้ลูกเล่น เพื่อกรีดขวางไม่ให้ทั้งสามผ่านสุสานแห่งนี้ไป คราวนี้มันใช้พลังอำนาจ ปลุกดวงวิญญาณของคนตาย ให้ตื่นขึ้นมาจากหลุมฝังศพ พอดวงวิญญาณพวกนั้น ถูกปลดปล่อยขึ้นมาจากความตาย พวกมันได้เข้าจู่โจมเอริกกับอาร์คและเบร้กทันที เบร้กได้วิ่งไปหลบที่ด้านหลังกำแพงของสุสาน
เอริกคว้ามีดอาคมเล่มนึ่ง ที่พกติดตัวมาด้วย เข้าต่อสู้สังหารดวงวิญญาณพวกนั้น ส่วนอาร์คใช้ปืน เข้าต่อกรกับพวกมัน ด้วยกระสุนอาคม การต่อสู่เป็นไปอย่างดุเดือด
ท่ามกลางคืนที่หนาวเย็น ในช่วงนั้นเป็นเป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวงพอดี อยู่ๆ เบร้กที่กำลังหลบอยู่ด้านหลังของกำแพง ก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา อาร์คที่กำลังต่อสู้อยู่กับวิญญาณคนตาย พอได้ยินเสียงกรีดร้องของคนรัก ฝีเท้าของอาร์คก็รีบวิ่งไปที่ด้านหลังของกำแพง
ตอนนั้นอาร์คคิดว่าเบร้กกำลังตกอยู่ในอันตราย เพราะเจอกับอะไรบางอย่างเข้า แต่อาร์คก็คิดผิดแบบมหันต์ ทันทีที่อาร์คก้าวฝีเท้า มาถึงด้านหลังของกำแพง ก็ทำให้อาร์คตกใจแบบสุดขีด สายตาของอาร์คเห็นรูปร่างของเบร้ก ขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วร่างกายของเบร้กเกิดมีขนของหมาป่างอกออกมา ทั่วทั้งบริเวณมือและเท้า กลายเป็นอุ้งมือและอุ้งเท้าของหมาป่า แถมยังมีคมเคี้ยวและฟันที่แหลมคมงอกตามออกมา สายตาที่อ่อนหวาน ถูกแทนที่ด้วยสายตาที่แดงฉาน ที่แสดงถึงความอาฆาตมาดร้าย ในตอนนี้เบร้กได้กลายสภาพเป็นมนุษย์หมาป่าไปแล้ว
สาเหตุของเรื่องมาจาก ตอนที่อาร์คกำลังสู้อยู่กับพวกมนุษย์หมาป่า ช่วงนั้นเบร้กวิ่งเข้าไปหลบอยู่ ในคอกม้า ที่ติดอยู่ข้างบ้าน ขณะที่อาร์คกำลังสู้อยู่กับพวกมนุษย์หมาป่า หนึ่งในมนุษย์หมาป่าพวกนั้น มันมีมนุษย์หมาป่าตัวนึ่ง เกิดได้กลิ่นตัวของเบร้กเข้า มันเห็นเบร้กที่กำลังหลบอยู่ในคอกม้า มันเลยวิ่งเข้าไป หมายจะเอาชีวิตของเบร้ก ตอนนั้นเบร้กดันพลาดท่า ถูกมันกัดเข้าที่แขน แต่เบร้กยังคงควบคุมสติได้ เบร้กเลยส่งเสียงร้องเบาๆ และใช้แขนเสื้อปิดรอยแผลที่ถูกกัดเอาไว้ เพราะไม่อยากให้อาร์ครู้ว่า โดนมนุษย์หมาป่ากัด
จังหวะที่มนุษย์หมาป่าตัวนั้น วิ่งตรงเข้ามาหมายจะเอาชีวิตของเบร้ก ม้าสีขาวตัวนึ่งในคอกม้า ซึ่งเป็นม้าของเบร้ก ก็วิ่งพุ่งตรงเข้ามา แล้วใช้กีบเท้าหน้าทั้ง 2 ข้าง กระโดดเตะเข้าที่หน้าอกของมนุษย์หมาป่าตัวนั้น ทำให้ร่างอันใหญ่โตของมัน กระเด็นปลิวออกไปด้านนอก
สุดท้ายมันก็ถูกอาร์คสังหาร แต่ช่วงนั้นพระจันทร์ยังไม่ทันได้เต็มดวง ร่างของมนุษย์หมาป่า ร่างที่แท้จริงของเบร้กเลยยังไม่ถูกเปิดเผย แต่ช่วงที่เอริกกับอาร์ค กำลังต่อสู้อยู่กับดวงวิญญาณคนตาย ในสุสานเอรอน ตอนนั้นเป็นช่วงที่พระจันทร์เต็มดวงพอดี เบร้กเลยกลายเป็นมนุษย์หมาป่าในแบบเต็มตัวนั่นเอง
พออาร์คเห็นร่างที่แท้จริงของเบร้ก ในร่างมนุษย์หมาป่า อาร์ครู้สึกตกใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เบร้กในร่างมนุษย์หมาป่า พุ่งจู่โจมอาร์คอย่างรุนแรง จนเกือบทำให้อาร์คตั้งตัวไม่ทัน แต่อาร์คก็หลบการโจมตีไปได้ทุกครั้ง
ส่วนเอริกเห็นอาร์คกำลังจะพลาดท่าให้กับอสูรร้าย เอริกก็พุ่งเป้า โดยใช้มีดอาคมที่ถืออยู่ในมือ ปาไปยังจุดที่เบร้กกำลังยืนอยู่ มีดเล่มนั้นมันได้เสียบแทงทะลุ เข้าที่กลางลำคอของเบร้กพอดี ส่งผลให้เบร้กหมดลมหายใจ และนอนตายกลายเป็นศพ อยู่ในสุสานเอรอน สภาพในร่างมนุษย์หมาป่าของเบร้ก ก็ค่อยๆ กลับคืนสู่ร่างมนุษย์เช่นเดิม
พอเอริกสังหารเหล่าดวงวิญญาณคนตาย ในสุสานจนหมดสิ้น เอริกกับอาร์คช่วยกันฝังศพเบร้ก ที่พึ่งจะเสียชีวิตไป เอริกยังได้สวดส่งวิญญาณทุกดวงในสุสานต่อพระเจ้า เพื่อให้พระองค์มารับเอาดวงวิญญาณพวกนี้ ไปยังสรวงสวรรค์ รวมถึงวิญญาณของเบร้กด้วย
พอทุกอย่างเสร็จสิ้น ทั้งคู่ก็มุ่งหน้าออกเดินทางกันต่อ การตายของเบร้กภรรยาผู้เป็นที่รัก ส่งผลให้จิตใจของอาร์ค ถูกกลืนกินด้วยความสลดหดหู่ ส่วนเอริกที่รู้สึกเป็นห่วงอาร์ค ก็ปลอบประโลมจิตใจของอาร์คอยู่ตลอดเวลา ในระหว่างที่เดินทาง พอเวลาผ่านไปสักพัก เอริกกับอาร์คก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านเวสกิ่ง หมู่บ้านที่อาร์คอาศัยอยู่
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในหมู่บ้าน ทั้งคู่ก็เห็นสภาพคนในหมู่บ้าน ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ที่กำลังนอนตายจมอยู่บนกองเลือด กลิ่นคาวเลือดอันเหม็นเน่า ได้ส่งกลิ่นคลุ้งกระจายไปทั่วท้องถนน เอริกยังสัมผัสได้ถึงวิญญาณอันชั่วร้ายของปีศาจ ที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหมู่บ้าน
ภาพเหตุการณ์เหล่านั้น ทำให้เอริกกับอาร์ค รู้สึกสะอึดสะเอียนถึงกลับมีอาการคลื่นไส้ อาร์คควบม้านำเอริกมาจนบ้าน ที่ตนอาศัอยู่ เอริกกับอาร์คลงจากหลังม้า ทันทีที่ทั้งคู่เดินมาถึงหน้าประตูบ้าน หมายจะเข้าไปข้างใน ร่างของทั้งคู่ก็กระเด็นปลิวออกมาจากประตู และลอยไปติดกับต้นไม้ต้นนึ่ง ที่หน้าบริเวณบ้าน ปีศาจร้ายมันพยายามขัดขวาง แผนการของเอริกกับอาร์ค เพื่อไม่ให้แผนการของทั้งคู่ไปสู่เป้าหมาย แผนการที่ทั้งคู่คิดจะกำจัดมัน
เอริกหยิบกางเกงเงินที่อยู่ภายในเป้ มันมีทั้งหมดอยู่ 2 เล่ม เอริคส่งกางเขนเงินให้อาร์คเล่มนึ่ง พร้อมบอกให้อาร์ค ใช้มือกำกางเขนนั่นเอาไว้ให้แน่นๆ เอริกบอกอาร์คให้เดินตามเข้าไปภายในบ้าน คราวนี้ทั้งคู่สามารถเดินเข้าไปในบ้านได้ตามปกติ ภายในบริเวณบ้านมืดสนิท ของใช้ภายในบ้านทุกอย่าง กระจัดกระจายกันเต็มไปหมด
เอริคหยิบไม้ท่อนนึ่ง มันเป็นไม้ขนาดย่อมๆ ที่วางอยู่กับพื้น เอริกหลับตาลงช้าๆ พร้อมกับท่องบทสวดอะไรสักอย่าง แล้วอยู่ๆ บริเวณส่วนปลายของไม้ท่อนนั้น ที่เอริกกำลังถืออยู่ ก็เกิดเป็นเปลวไฟสีฟ้าที่ลุกโชนขึ้นมา เปลวไฟนั่นมันได้ส่องสว่าง ไปจนทั่วบริเวณภายในบ้าน อาร์คพาเอริกไปที่ห้องนอนของเบร้ก
พอทั้งคู่ก้าวเท้าเข้าไป เอริกเห็นภาพวาดเบลล่า ที่มีแต่รอยเลือดเต็มไปหมด จากนั้นเอริกนำเอาเปลวไฟสีฟ้า ที่ถืออยู่ในมือมาวาดให้เป็นวงกลมที่บริเวณพื้น ทำให้บริเวณพื้นตรงจุดนั้น กลายเป็นเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นเป็นวงกลม เอริกได้ลงอาคมในเขตพื้นที่วงกลมตรงจุดนั้น และบอกอาร์คให้เข้ามาอยู่ในเขตพื้นที่วงกลม พร้อมสั่งกำชับอาร์คว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามออกไปจากเขตพื้นที่วงกลมนี่เป็นอันขาด เพราะมันเป็นเรื่องความเป็นความตาย ที่ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน อาร์ครับปากและตอบตกลงกับเอริกทันที
หลังจากนั้น เอริกทำพิธีเรียกวิญญาณร้าย ให้ออกมาจากภาพวาด ด้วยการท่องคาถาอะไรสักอย่าง พอเวลาผ่านไปไม่นาน ภายในห้องนอน ก็เกิดเสียงร้องของปีศาจร้าย ที่ดังออกมาจากภาพวาดเบลล่า ที่ดังขึ้นมาอย่างโหยหวน เสียงร้องนั่น ทำให้อาร์คตกใจจนตัวสั่น
พอสักพัก ปีศาจร้ายมันก็เผยร่างแท้จริงของมันออกมา มันออกจากภาพวาด ที่กำลังชุ่มไปด้วยเลือด พอเอริกลืมตาตื่นขึ้น ก็เห็นรูปร่างที่น่ากลัวของมัน รูปร่างของมันใหญ่โต มันเป็นสัตว์ 2 เท้า ทีมีใบหน้าและลำตัวคล้ายมังกร ทั่วบริเวณร่างกายของมัน ปกคลุมไปด้วยเกล็ด ที่คล้ายกับเกล็ดของมังกร มันมีขาและมีกีบเท้าของม้า ดวงตาของมันแดงเหมือนสีเลือด ฟันของมันแหลมคมเหมือนมีดดาบ มันมีเคี้ยวที่งอกออกมาเหมือนยักษ์ และมีปีกเป็นค้างคาว
ทันทีที่มันปรากฏตัว อาร์คใช้ปืนที่ถืออยู่ในมือ ยิงเข้าไปที่กลางลำตัวของมัน แบบไม่ยั้งมือ แต่ฤทธิ์ความรุนแรงของกระสุนอาคม ก็ไม่สามารถแทงทะลุเข้าผิวหนังของมันได้
เอริกหยิบมีดอาคมที่วางอยู่ใกล้ๆ ปาเข้าไปที่บริเวณศรีษะของมัน แต่ความแหลมคมของมีด ก็ไม่สามารถทำให้มันหมดลมหายใจลงได้ มันวิ่งตรงไปหาเอริกกับอาร์ค หมายจะเอาชีวิตของทั้งคู่ แต่มันก็ไม่สามารถย่างกราย เข้าไปในเขตพื้นที่วงกลมได้ เพราะเป็นเขตที่เอริกลงอาคม ป้องกันเอาไว้ แต่ปีศาจร้ายมันก็มีความฉลาดที่มากพอ มันใช้พลังอำนาจ โดยทำให้ร่างของเอริกกับอาร์ค กระเด็นลอยออกมาจากเขตอาคม
พอทั้งคู่หลุดออกมาจากเขตอาคม ก็เกิดการห่ำหั่นกัน ระหว่างสองฝ่าย แต่กำลังของมนุษย์ ก็ไม่อาจต้านทาน การจู่โจมของปีศาจร้ายได้ เอริกกับอาร์คกำลังพลาดท่าให้กับปีศาจร้ายเข้าไปทุกที
ขณะที่สถานการณ์ของทั้งคู่อยู่ในขั้น ที่เรียกว่าแทบจะจนมุม อาร์คคิดแผนโดยใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ อาร์คส่งเสียงร้องตะโกนไปที่ปีศาจร้าย เพื่อทำให้ตนกลายเป็นจุดสนใจของมัน เสียงตะโกนนั่น ทำให้มันหันหน้ามองมาที่อาร์ค อาร์คใช้ปืนยิงเข้าใส่มันอย่างต่อเนื่อง
คราวนี้มันเปลี่ยนเป้าหมาย โดยการวิ่งพุ่งตรงมาที่อาร์ค อาร์คใช้จังหวะนั้นวิ่งออกมานอกบ้าน ปีศาจร้ายนั่น มันก็วิ่งตามอาร์คไปแบบติดๆ อาร์ควิ่งหนีมันพร้อมกับใช้ปืนในมือ ยิงมันไปด้วย ส่วนมันก็วิ่งไล่ล่าตามอาร์ค ไปแบบที่ไม่ลดล่ะ เอริกที่อยู่ภายในบ้าน ก็ใช้จังหวะนั้นวิ่งเข้าไปหยิบกางเขนเงิน ที่วางอยู่ในเขตพื้นที่อาคม พร้อมกับสวดท่องคาถาบางอย่างลงไปในกางเขนเงิน
ทันทีที่เอริกท่องคาถาจนเสร็จ เอริกก็รีบวิ่งไปที่นอกบริเวณบ้าน ทันทีที่ออกไปด้านนอก เอริกเห็นปีศาจร้าย ที่กำลังไล่ล่าอาร์คไปแบบไม่ลดล่ะ เอริกรีบวิ่งตรงไปที่ปีศาจร้าย ในจุดที่มันกำลังวิ่งอยู่
พอเอริกวิ่งเข้าไปใกล้ๆ ในจุดที่มันอยู่ เอริกได้ส่งเสียงร้องตะโกนออกมา ทันทีที่ปีศาจร้าย ได้ยินเสียงเอริก ที่ร้องตะโกนออกมา มันก็เปลี่ยนเป้าหมาย โดยการวิ่งพุ่งตรงมาที่เอริก
ในจังหวะที่มันกำลังวิ่งเข้ามา เอริกก็ยืนอยู่นิ่งๆ พร้อมกับซ้อนกางเขนเงิน ที่ถืออยู่ในมือไว้ด้านหลัง ทันทีที่ปีศาจร้าย มันวิ่งเข้ามาในระยะที่เกือบจะประชิดตัว ตรงจุดที่เอริกกำลังยืนอยู่ เอริกก็ใช้กางเขนเงิน ที่กำลังกำอยู่ในมือ แทงเข้าไปที่ร่างกายของปีศาจร้าย ไม้กางเขนนั่นได้เสียบแทงเข้าทะลุร่างของมัน ตรงบริเวณหัวใจพอดี จากนั้นเอริกได้หลับตา พร้อมกับท่องบทสวดในไบเบิล จากนั้น ทั่วทั้งบริเวณร่างกายของมัน ก็ถูกเผาไหม้ด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ เปลวไฟนั่นทำให้ร่างของมัน ค่อยๆ แหลกละเอียด จนกลายเป็นผงธุลี
หลังจากที่ปีศาจร้ายถูกกำจัด ทั้งคู่ได้กลับมาที่บ้าน หลังจากที่เรื่องร้ายๆ ผ่านพ้นไป เหตุการณ์ทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความสงบสุข ทุกคนในหมู่บ้านและบรรดาสิ่งมีชีวิต ที่ถูกปีศาจร้ายเข่นฆ่า ก็กลับฟื้นขึ้นมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง กลิ่นคาวเลือด ที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคลุ้งไปทั่ว ก็ค่อยๆ ทุเลาและจางหายไปจนหมด
ส่วนทางด้านเอริกกับอาร์ค เอริกได้ให้กางเขนเงิน ที่ใช้ปลิดชีพสังหารปีศาจร้ายกับอาร์ค เพื่อให้อาร์คเอาไว้ป้องกันตัวจากสิ่งเลวร้าย ก่อนเดินทางกลับโบสถ์ เอริกนำเอาภาพวาดเบลล่า ที่อยู่ในสภาพที่น่าสยดสยอง นำติดตัวไปด้วย เพื่อนำมันไปเก็บไว้ในโบสถ์ จากนั้นเอริกเดินทางกลับไปที่โบสถ์ ส่วนอาร์คก็กลับมาใช้ชีวิตแบบสงบสุข ในแบบที่เคยเป็น
หลังจากที่เอริกเดินทางกลับถึงโบสถ์ เอริกนำภาพวาดเบลล่า ใส่เก็บไว้ในกล่องโลหะที่ลงอาคม เพื่อไม่ให้เป็นประตูทางผ่าน ของเหล่าวิญญาณร้าย ในการขึ้นมาทำร้ายผู้คนบนโลกมนุษย์ได้อีก
ติดตาม.
โฆษณา