2 ก.ย. 2022 เวลา 12:22 • หนังสือ
ทุกวันนี้คนรอบตัวเราล้วนมีความคิดในการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันออกไป ทุกคนต่างต้องพบเจอปัญหาและเผชิญอุปสรรคต่างๆมากมายในเรื่องงาน ความสัมพันธ์ และรวมไปถึงสุขภาพ ไม่ว่าจะหนักหนาสาหัสไปจนถึงเรื่องเล็กน้อยเพียงใดหรือจะมีความต่างมากน้อยและเหมือนกันแค่ไหนก็ตาม แต่ประสบการณ์และวิธีในการรับมือกับปัญหาและอุปสรรคของคนเรานั้นมีผลลัพธ์ออกมาอย่างน่าประหลาดใจและแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ความแตกต่างที่ว่านั้นเกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน โดยคน 2 ประเภท คือ “คนคิดบวก” กับ “คนคิดลบ”
สำหรับคนที่มีความคิดใน ”แง่บวก” ส่วนใหญ่แล้วมักจะยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเอง เคารพตัวเองและผู้อื่น เรียนรู้ และพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นเพื่อที่จะผลักดันตัวเองและเปลี่ยนแปลงอุปสรรคเหล่านั้นให้กลายเป็นแรงบันดาลใจเพื่อความสำเร็จต่อไปในอนาคตอยู่เสมอ และที่สำคัญคือสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นได้โดยการแผ่กระจายสู่คนที่อยู่รอบตัวให้มีความรู้สึกดีๆที่ได้พูดคุยและได้อยู่ใกล้ชิดแถมยังมีความคิดในแง่บวกมากขึ้นตามมาอีกด้วย
สำหรับคนที่มีความคิดใน “แง่ลบ” ส่วนมากแล้วจะจมอยู่กับความคิดลบๆต่อตัวเองและผู้อื่นเสมอ จะเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา จะมองไม่เห็นทางออกในการแก้ไขปัญหา มองว่าตัวเองไม่ดี ไม่เห็นคุณค่าของตัวเองและผู้อื่นรวมไปถึงไม่เคารพตัวเองและผู้อื่น รู้สึกริษยาในเวลาที่เห็นคนอื่นประสบความสำเร็จมากกว่าตัวเอง ไม่ว่าตัวเองหรือคนอื่นจะทำเรื่องดีๆแค่ไหนก็ตามก็จะไม่มีความยินดีเกิดขึ้นแถมยังคอยหาข้อตำหนิกับข้อผิดพลาดอยู่เสมอจนทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ตลอดเวลาจึงทำให้มองหาความสุขไม่เจอเลย
และแถมยังทำให้คนรอบข้างรับพลังความคิดลบๆที่บั่นทอนพลังงานความคิดที่ดีในตัวไปจนหมดอีกด้วย
ลองคิดดู ถ้าหากว่าคุณเป็นคนมองโลกในแง่ลบในทุกๆเรื่องคุณจะมีความสุขได้อย่างไร ?
คุณจะดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองได้อย่างไร ?
คุณจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนได้อย่างไร ?
คุณจะบรรลุเป้าหมายที่ตัวเองวางไว้ได้อย่างไร ?
คุณจะรับฟังและแก้ปัญหาของตัวเองและผู้อื่นได้อย่างไร ?
คุณจะช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างไร ?
เพียงแค่ไม่กี่คำถามนี้เหล่านี้ ก็ดูเหมือนว่าการดำเนินชีวิตของเราในแต่ละวันนั้นคงจะวุ่นวายและมีแต่ปัญหาพอสมควรเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นทางที่ดีเราควรมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ เพื่อรักษาความคิดที่ดีของตัวเองและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อคนรอบข้าง เอาตัวเองไปอยู่ในที่ที่จะได้พบกับคนคิดบวกอยู่เสมอ พูดคุยกับคนที่มีประสบการณ์ในการเผชิญปัญหาและก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ
และไม่ควรเอาตัวเองไปอยู่ในที่ที่มีแต่คนคิดลบ ไม่มีน้ำใจ ไม่ช่วยเหลือใคร บ่นแต่เรื่องแย่ๆ นินทาคนอื่น พูดแต่สิ่งที่ไม่สร้างสรรค์ และทำให้เสียเวลาอันมีค่าไปเปล่าๆ เพราะสิ่งเหล่านี้จะดูดแรงสั่นสะเทือนและพลังความคิดในแง่บวกของเราออกไปและอาจจะค่อยๆแทรกซึมจนมันเปลี่ยนความคิดและทัศนคติของเราให้กลายเป็นพลังความคิดในแง่ลบได้อีกด้วย
ปล่อยให้ความคิดลบทำหน้าที่ของมันไป เพราะหากเรารู้อยู่แล้วว่ามันไม่สามารถทำอะไรเราได้ มันก็จะเป็นแค่ลมพายุที่พัดผ่านไปและหายไปในที่สุด
บทความนี้ผมเขียนออกมาจากการตกผลึกในการอ่านหนังสือเล่มนี้และมันช่วยให้เราพัฒนาความคิดและทัศนคติให้ดีขึ้นได้จริงๆ และในหนังสือเล่มนี้ยังมีเนื้อหาที่เจาะลึกในประเด็นที่กล่าวมาอีกมากมาย มีทั้งวิธีการ ทั้งประสบการณ์ที่ถูกหยิบยกขึ้นมา ทั้งเรื่องเล่าที่ให้ข้อคิด และคำคมต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านที่สนใจเกี่ยวกับการพัฒนาความคิดและต้องการมีความคิดเชิงบวกมากขึ้น และที่สำคัญยังรวมไปถึง “การพัฒนาตนเอง” อีกด้วย
คุณไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยความคิดที่รั้งคุณไว้
Vex King
หวังว่าบทความนี้จะมอบประโยชน์ให้กับทุกท่านไม่มากก็น้อยนะครับ หากท่านใดมีความรู้และประสบการณ์ต่างๆที่อยากจะมาแชร์หรือมีความเห็นในมุมที่แตกต่างออกไปก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างให้เกียรติซึ่งกันและกันนะครับ
ขอบคุณครับ :)
#ยามอ่าน
หากถูกใจก็กดไลค์และกดติดตามเพจ เพื่อเป็นกำลังใจและแรงผลักดันให้กันและกันด้วยนะครับ ผมพึ่งเป็นมือใหม่หัดเขียน หากผิดพลาดหรือตกหล่นส่วนไหนไปก็ขอโทษด้วยนะครับ จะพยายามทำให้ดีขึ้นในทุกๆวัน
โฆษณา