3 ก.ย. 2022 เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์
ใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน ไม่มีเป้าหมาย ไม่กดดัน แต่ทำไมถึงไม่มีความสุข?
เคยถามตัวเองไหมว่า.. ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตแบบไหนอยู่
ตื่นขึ้นมาทำงานเพื่อรอเวลาเลิกงานหรือเปล่า ภาวนาให้จันทร์-ศุกร์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพื่อจะได้ใช้ชีวิตในวันเสาร์-อาทิตย์ใช่ไหม และพอเสาร์-อาทิตย์ เราก็จะออกไปเที่ยว ไม่ก็ใช้เวลาไปกับการนอนดูซีรีส์และไถหน้าจอโทรศัพท์ ในขณะที่ในใจอยากให้เวลาเดินช้าๆ เพื่อให้วันจันทร์ห่างออกไปอีกหน่อย
1
ในโลกที่หลายคนอยากมุ่งหน้าสู่ความสำเร็จ เรายืนกรานที่จะใช้ชีวิตแบบมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ รอบตัวในแต่ละวัน ไม่มีเป้าหมายยิ่งใหญ่ และไม่กดดันตัวเอง เพราะทุกวันนี้ก็เจอเรื่องหนักๆ พอแล้ว
6
อย่างไรก็ตาม หลายต่อหลายครั้งเรารู้สึกว่าชีวิตของเรามันช่างเล็กเหลือเกิน และตัวเรานั้นไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเลย
หลายต่อหลายครั้ง.. เราอดถามตัวเองไม่ได้ว่า “ชีวิตมันก็แค่นี้หรือ”
1
ไม่ได้ฝันยิ่งใหญ่ ไม่ได้แข่งกับใคร และไม่ได้กดดันตัวเองแล้วนี่ แต่ทำไมความรู้สึกไม่มีความสุขและไม่พึงพอใจในชีวิตผุดขึ้นมาบ่อยๆ
หรือบางที.. การใช้ชีวิตไปวันๆ แบบนี้กำลังทำให้เราไม่มีความสุขกันแน่นะ?
2
เข้าใจวิธีคิดของมนุษย์กันก่อน
หากการใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขนัก แต่ทำไมเราถึงลงเอยด้วยการใช้ชีวิตแบบไม่คิดอะไรเช่นนี้นะ? ในหนังสือ Thinking Fast and Slow (ชื่อไทย: คิด, เร็วและช้า) ของแดเนียล คาห์นเมน ได้อธิบายไว้ว่า ระบบการคิดของมนุษย์เรามีสองแบบ
“คิดแบบเร็ว” คือการคิดอย่างรวดเร็วและไม่ตั้งใจ สิ่งนี้เกิดขึ้นอัตโนมัติราวกับว่าเรากำลังเปิดโหมด Autopilot อยู่ และมักใช้ในการตัดสินใจเรื่องที่ไม่ต้องคิดเยอะ เช่น การซักผ้า หรือ การขับรถ
“คิดแบบช้า” คือการคิดแบบตั้งใจ ใช้สติ และความพยายาม การคิดแบบนี้จะต้องใช้สมาธิและพลังงานมากกว่า มักใช้ในการตัดสินใจเรื่องสำคัญอย่าง จะซื้อรถอะไร จะซื้อบ้านแบบไหน หรือจะแต่งงานกับใคร
แต่สมองของมนุษย์นั้นขี้เกียจ เลยมีแนวโน้มว่าจะคิดแบบเร็วอยู่บ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเราคุ้นชินและมักจะทำตามแบบเดิมโดยไม่ฉุกคิด เช่น การตื่นมาเล่นโทรศัพท์สัก 10-20 นาที
เดินทางไปทำงาน กินข้าว ขับรถ กลับบ้าน ดูซีรีส์ เล่นโทรศัพท์ นอน ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากลัวคือบ่อยครั้งในเรื่องสำคัญอย่าง “เราจะใช้ชีวิตแบบไหน” เรากลับไม่ได้ไตร่ตรองอย่างจริงจัง แต่กลับใช้วิธีคิดแบบ Autopilot เลือกสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุด เร็วที่สุด อย่างการไม่ทำอะไรกับชีวิตเลยนั่นเอง
1
จะใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างตั้งใจและมีความสุขมากขึ้นได้อย่างไร
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังเปิดโหมด Autopilot ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ แบบคิดเร็วๆ เช่นนี้อยู่? พอจะมีวิธีใดบ้างไหมที่ช่วยให้เราใช้แต่ละวันอย่างมีเป้าหมายและมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น?
1) ถามตัวเองว่าขับเคลื่อนชีวิตด้วยโหมดอะไรอยู่
มีสติและตระหนักถึงพฤติกรรมของเรา สำรวจตัวเองด้วยคำถามว่า เราใช้ชีวิตไปวันๆ เช่นนี้เพราะเราต้องการจริงหรือ? หรือมันแค่เกิดขึ้นเองเพราะการใช้ชีวิตแบบนี้มันง่ายกว่า? เราอาจลองสำรวจตัวเองผ่านเช็กลิสต์นี้ดูว่ากำลังเปิดโหมด Autopilot อยู่หรือเปล่า
1
กิจวัตรประจำวันของเรานั้นจำเจ
เช่น เราใช้ชีวิตจันทร์-ศุกร์เพื่อรอคอยวันหยุด หรือ การใช้ชีวิตทั้งเดือนเพื่อรอคอยวันเงินเดือนออก
ใช้ชีวิตเพื่อตามใจผู้อื่น
เราพยายามเป็นคนที่สังคมและผู้อื่นคาดหวัง โดยไม่ได้ถามตัวเองจริงๆ ว่าต้องการอะไร
เปิดโหมดออนไลน์อยู่ตลอด
เราใช้ชีวิตแบบวิ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆ โดยไม่ได้หยุดเพื่อตั้งคำถามว่าเรารู้สึกอย่างไร เราทำอะไรอยู่ และสิ่งที่ทำอยู่ใช่สิ่งที่เราอยากทำหรือเปล่า
รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็ว
เราจำแทบไม่ได้ว่าวันๆ ทำอะไรไปบ้าง แต่รู้ว่าเวลาผ่านไปเร็ว รู้ตัวอีกทีก็จะสิ้นปีแล้ว แต่เรายังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
รู้สึกว่าไม่ทันคนอื่น
รู้สึกอยากเป็นและอยากมีเหมือนคนอื่น ทั้งในเรื่องของนอกกายและเรื่องความรู้ความสามารถ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เราไม่มีความสุขอยู่บ่อยๆ
2) ตั้งค่าGPSกันก่อนออกเดินทาง
หลายคนอาจต่อต้านการมีเป้าหมายเพราะมองว่ามันเป็นเรื่องกดดัน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยพบว่าหากเราตั้งเป้าหมายที่ดูเป็นไปได้ เราจะมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น! แม้จะทำตามเป้าหมายสำเร็จหรือไม่ก็ตาม
เป้าหมายในชีวิตของเราคืออะไร? หรือเป้าหมายระยะสั้นภายใน 1 ปีของเรามีอะไรบ้าง? ลองตั้งเป้าไว้ก่อน อย่างน้อยเราจะรู้สึกว่ามีจุดหมายและไม่ได้กำลังหลงทาง
เมื่อตั้งเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว อีกสิ่งที่ควรทำก่อนออกเดินทางคือเชื่อมั่นในตัวเองว่า เราคือผู้เขียนเรื่องราวชีวิตของเราเอง และถ้าเราตั้งใจจริงๆ เราทำได้แน่นอน ไม่ว่าจะเรื่องอะไร พร้อมกับลบแนวคิดแบบพ่ายแพ้ (Defeatism Mindset) และความคิดลบๆ ในหัวออกไปเสียก่อน
3) ทำชีวิตประจำวันให้มีความหมายอีกครั้ง
หากสังเกตดูชีวิตประจำวันของเรา จะพบว่ามีแต่เรื่องที่เราทำไปด้วยความเคยชิน และไม่ได้สอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตเท่าไรนัก
แต่เมื่อเรามีเป้าหมายแล้ว คราวนี้เราลองมาเพิ่มกิจวัตรประจำวันที่สอดคล้องกับเป้าหมายดูไหม (เช่น หากปีนี้อยากลดน้ำหนัก อาจลองเริ่มต้นเล็กๆ ด้วยการเดิน 30 นาทีในทุกๆ วัน) และอย่าลืมทำกิจวัตรใหม่นี้อย่าง “คิดแบบช้า” ด้วยนะ!
และหากเรารู้สึกว่าชีวิตเริ่มน่าเบื่อ อาจลองท้าทายตัวเองให้ออกจากคอมฟอร์ตโซนด้วยการลองอะไรใหม่ๆ บ้าง เพียงทำกิจกรรมใหม่ๆ เดือนละครั้งก็มีเรื่องให้เราใช้ชีวิตอย่างตั้งใจและตั้งตารอแล้ว
4) เริ่มต้นทันทีเพราะเวลาที่ใช่ไม่มีอยู่จริง
Lana Blakely คือยูทูบเบอร์สาวที่เริ่มจากการอัดวิดีโอตัวเองด้วยอุปกรณ์ที่มีอยู่ ฉากหลังธรรมดาๆ แถมยังพูดไม่ค่อยเก่ง จนตอนนี้เธอพัฒนาและมีผู้ติดตามเกือบ 1 ล้านคน
เธอได้แชร์เคล็ดลับความสำเร็จของเธอไว้ว่า บนโลกนี้ไม่มี “เวลาที่ใช่” หรอก หากเรารอคอยจนทุกอย่างสมบูรณ์แบบ เราคงไม่ได้ไปไหนสักที ดังนั้นเริ่มจากสิ่งที่เรามีอยู่ในวันนี้ แล้วค่อยพัฒนาไปเรื่อยๆ ระหว่างทางจะดีกว่า
1
5) เช็กอินกับตัวเองบ้าง
เพื่อป้องกันการกลับไปใช้ชีวิตเรื่อยๆ แบบเปิด Autopilot ลองหาเวลาทุกๆ เดือนหรือสามเดือน มาเช็กอินกับตัวเองว่าช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง? เราใช้ชีวิตแบบไหน? และยังทำตามเป้าหมายอยู่หรือเปล่า?
6) สร้างวิธีตามหาความหวัง
ช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุดในการเดินทางของชีวิต คือ ช่วงเวลาที่เรารู้สึกสิ้นหวัง ซึ่งมักเกิดขึ้นจากความผิดหวัง ความเหนื่อยล้า และปัจจัยอื่นๆ อย่างสภาพร่างกายและจิตใจ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ความสิ้นหวังนั้นทำให้เรารู้สึกไม่อยากตื่นขึ้นมาในแต่ละวัน ทำให้เราสับสน ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตไปเพื่ออะไร และเพื่อใคร
ในช่วงเวลาอันมืดมนเช่นนี้ เราจะตามหาแสงแห่งความหวังอีกครั้งได้อย่างไร
1
บทความ Finding Hope When Things Feel Gloomy จาก The New York Times ได้แนะนำว่า เราควรเตรียม “ชุดเครื่องมือ” ที่จะช่วยสร้างความหวังไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ อาจเป็นการหารูป เพลง คำคม วิดีโอ หนัง บทความ หรือกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มพลังให้เรา ทำให้เรารู้สึกที่จะอยากมีชีวิตต่อ
1
แค่บทความหรือวิดีโอก็ช่วยเราแล้วหรือ? ฟังดูตื้นเขินใช่ไหม แต่งานวิจัยพบว่าของต่างๆ ที่เรารวบรวมไว้เพื่อสร้างความหวังนี้ ได้ช่วยผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายให้ไม่รู้สึกสิ้นหวังได้จริงๆ ดังนั้นเตรียมสิ่งของไว้สำหรับวันแย่ๆาก็ไม่เสียหายนะ มันอาจช่วยได้มากกว่าที่เราคิดด้วยซ้ำ
เราใช้ชีวิตอยู่ หรือแค่มีชีวิตอยู่? อาจเป็นคำถามที่ต้องถามตัวเองในบางช่วงเวลาของชีวิต ถ้าหากเราพบว่าเราเพียงแต่มีชีวิตอยู่ ลองถามตัวเองต่ออีกว่าแล้วเรามีความสุขไหมกับชีวิตแบบนี้?
ถ้าหากเรามีความสุข นั่นก็เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง แต่สำหรับใครหลายๆ คนที่ไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น ลองทำตาม 6 วิธีเหล่านี้ อย่างการตั้งเป้าหมายเล็กๆ ให้ชีวิต เราอาจทำให้แต่ละวันของเรามีความหมายและมีความสุขมากขึ้นก็ได้นะ
เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- 5 คำถามที่ตอบตัวเองแล้วจะมีความสุขกับวันนี้มากขึ้น : https://bit.ly/3pIyObe
- 6 เรื่องเกี่ยวกับชีวิตที่ “น่าจะรู้แบบนี้ตั้งนานแล้ว” : https://bit.ly/3Rpogdb
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#inspiration
โฆษณา