4 ก.ย. 2022 เวลา 07:48 • การศึกษา
อย่าเพิ่งท้อค่ะลูก มาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง ผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย อารมณ์เฟรชชี่ก็ยังเหมือนเดิม
ตอน ม.ปลาย รร.มัธยมปลายอันดับต้นๆของประเทศ (ที่เด็กๆเขาไปสอบกันเป็นหมื่นๆคนนั่นแหละ) สอบซัมฯ แรก สอบตกกันยกห้อง ต้องใช้โรงอาหารใหญ่เป็นที่จัดสอบซ่อม สายวิทย์สอบติดเข้ามา 750 คน ฝ่าฟันเอาชนะคนเป็นหมื่น หลายคนเป็นตัวท๊อปที่โรงเรียนเก่า เป็นที่หนึ่งของจังหวัด เด็กโอลิมปิคก็ยังไม่รอด เป็นความช็อคที่ทุกคนได้เจอครั้งแรก นัยว่าเพื่อลดอีโก้ของนักเรียน เขย่าให้ตื่นจากความฝัน
พอมาถึงระดับมหา’ลัยก็คล้ายๆกัน ยิ่งเป็น ม.รัฐอันดับต้นๆน่ะนะ มีหลายอย่างที่หนูต้องปรับตัว การเรียนไม่ใช่แบบครูป้อนแล้วเรานั่งฟังนั่งจด ตอนสอบก็เป็นเนื้อหาที่ไม่เคยสอน ข้อสอบเป็นแบบ unseen สอบแบบ open book แต่มันไม่มีใน book ฯลฯ
เพิ่งเข้ามหา’ลัยปี 1 อาจจะเรียน on-line ซะส่วนใหญ่ มี on-site บ้าง เกรดออกครั้งแรก เห็นได้ชัดว่าเฟรชชี่แบ่งเป็นสองทีม ทีม A ล้วน กับ ทีมหนี F
แทนที่จะรู้สึกเคว้ง ช่วงนี้หนูรีบส่องเพื่อนเลยค่ะ ดูทรงว่าใครพอจะเป็นที่พึ่ง เป็นความหวังให้เราได้ เข้าหาเพื่อนเลย ไม่ต้องอาย ไม่ต้องรักษาฟอร์ม วิชาไหนไม่ไหวก็ถอนไปก่อน
อีกเรื่องคือ เกรดก็ส่วนเกรด ถ้ามีโอกาสทำกิจกรรม ก็ควรทำค่ะ เป็นทางหนึ่งที่ทำให้เราได้มีเพื่อนตัวเป็นๆค่ะ ทำให้เราต้องเร่งบริหารจัดการตัวเอง ทั้งการเรียนและกิจกรรม หากจนแล้วจนรอด จบมาด้วยเกรดกลางๆไม่หรู กิจกรรมจะช่วยพยุงให้เรามีทางไปได้อีกมาก
อย่าเพิ่งท้อนะคะเฟรชชี่ ให้กำลังใจค่ะ สู้ๆๆๆ
โฆษณา