5 ก.ย. 2022 เวลา 17:01
ในสภาวะการณ์ที่ทั้งระบบเศรษฐกิจ, การเมือง, สังคม, และสิ่งแวดล้อมของโลก นำมาซึ่ง “ความท้าทาย” ในการใช้ชีวิตในโลกสมัยใหม่นี้
ผมคาดหวังว่า ผู้คนจะตระหนักถึงความจริงที่ว่า
ความสุขไม่ใช่สิ่งที่ต้อง “แสวงหา” คุณหยุด “ไขว่คว้า” ความสุขเมื่อไหร่ มันจะเป็นของคุณ “ที่นั่นและเดี๋ยวนั้น”
Happiness cannot be pursued; it must ensue.
Viktor E. Frankl.
For success, like happiness, cannot be pursued; it must ensue, and it only does so as the unintended side-effect of one's personal dedication to a cause greater than oneself or as the by-product of one's surrender to a person other than oneself.
Happiness must happen, and the same holds for success: you have to let it happen by not caring about it.
Viktor E. Frankl
Viktor Frankl ท่านกล่าวไว้ชัดเจนว่า ความสุขนั้นเป็นสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วและควรปกป้อง ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องออกแสวงหาและก้มกราบเพื่อให้ใครหยิบยื่นให้คุณ
VF ท่านเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากค่ายกักกันสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ท่านได้รับความทุกข์ทรมานต่างๆนานา และท่านได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งไปหลายท่าน แม้แต่ตัวของท่านเองก็ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแสนสาหัส
1
แต่ท่านก็มองเห็นคุณค่าของชีวิต ท่านเลยช่วยเหลือให้กำลังใจเพื่อนร่วมชะตากรรมในค่ายแห่งนั้น ให้มีพลังใจในการมีชีวิตในสภาพความยากลำบากนั้น จนในที่สุด ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรได้มาปลดปล่อยผู้ถูกกักกันในช่วงท้ายๆ
ของ WW II
1
ผมจึงมีคติในการใช้ชีวิตว่า
1) “พอใจ” และ “ภูมิใจ” ในความเป็นตัวของตัวเอง
2) ใช้ชีวิตให้คนอื่นอิจฉา โดยไม่เสียเวลาอันมีค่าในชีวิตไปอิจฉใคร เพราะชีวิตที่น่าอิจฉาคือ ชีวิตที่ไม่ต้องเสียเวลาไปอิจฉาใคร
3) พิสูจน์ว่าเกิดมาคุ้มค่ากับที่ได้เกิดมา โดยใช้ชีวิตให้มีความหมาย เพราะความหมายของชีวิตคือการ “ลุกขึ้นสู้” เพื่อผู้อื่นและตนเอง ซึ่งนั่นคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว!
4) และแน่นอนว่า
“คำสอนในทางพระพุทธศาสนา” คือ “โอสถ” ที่สามารถรักษาได้ทั้งกายและจิตใจของมวลมนุษย์
โดยการที่เราฝึก “สติ” และหมั่นสำรวจจิตใจของเราอยู่เสมอๆ
โฆษณา