6 ก.ย. 2022 เวลา 03:15 • ไลฟ์สไตล์
เมื่อจิตมาอาศัยเรือนกาย กายที่ไม่คงที่ โตวันโตคืน ไปตามวันเวลา กายและจิตนั่ไม่เคยนิ่ง เคลื่อนไปตามเข็มนาฬิกา เวลานี้ตื่นขึ้นมาเช้าแล้ว ลืมตาขึ้น ก็คิด นึกไป เดี่ยวเวลานี้กิน เวลานี้ทำงาน เวลานี้ไปนั้นไปนี้ เวลาเย็นเลิกงาน เลิกเรียน กลับบ้าน เวลานี้กินข้าว เวลานี้เวลานอน เป็นเวลาชีวิตเดินไปตามกรอบเข็มนาฬิกา ที่เดินอยู่ในเรือนของนาฬิกา
ชีวิตของคนมันก็เหมือนเดิมวนเวียนไปตามเข็มนาฬิกา ที่เดินอยู่ในกรอบ ในเรือนของนาฬิกา จิตเราก็จมอยู่กับทุกข์ ที่เดินไปตามเข็มนาฬิกาที่เดินอยู่ภานในกรอบของเรือนนาฬิกา ที่มีอารมณ์เป็นแรงผลักดัน ให้จิตนั่น สั่งกายให้เคลื่อนไปตามวันเวลาของเข็มนาฬิกาเดินอยู่ภายในเรือนนาฬิกา มิได้ออกไปไหนได้เลย เหมือนจิตเราเกิดมาอาศัยอยู่ในเรือนกายของคุณบิดามารดา
เรือนกายนี้ มันไม่เที่ยง ไม่คงที่ มีอารมณ์ปรุงแต่ง มีวิญญาณทั้งหก เห็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ อยากได้ ไม่อยากได้ ได้มาก็ดีใจชั่ขณะได้มาก็เป็นภาระเฝ้ามอง ดูแลรักษา สิ่งไหนมีค่าก็ต้องแอบ ต้องเก็บ กลัวใครมายื้อแย่ง ในสิ่งที่มีสิ่งยึดเป็นเจ้าของ เพราะกว่าจะได้มาต้องออกแรงกายที่พ่อแม่ให้มาไป เสาะแสวงหาหาปัจจัยมา มาบำรุงกาย บำรุงอารมณ์ที่อยากได้ ให้มันโตขึ้น เกิดเป็นความโลภความทะเยอทะยาน ไม่เคยหยุดพัก
เหมือนเข็มที่เดินอยู่ในเรือนนาฬิกา นานไป เข็มนั้นก็เดินช้าลงๆไป เรื่อย เรือนนาฬิกาก็เก่า เข็มก็จะหยุดเดิน นาฬิกาก็ตาย หยุดเดิน เดินไปไหนไม่ได้ เพราะนาฬิกาตาย
นั้นก็คือ เมื่อเรามาอาศัยกาย เราก็ต้องดูแลกายที่อาศัย ให้กายนั้นดี มีบุญกุศล กายเป็นบุญ จิตมีธรรม เรือนกายนั้น ก็สะอาดสะอ้าน ใช้ไปจนนั้นเรือนนาฬิกา นั้นถึงเวลานาฬิกากาย นั่นหมดลม
จิตที่เรามีทุกข์ เพราะมีกรรม ต้องมาอาศัยในเรือนกาย หยุดเหตุที่นำเกิดนำตายได้ ไม่ต้องเกิดมีกายอีก จิตก็หมดทุกข์
โฆษณา