9 ก.ย. 2022 เวลา 00:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ทำความรู้จักเหรียญ HBAR และ HTS Token
เหรียญ Hbar คืออะไร
Hbar คือ สกุลเงินดิจิทัลพื้นฐานของเครือข่าย Hedera (Native Token) ประเภท Utility Token ที่ใช้งานบนเครือข่าย Hedera Hashgraph ที่มีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ คือ 1) ที่ใช้ชำระค่าบริการในการทำธุรกรรมบนเครือข่าย Hedera และ 2) ใช้เพื่อรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายจากการโจมตีทางไซเบอร์บางประเภท
สัญลักษณ์ของ Hedera จะมี 2 แบบ คือ โลโก้องค์กร จะเป็นตัวหนา (Ħ) และสัญลักษณ์สกุลเงินดิจิทัล HBAR จะเป็นตัวพิมพ์เล็ก ตัวเอียง (ℏ)
นอกจากนั้น ℏ(h-bar) เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงค่าคงที่ของพลังค์ที่ลดลง (ตามทฤษฎีของ Max Planck) ซึ่งค่าคงที่พลังค์ เป็นค่าคงที่น้อยที่สุดที่ใช้ในทางฟิสิกส์ ซึ่งมีนัยยะที่เหมาะสมมากเนื่องจาก ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ บนเครือข่ายนั้นราคาเพียงน้อยนิด อีกทั้งยังมีนัยยะถึง Consensus message ก็ถูก Hash ย่อยลงจนเหลือขนาดเพียง byte หลักเดียว จึงทำให้ Hedera สามารถรองรับปริมาณธุรกรรมจำนวนมาได้อย่างรวดเร็ว
หน้าที่ข้อแรกของ HBAR คือสิ่งที่ทุก ๆ ท่านจะต้องเจอ นั่นคือ การใช้เป็นค่าบริการในเครือข่าย กล่าวคือ ทุก transaction ที่เกิดขึ้นบน Hedera public network ต้องใช้ HBAR ทั้งสิ้น ไม่ว่าท่านจะโอนเหรียญไปยังที่ต่าง ๆ จะซื้อหรือ Mint NFT จะ associate token ให้ wallet, จะเข้าร่วม staking สร้าง smart contract และอื่น ๆ ก็ต้องใช้ Hbar โดยแต่ละบริการจะมีค่าทำธุรกรรมแตกต่างกันไป
ยิ่งถ้าท่านเป็น developer หรือ creator บนเครือข่าย ก็จะมีรายการค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ลงรายละเอียดมากขึ้นแบบที่คนใช้งานทั่วไปจะไม่ค่อยเจอ ซึ่งมีรายละเอียดหัวข้อถัดไป
และหน้าที่อีกข้อของ HBAR คือ ปกป้องความปลอดภัยของเครือข่าย เพราะ ทุกธุรกรรมที่ส่งเข้ามาในเครือข่าย Hedera จะต้องผ่านฉันทามติ (Consensus) โดยสมาชิกที่เป็น node validator (ปัจจุบันมีเพียง Governing Council เป็น node แต่ในอนาคต ทุกคนสามารถเข้าร่วมเป็น node ได้ (เรียนรู้เพิ่มเติม เส้นทางสู่ permissionless network) ในเครือข่ายโดยผ่านระบบ COIN-WEIGHTED VOTING ON CONSENSUS ซึ่ง
หมายความว่า Hedera ไม่ได้เชื่อถือว่าคุณเป็นใครมาจากไหน แต่เชื่อใน Hbar เท่านั้น ดังนั้น node ที่มีสิทธิลงฉันทามติในเครือข่ายจึงต้องมี Hbar และค่าน้ำหนักในการฉันทามติขึ้นอยู่กับจำนวน Hbar ถือครอง โดยการรับรองฉันทามตินั้น จะต้องมีเสียงของ node ที่ถือ Hbar มากกว่า 2 ใน 3 ของ ทั้งหมด
ผู้ใดที่ต้องการจะโจมตีเครือข่าย หรือเปลี่ยนแปลงฉันทามติใด ๆ จะต้องมีเหรียญ HBAR มากกว่า 1 ใน 3 ของเหรียญทั้งหมด เพื่อขัดขวางระบบ COIN-WEIGHTED VOTING ON CONSENSUS ซึ่งจะทำให้การลงฉันทามติ มากกว่า 2 ใน 3 ไม่สามารถเกิดขึ้นได้นั่นเอง ดังนั้น เครือข่าย Hedera จึงมีระบบ proof of stake ผ่าน Hedera Native staking
เข้ามาช่วยเพื่อให้เกิดการกระจาย Hbar ไปยังบัญชีต่าง ๆ ให้เป็นวงกว้างมากที่สุด โดยได้รับค่าตอบแทนเป็น Hbar ที่มาจากส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมเครือข่าย เพื่อปกป้องเครือข่ายจากผู้ประสงค์ร้ายที่ต้องการรวบ Hbar มากกว่า 1 ใน 3 ให้เป็นไปได้ยากหรือต้นทุนสูงจนเกินที่จะลงทุน
โดยแต่ละ node สามารถเพิ่มค่าน้ำหนักฉันทามติอีกทางหนึ่ง ได้โดยการเชิญชวนให้ผู้ถือ Hbar ทั่วไปเข้ามา staking กับตน ทั้งนี้ ผู้ถือ Hbar สามารถเลือก stake กับ node ใดก็ได้อย่างเสรี
สัญลักษณ์ของเหรียญ HBAR คือ “ℏ”
หน่วยที่ใหญ่ที่สุดจะเรียกว่า gigabar (Gℏ) มีค่าเท่ากับ 1 พันล้าน ℏ
ส่วน Tinybars (tℏ) เป็นหน่วยที่มีขนาดเล็กที่สุดของ Hbar ใช้แบ่งเศษส่วนจำนวนน้อย ๆ ของ HBAR นั่นเอง โดย 1 ℏ = 100,000,000 tℏ
โดยมีการแบ่งส่วน HBAR อย่างเป็นทางการ ดังนี้ :
gigabar 1 Gℏ = 1,000,000,000 ℏ
megabar 1 Mℏ = 1,000,000 ℏ
kilobar 1 kℏ = 1,000 ℏ
hbar 1 ℏ = 1 ℏ
millibar 1,000 mℏ = 1 ℏ
microbar 1,000,000 μℏ = 1 ℏ
tinybar 100,000,000 tℏ = 1 ℏ
ภาพรวมการจัดสรรและการปล่อยเหรียญ (HBAR Coin Economic)
เหรียญ HBAR บนเครือข่าย Hedera จะมีจำนวนจำกัดที่ 50,000,000,000ℏ (ห้าหมื่นล้านHBAR) ดำเนินการจัดสรรและการบริหารจัดการโดย Hedera Governing Council โดยมีการแบ่ง HBAR ออกเป็นส่วน ๆ เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งเริ่มดำเนินการ Mint เหรียญขึ้นเมื่อปี 2018 พร้อมการเริ่มต้นของ Hedera mainnet โดยมีรายละเอียดดังภาพ
https://www.youtube.com/watch?v=XBh_izkhNM8
1. Hedera Pre-Minted Treasury
Hedera Pre-minted Treasury คือเหรียญ Hbar ที่ Mint มาแล้ว แต่ยังคงเก็บไว้อยู่ในคลัง Treasury เพื่อรอการพิจารณาจัดสรรและแจกจ่าย โดยจะอยู่ภายใต้การดูแลของ Hedera Council และต้องได้รับอนุมัติจากสมาชิก GC ส่วนใหญ่ จึงจะนำออกมาได้ โดยในปัจจุบันมีประมาณ 16,207,150,000 hbars
2. Swirlds
เป็นบริษัทผู้ก่อตั้ง Hedera และต่อมาได้กรรมสิทธิ์ทุกอย่าง ให้แก่ Hedera ไปแล้ว โดย Hedera จัดสรร hbars ให้กับ Swirlds เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการพัฒนา Hedera รวมถึงการจ้างบริษัท Swirlds ในฐานะ outsource เพื่อพัฒนาและดูแลเครือข่ายด้านเทคนิค รวมถึงค่าตอบแทนสำหรับบุคลากรของ Swirlds มีการจัดสรรให้ Swirlds ประมาณ 3,979,953,000 hbar
3. Founder and Early Excecutive
ร่วมก่อตั้งของ Hedera, Mance Harmon และ Leemon Baird และผู้บุกเบิกการก่อตั้งรุ่นแรก จะได้รับ HBAR ในรูปแบบ restricted coin units (“RCUs”) ซึ่งจะได้รับ HBAR แบ่งจ่ายตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่ทำงานให้กับ Hedera (หากลาออกก่อนก็จะได้เพียงบางส่วนตามเวลาที่อยู่) และสิทธิ์ในการซื้อ hbars เพิ่มเติมผ่านข้อตกลง Simple Agreements for Future Tokens (“SAFTs”) ซื้อเป็นข้อตกลงการซื้อเหรียญช่วงระดมทุนคล้ายการ ICO
โดยมีการจัดสรรให้ Founder and Early Excecutive ประมาณ 6,902,579,000 hbar (ได้ไม่ครบจำนวนเพราะ Early Excecutive ลาออกไปหลายรายแล้ว)
4. Employee and Consultant
เป็นส่วนที่ Hedera ใช้จัดจ้างหรือจูงใจ พนักงาน ผู้รับเหมา ที่ปรึกษา และผู้ให้บริการแก่ Hedera โดยการให้ hbars ทั้งหมดอยู่ในรูปแบบ RCUs ภายใต้กำหนดตามระยะเวลาของการจ้างงานและ/หรือเป้าหมายการปฏิบัติงาน
5. Purchase Agreement
Hbar ส่วนนี้ใช้แจกจ่ายให้นักลงทุนที่ซื้อ Hbar ผ่านการระดมทุนเพื่อพัฒนาเครือข่าย ผ่านการขายที่เรียกว่า Simple Agreements for Future Tokens (“SAFTs”) โดยเหรียญที่ขายให้นักลงทุนผ่าน SAFT จะถูกปล่อยให้นักลงทุนตามตามระยะเวลาที่กำหนดซึ่งจะทะยอยแจกจ่ายทุก ๆ เดือนไปสิ้นสุดประมาณปี 2025 ทั้งนี้ ไม่รวม SAFT ที่ซื้อโดยผู้ก่อตั้งและผู้บริหารรุ่นแรก
6. Ecosystem Developing
Hedera ได้จัดสรร Hbar ส่วนนี้เพื่อแจกจ่ายให้กับหน่วยงานที่เป็นอิสระจาก Hedera ซึ่งคือ HBAR Foundation เพื่อให้เกิดอิสระในการบริหาร การพัฒนา และการสนับสนุนทุน Hbar ให้กับนักพัฒนาและองค์กรอื่น ๆ ที่เข้ามีส่วนร่วมในเครือข่ายได้อย่างคล่องตัว
ค่าธรรมเนียมบนเครือข่าย Hedera (Fee)
Hedera Governing Council กำหนดค่าธรรมเนียมบริการต่าง ๆ บนเครือข่าย Hedera ในอัตราคงที่อ้างอิงค่าเงิน usd โดยผู้ใช้บริการต้องจ่ายเป็น hbar ที่มีมูลค่าเท่ากัน ณ เวลาที่ใช้บริการ ซึ่งสามารถทำให้ผู้ใช้บริการสามารถคำนวนต้นทุนการดำเนินงานได้ และความผันผวนของราคา Hbar ในตลาดซื้อขายก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ
เวลาเราทำธุรกรรมบนเครือข่าย Hedera เชื่อว่าหลายท่านอาจไม่ได้สนใจเลยว่ามีค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง กด ๆ จ่ายไปแบบไม่รู้สึกรู้สาเพราะรวม ๆ แล้วค่าธรรมเนียมต่ำมาก ไม่ต่างจากค่าธรรมเนียมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราจ่ายทุกวันในโลกความเป็นจริง ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกเวลาใช้บริการ สิ่งนี้ถือเป็นการสร้างประสบการณ์การใช้งานเครือข่ายกระจายอำนาจที่ดีและเป็นสิ่งที่ทุกคนควรพบเจอเป็นมาตรฐานปกติ
เช่น เดียวที่เจอในโลกความเป็นจริง ไม่ใช่จะโอนที จะซื้อของทีต้องคิดแล้วคิดอีก เพราะค่าธรรมเนียมแพงเกินกว่าที่จะสามารถใช้ในชีวิตประจำวัน บางครั้งโอนมาแล้วไม่พอค่าธรรมเนียม ก็ต้องโอนเพิ่มเพราะค่าธรรมเนียมเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาดังที่เห็นจนชินตาในบางเครือข่าย
เทคโนโลยีจะล้ำสมัยแค่ไหน ถ้าใช้แล้วชีวิตลำบากขึ้นกว่าเดิม สุดท้ายคนก็จะไปมองหาทางเลือกที่ดีกว่าเสมอ
แม้เราจะกดแบบไม่ได้สนใจค่าธรรมเนียมกันเลย แต่อย่างน้อยเรามาแงะดูกันหน่อยว่า ในเสี้ยว Hbar ที่เราจ่ายไป มันเป็นค่าอะไรบ้างแล้วมันไปไหน แบ่งให้ใครบ้าง
ตัวอย่างค่าบริการบนเครือข่าย
ทั้งนี้ ยังมีค่าบริการอื่น ๆ โดยละเอียดอีกหลายอย่าง หากท่านต้องการใช้งานเครือข่าย Hedera ท่านสามารถตรวจสอบค่าทำธุรกรรมและคำนวนต้นทุนบนเครือข่ายได้ตามลิงค์นี้
แล้วค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เหล่านี้ จ่ายให้ใคร ไปไหนบ้าง
ค่าธรรมเนียมทุก Transaction จะถูกแบ่งจ่ายออกเป็น 3 ส่วน คือ
1. ค่าบริการ (รายการตามตารางข้างต้น)
2. ค่าธรรมเนียมเครือข่าย
3. ค่าธรรมเนียม Node Validator
หากเราทำธุรกรรมผ่านแอพหรือเว็บไซต์ที่ให้บริการเชื่อมโยงเครือข่าย Hedera เราจะเห็นค่าใช้จ่ายเหล่านี้ปรากฏขึ้นมาก่อนที่เราจะกดตกลง ซึ่งบางแอพอาจจะแยกเป็นรายการ 3 ส่วนข้างต้นให้เห็น เช่น wallet ส่วนตัว Hashpack หรือ Ledger แต่บางแอพรวมมาเป็นก้อนเลย โดยเฉพาะ Exchange ต่าง ๆ มักจะรวมเป็นก้อนค่าธรรมเนียม ราว 1–3 hbar (ซึ่ง Exchange กินส่วนต่างจากจุดนี้ด้วย)
โดยมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับเครือข่ายอื่น ๆ อาทิ Mint NFT จำนวน 10,000 ชิ้น จะเสียค่าใช้จ่ายโดยประมาณเพียง 76 usd (จ่ายเป็น Hbar) เท่านั้น
รายได้จากข้อ 1. ค่าบริการ และ 2. ค่าธรรมเนียมเครือข่าย จะถูกโอนเข้าสู่บัญชี Hedera Tresury เป็นรายได้ของ Hedera ส่วนในข้อ 3. ค่าธรรมเนียม Node Validator จะถูกโอนเข้าบัญชีเป็นรายได้ของโหนดแต่ละราย
นอกจากนี้ ค่าบริการ และ ค่าธรรมเนียมเครือข่าย ซึ่งเป็นรายได้ของ Hedera ส่วนหนึ่งจะถูกโอนเข้าสู่บัญชี Hedera Native Staking เลขที่ 0.0.800 เพื่อเป็นรางวัลสำหรับผู้ที่เข้าร่วม proxy staking กับโหนดต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดการหมุนเวียนและการกระจายตัวของเหรียญ Hbar ในเครือข่าย
ด้วยค่าใช้จ่ายในการใช้บริการต่าง ๆ ของ Hedera ที่ราคาถูกและคาดการณ์ต้นทุนได้ นั่นทำให้หลาย ๆ ธุรกิจมองเห็นช่องทางที่เป็นไปได้ ที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและบริการของ Hedera ดังจะเห็นได้จนชินตากับ Usecase บน Hedera ที่มีมากมายหลายระดับตั้งแต่แอพพลิเคชั้นขององค์กรระดับโลกที่อาจเข้ามาเปลี่ยนโฉมวิถีชีวิต
ระบบเศรษฐกิจ ไปจนถึงระดับ Startup คนรุ่นใหม่ที่พัฒนาแอพพลิเคชั่นที่มาจากแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์มากมาย โดยเฉพาะ NFT ที่มีบุคคลลรายย่อยจำนวนมากเข้ามามีส่วนร่วม ใช้ประโยชน์และสร้างโอกาสจากสิ่งนี้
HTS Token คืออะไร
HTS Token คือ เหรียญที่สร้างขึ้นบนเครือข่าย Hedera ผ่านบริการ Hedera Token Service (HTS) ซึ่งสามารถสร้างได้ทั้ง Fungible Token, Non-Fungible Token (NFT) และ Soulbound Token (SBT) ซึ่งในจำนวนเหรียญมากมายหลายชนิดในปัจจุบัน และทุก ๆ เหรียญที่สร้างขึ้นต้องใช้ HBAR เป็นค่าธรรมเนียม และสามารถสร้างได้ทั้งในแบบ Private และ Public
Hedera Token Service (HTS) คือบริการ mint เหรียญบนเครือข่าย Hedera ที่จะทำให้เหรียญ HTS ทุกเหรียญมีศักยภาพ ความรวดเร็ว ปริมาณการรองรับธุรกรรม ความปลอดภัย รวมไปถึงการประหยัดพลังงานในระดับเดียวกับเหรียญ HBAR เลย ก็เพราะทุกอย่างอยู่บนเครือข่าย Hedera
บางคนมักพูดว่า การ mint เหรียญ ก็เหมือนกับการเสกเหรียญขึ้นมา ถ้าหากเป็นคนที่ไม่ดีมาทำ ก็เกิดความเสียหายกับนักลงทุนได้ อันที่จริงแล้ว คำพูดเหล่านั้นก็ไม่ผิดหากเป็นการนำเทคโนโลยีไปใช้ในทางที่ผิด และอาจมองเพียงมุมของการลงทุนซื้อเหรียญและเก็งกำไรเพียงอย่างเดียว คำว่าเหรียญทำให้หลายคนมองภาพคริปโตเป็นเพียงเรื่องเงินและการเก็งกำไร เหรียญไม่มีจริง มันเป็นเพียงคำแทนใช้เรียกข้อมูลดิจิทัลที่มีคุณสมบัติพิเศษที่นำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย เป็นได้หลายอย่างมากกว่าเงิน ดังนั้น
หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เทคโนโลยีประเภทนี้ก็มีข้อดีที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุน ส่งเสริม พัฒนาในหลาย ๆ วงการให้ดียิ่งขึ้น ลดปัญหาหรือข้อจำกัดเดิม ๆ ที่เคยประสบพบเจอมาก่อน บางเหรียญที่สร้างขึ้นมาอาจไม่ใช่เพื่อการลงทุนเลยก็ได้ อาจเป็นของสะสม อาจเป็นสิทธิพิเศษ อาจเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตัวพึงมีพึงได้ ซึ่งผู้ใช้ต้องศึกษาให้เข้าใจเสียก่อนว่าจะสามารถนำเทคโนโลยีการสร้างเหรียญแบบนี้ไปปรับใช้ในการทำงานหรือการทำธุรกิจในแง่มุมใดได้บ้าง
HTS Token มีกี่ประเภท
ตอนนี้บริการ Hedera Token Service มีอยู่ 3 รูปแบบคือ
Fungible Token บน Hedera จะมี Token ID กำกับทุกเหรียญ
1. Fungible Token คือ เหรียญดิจิทัลที่มีคุณสมบัติเหมือนกัน มีมูลค่าเท่ากัน แลกเปลี่ยนกันได้ ตัวอย่างเช่น ธนบัตรใบละ 100 บาท เราสามารถรับ-จ่าย ธนบัตรใดก็ได้ เพราะทุกใบมีค่า 100 เท่ากัน แม้ธนบัตรใบนั้นจะเก่าจะใหม่ จะยับย่นก็ตาม นิยมใช้สำหรับการใช้จ่ายในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เป็น ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม เงินรางวัล ตัวกลางซื้อขายแลกเปลี่ยนในแพลตฟอร์มนั้น ๆ มิได้มีวัตถุประสงค์นำออกมาซื้อขายสินค้าบริการภายนอก แม้จะทำได้ในรูปแบบ p2p ก็ตาม
เพราะยังเป็นสิ่งที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ นึกภาพเหมือนเราเอาคูปองร้านสะดวกซื้อมาซื้อกับข้าวข้างทาง ถ้าคนขายกับข้าวยอมรับ การซื้อขายก็เกิดขึ้นได้ ซึ่ง Fungible Token ก็เป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทในวงการในอนาคต ทั้งการเงิน การค้าการลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ หุ้น รวมไปถึงแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่การมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนหรือแจกรางวัล อาทิ เกมส์ โซเชียลมีเดีย
Non-Fungible Token บน Hedera จะมี Token ID กำกับทุกเหรียญ
2. Non-Fungible Token (NFT) คือ เหรียญดิจิทัลที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัว สามารถสร้างให้มีชิ้นเดียวในโลกหรือมีหลายชิ้นที่เหมือนกัน หรืออาจมีหลายชิ้นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันก็ได้ สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ ผู้อื่นไม่สามารถทำซ้ำลอกเลียนแบบได้ (หรือหากจะบอกว่า คลิ๊กขวา ก๊อปปี้ได้ ก็อาจสามารถทำได้ แต่เหนื่อยเปล่า เพราะทุกคนสามารถตรวจสอบต้นทางว่าเป็นของแท้หรือของปลอมแค่เพียงปลายนิ้วคลิกไม่กี่ครั้ง)
โดยผู้ซื้อก็จะได้กรรมสิทธิ์ใน NFT ที่ซื้อไปเท่านั้น ตัวอย่างเช่น วงการเพลง ค่ายเพลงสามารถ Mint NFT เพลงใดเพลงหนึ่งจำนวน 1,000 ชุด พร้อมสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ตามที่กำหนดให้แก่ผู้ซื้อ ผู้ซื้อก็จะมีกรรมสิทธิ์เต็มเป็นเจ้าของสำเนาเพลง NFT เพลงนั้น หากนึกภาพไม่ออก ให้ท่านนึกถึงในอดีตที่เราซื้อตลัปเทปเพลงหรือซีดีเพลงของแท้มาฟัง เรามีกรรมสิทธิ์เต็มในตลัปเทปหรือซีดี และสามารถขายต่อมือสองให้ใครก็ได้ แต่ผู้ซื้อไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในเพลง
ซึ่งศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ จะทำให้คนตัวเล็ก ๆ มีโอกาสสร้างสรรค์ผลงาน เข้าถึงตลาดและขายผลงานได้ง่ายขึ้นไม่ต่างจากรายใหญ่ ๆ เลย
NFT จึงเป็นเทคโนโลยีที่น่าจับตามองและจะเข้ามามีบทบาทในหลากหลายอุตสาหกรรมอย่างมากไม่ว่าจะเป็น ศิลปะ ภาพยนตร์ เพลง หนังสือ เกมส์ กีฬา หรือแม้แต่เป็นเอกสารสำคัญที่แลกเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ได้ อาทิ ฉโนดที่ดิน เล่มทะเบียนรถยนต์ หนังสือจดทะเบียนบริษัท และอื่น ๆ อีกมากมาย
3. Soulbound Token (SBT) คือ คือ เหรียญดิจิทัลที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัว สามารถสร้างให้มีชิ้นเดียวในโลกหรือมีหลายชิ้นที่เหมือนกัน หรืออาจมีหลายชิ้นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันก็ได้ ผู้อื่นไม่สามารถทำซ้ำลอกเลียนแบบได้ ไม่สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนหรือโอนกรรมสิทธ์ได้ ผู้ออก SBT สามารถกำหนดสิทธิ์ ยกเลิก ยึดคืน หรือกำหนดวันหมดอายุ SBT ได้ มีไว้สำหรับการใช้งานเฉพาะด้านในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น บัตรประชาชน ใบขับขี่ ปริญญาบัตร
ประกาศนียบัตร ใบรับรอง ใบอนุญาต และเอกสารส่วนบุคคลอื่น ๆ ที่จะพัฒนาไปสู่ระบบดิจิทัล เพื่อประหยัดต้นทุน รวดเร็ว ปลอดภัย ไม่หายและสามารถควบคุมเอกสารส่วนตัวไม่ให้รั่วไหลไปสู่มือมิจฉาชีพได้ดียิ่งขึ้น
ศึกษาการสร้าง Soulbound token บน Hedera เพิ่มเติม
ทุก ๆ เหรียญที่สร้างขึ้นด้วย Hedera Token Service (HTS) จะได้รับ Token ID ซึ่งจะเป็นชุดตัวเลข 0.0.xxxxxxx เป็นดั่งเลขประจำตัวแต่ละเหรียญที่สร้างขึ้นดังกล่าวนั่นเอง อาทิ หากคุณสร้างงานศิลปะขึ้นมาหนึ่งชิ้นและนำไปสร้างเป็น NFT โดย HTS Token สามารถดำเนิน
โดย HTS Token สามารถดำเนินสามารถสร้างได้ผ่านบริการของ Hedera หรือผู้ให้บริการบนเครือข่าย Hedera หลายราย อาทิ Turtlemoon.io, Hashaxis, Zuse.market, Headstarter
อ้างอิง
ช่องทางการติดตามพวกเรา
Facebook Page - https://bit.ly/3qbDXZR
Facebook Groups - https://bit.ly/3RjEx3B
โฆษณา