7 ก.ย. 2022 เวลา 03:38 • ประวัติศาสตร์
เมื่อมิตรหมางเมิน การสวนสนามที่ถูกลืม Forgotten parade. 7 กันยายน 1945 วันนี้เมื่อ 77 ปีที่แล้ว
คณะนายทหารระดับสูงของฝ่ายสัมพันธมิตร ในแถวหน้าคนกลางคือจอมพลซูคอฟ ซ้ายคือนายพลแพตตัน ขวาคือนายพลของอังกฤษและคนขวาสุดคือตัวแทนจากฝรั่งเศส
เมื่อมิตรภาพความสัมพันธ์ระหว่างโซเวียตและสหรัฐ อังกฤษ เริ่มเสื่อมถอย
หลังจากที่ร่วมต่อสู้กันกับฝ่ายอักษะเป็นเวลาหลายปี ในที่สุดฝ่ายสัมพันธมิตรก็ได้รับชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จ เมื่อญี่ปุ่นประเทศมหาอำนาจของฝ่ายอักษะประเทศสุดท้ายประกาศยอมจำนนอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 กันยายน 1945
ทางโซเวียตนำโดยจอมพล Zhukov ผู้บัญชาการทหารโซเวียตในเยอรมันนีได้เสนอกับทางผู้นำทหารชาติสัมพันธมิตรอื่นๆว่า
ฝ่ายสัมพันธมิตรควรจะมีการจัดกองกำลังผสมเพื่อทำการสวนสนามร่วมกันที่กรุงเบอร์ลิน แสดงถึงชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้
รถถัง IS 3 ในพิธีสวนสนาม
ในข้อเสนอนี้ถูกตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บัญชาการสูงสุดของ อังกฤษคือจอมพล Bernard Montgomery
ของสหรัฐคือนายพล Dwight Eisenhower
ของฝรั่งเศสคือนายพล Jean de Lattre de Tassigny ว่าควรจะมีพิธีสวนสนามของกองกำลังผสมสัมพันธมิตร
แต่เมื่อมีการกำหนดวันทำพิธีสวนสนามขึ้นในวันที่ 7 กันยายน 1945 ทั้ง นายพล Dwight Eisenhower ของสหรัฐและ จอมพล Bernard Montgomery ของอังกฤษและตัวแทนฝรั่งเศส ต่างบ่ายเบี่ยงไม่ยอมมาร่วมงาน และได้แจ้งว่าจะมีการส่งผู้บังคับบัญชาที่มีระดับต่ำกว่ามาเป็นตัวแทน
จนจอมพลซูคอฟ ต้องติดต่อกับสตาลิน(ผู้นำของโซเวียต)ว่าทางโซเวียตเองควรจะดำเนินการต่อไปอย่างไรดี สตาลินจึงบอกกับจอมพลซูคอฟว่าให้ดำเนินการจัดพิธีสวนสนามดังเดิมถึงแม้ผู้บัญชาการสูงสุดของอังกฤษและสหรัฐจะส่งเพียงแค่ตัวแทนมาก็ตาม
สตาลินยังกล่าวอีกว่า พวกเขา(3 ชาติที่เหลือ)พยายามที่จะลดทอนชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของโซเวียตที่สามารถยึดกรุงเบอร์ลินได้ และพวกนี้ยังมีลูกเล่นอีกมากมายต้องคอยระวังให้ดี
ฝ่ายอังกฤษ
การสวนสนามก็คงดำเนินต่อในวันที่ 7 กันยายน 1945
โดยตัวแทน
ของอังกฤษคือพลตรี Brian Robertson
ของสหรัฐคือ นายพล George Patton
ของฝรั่งเศสคือ นายพล Marie-Pierre Koenig
ของโซเวียตคือจอมพล Georgy Zhukov
การสวนสนามมีการจัดกำลังทหารและยานเกราะจากทั้ง 4 ชาติร่วมสวนสนาม
โดยอังกฤษได้จัดทหารจากกรมทหารราบที่ 131 หน่วยที่เคยต่อสู้กับจอมพลรอมเมลที่ทะเลทรายตอนเหนือของแอฟริกา
สหรัฐจัดกำลังจากกองพลพลร่มที่ 82 ซึ่งได้ร่วมรบในสมรภูมิ ซิซิลี นอร์มังดี และป่าอาร์เดน
ส่วนฝรั่งเศสได้ส่งหน่วยทหาร Zouaves เข้าร่วมสวนสนาม
ทั้งสามประเทศส่งทหารร่วมสวนสนามประเทศละ 1000 นาย
ส่วนโซเวียตจัดทหาร 2000 นายเข้าร่วมสวนสนาม นำโดยทหารจากกองพลปืนเล็กยาวที่ 248 และมีพันโท Georgy Lenev นำขบวนสวนสนาม (พันโท Georgy Lenev เป็นผู้นำทหารในการเข้ายึดกรุงเบอร์ลิน จนได้รับรางวัลวีรชนแห่งสหภาพโซเวียต)
ในพิธีเปิดการสวนสนามจอมพลซูคอฟแห่งโซเวียตได้กล่าวว่า มนุษยชาติในดินแดนตะวันตกได้รอดพ้นจากภัยของเยอรมัน ส่วนตะวันออกนั้นก็พ้นจากการคุกคามของกองทัพญี่ปุ่น
โดยเส้นทางของขบวนสวนสนามนั้นถูกเลือกให้เป็นเส้นทางที่ผ่านอาคารรัฐสภาเยอรมันและประตูแบรนเดนเบิร์ก ซึ่งยังคงสภาพเหมือนในช่วงที่โซเวียตทำการรบเพื่อเข้ายึดกรุงเบอร์ลิน
ที่โซเวียตเลือกเส้นทางนี้ก็เพราะต้องการให้ทหารและผู้คนที่มาชมพิธีสวนสนามในครั้งนี้ได้เห็นถึงสภาพการรบที่ดุเดือดในช่วงเดือน เมษายน-พฤษภาคม 1945 ที่ผ่านมาไม่นาน
ในขบวนสวนสนามยังมียานเกราะเข้าร่วมด้วย ทางโซเวียตเองก็ได้ตั้งใจที่จะนำรถถังหนักรุ่นใหม่ IS-3 มาแสดงในพิธีสวนสนามนี้ โดยจัดให้รถถัง IS-3 จำนวน 52 คัน
การสวนสนามในครั้งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าการที่เข้ามาเป็นพันธมิตรของโลกทุนนิยมที่นำโดยสหรัฐ และฝ่ายคอมมิวนิสต์ที่นำโดยโซเวียตนั้นเกิดจากการที่มีศัตรูคนเดียวกัน
โดยใช้หลักง่ายๆว่า ศัตรูของศัตรูคือมิตร
สหรัฐโลกทุนนิยมนั้นเป็นศัตรูกับโซเวียตโลกคอมมิวนิสต์มาก่อน แต่ต้องร่วมมือกันรบกับเยอรมันนี ทั้งสองนั้นให้ร่วมมือแบบหลวมๆ เพราะในระหว่างการสู้รบกับเยอรมันนั้น ทั้งสองฝ่ายมีความหวาดระแวงต่อกันอยู่ตลอดเวลา มีการชิงไหวชิงพริบกันบ่อยๆ แต่เพื่อการปราบเยอรมันนีทั้งสองฝ่ายต้องร่วมมือกัน
แต่เมื่อศัตรูนั้นล้มหายตายจากไป มิตรที่เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหลกัน แต่มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันและมีต่างต้องการความยิ่งใหญ่ในสังคมโลก
ทั้งสองฝ่ายจึงกลายมาเป็นศัตรูกันในท้ายที่สุด
โฆษณา