10 ก.ย. 2022 เวลา 05:00 • การตลาด
บุกตลาดจักรยานไฟฟ้า (E-Bike) ในสหรัฐอเมริกา
ในปี 2563 ตลาดสหรัฐฯ จำหน่ายรถจักรยานไฟฟ้าทุกๆ 50 วินาที หรือคิดเป็นจำนวน 630,720 คัน และมียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 35 ในปีที่ผ่านมาซึ่งทำยอดขายได้ดีกว่ารถยนต์ไฟฟ้ายอดขายรถจักรยาไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นนี้จะเป็นเครื่องชี้ให้เห็นถึงความต้องการใช้จักรยานไฟฟ้าในอนาคตในตลาดสหรัฐฯ โดยคาดว่าความต้องการใช้จักรยานไฟฟ้าของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนประมาณปีละ 1 ล้านคันภายในปี 2567
ในปี 2564 ตลาดจักรยานไฟฟ้าในสหรัฐฯ มีมูลค่าตลาดประมาณ 650 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 10 ของตลาดจักรยานในสหรัฐฯ และคาดว่าจะเติบโตมีมูลค่า 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2570 หรือมีอัตราการขยายตัวโดยเฉลี่ยร้อยละ 12.5
อุตสาหกรรมจักรยานไฟฟ้าในสหรัฐฯ
ตั้งแต่ปี 2433 สหรัฐฯ ได้มีการผลิตจักรยานไฟฟ้าโดยมีนักประดิษฐ์หลายรายนำเสนอจักรยานที่ใช้แบตเตอรี่ ต่อมานาย Hosea W.Libbey ได้ประดิษฐ์จักรยานไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ และในปี พ.ศ. 2440 นาย Lee lacocca อดีต CEO ของบริษัท Chrysler ได้ก่อตั้ง EV Global Motors ต่อมาในปี 2540 มีการผลิตรถจักรยานไฟฟ้าชื่อ E-bilke SX และทำให้จักรยานไฟฟ้าเป็นที่นิยมในสหรัฐฯ
ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีผู้ผลิตจักรยานไฟฟ้าทั้งรายใหญ่และรายย่อยจำนวน 300 ราย ผู้ผลิตรายใหญ่คิดเป็นเพียงร้อยละ 5 ผู้ผลิตรายสำคัญ ได้แก่ Rad Power Bike, Trek, Cannondale Bicycle Corporation, Schwinn, Ride1 Up, Aventon, Espin Electric Bike และ Blix เป็นต้น โดยผู้ผลิตรายใหญ่ 10 รายมีสัดส่วนตลาดจักรยานไฟฟ้ากว่าร้อยละ 50
จักรยานไฟฟ้าที่ใช้ในสหรัฐฯ แยกเป็น 2 ประเภท คือ (1)จักรยานที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไม่จำเป็นต้องใช้แรงถีบ และ (2)จักรยานที่ต้องใช้แรงถีบเพื่อให้เกิดพลังงานไฟฟ้า
การขยายตัวของตลาดจักรยานไฟฟ้าในสหรัฐฯ
ตลาดจักรยานไฟฟ้าในสหรัฐฯ ได้เริ่มขยายตัวก่อนช่วงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้เป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนทุ่มเงินให้กลุ่ม Startup การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ตลาดจักรยานไฟฟ้าในสหรัฐฯ ขยายตัวสูงในช่วงสองปีที่ผ่านมาปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อการขยายตัวตลาดจักรยานไฟฟ้า ได้แก่
1. เป็นอุปกรณ์ที่ดีในการออกกำลังกาย การขี่จักรยานนำมาซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายรวมทั้งสุขภาพหัวใจ
2. เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากโลกทุกวันนี้ผู้คนให้ความสนใจต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น จักรยานไฟฟ้าจึงเป็นยานพาหนะทางเลือกที่สำคัญทางหนึ่ง
3. เป็นยานพาหนะที่ปลอดภัย นับแต่การระบาดโควิด-19 ผู้คนลดการใช้ยานพาหนะขนส่งมวลชน เช่น รถเมล์ รถไฟ และรถไฟใต้ดิน เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ และปัญหาการจราจร จึงหันไปใช้จักรยาน และจักรยานไฟฟ้าจึงเป็นตัวเลือกของคนอเมริกัน
4. ประหยัดเงินและเวลา สำหรับผู้ที่ใช้บริการขนส่งมวลชนพบว่า เมื่อคิดค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยโดยรวมแล้ว การลงทุนซื้อจักรยานไฟฟ้าเพียงปีเดียวเกินคุ้มเป็นการประหยัดเงินและเวลา
5. อเนกประสงค์ในการใช้ เป็นเหตุผลสำคัญประการหนึ่ง เนื่องจากจักรยานไฟฟ้าเหมาะสำหรับคนทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ พลังงานไฟฟ้าช่วยให้ผู้ขับขี่เดินทางได้ไกลมากขึ้น และสามารถใช้กับสภาพถนนที่ขึ้นเขาและลงเขาได้เป็นอย่างดี
6. รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ให้ Tax Incentive แก่ผู้ซื้อจักรยานไฟฟ้าร้อยละ 30 หรือไม่เกิน 1,500 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคัน
7. คนหนุ่มสาวมักนิยมอาศัยในเมืองใหญ่ และจะไม่นิยมใช้รถยนต์ส่วนบุคคลซึ่งต้องรับภาระในเรื่องที่จอดรถ ประกันภัย และ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ในการเดินทาง แต่จะใช้จักรยานในการเดินทางไปทำงานหรือติดต่อธุระต่างๆ จึงหันมาใช้จักรยานไฟฟ้า ซึ่งให้ความสะดวกมากกว่า
การนำเข้าจักรยานไฟฟ้าของสหรัฐฯ
ในปี 2564 สหรัฐฯ นำเข้าจักรยานไฟฟ้าเป็นมูลค่า 1,205.89 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 18.03 นำเข้าจากจีนมากที่สุดมูลค่า 683.19 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งลดลงไปร้อยละ 3.72 ตามด้วยไต้หวัน มูลค่า 371.42 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.8 ซึ่งจะเห็นได้ว่าจีนและไต้หวันเป็นแหล่งนำเข้าจักรยานไฟฟ้าที่สุดของสหรัฐฯ มีสัดส่วนตลาดรวมกันสูงถึงร้อยละ 87.45 แหล่งนำเข้าอื่นๆ ได้แก่ เยอรมนี เวียดนาม เนเธอร์แลนด์ และไทย
นอกจากนี้จัสังเกตได้ว่าแหล่งนำเข้าในเอเชีย (ยกเว้นจีน) ได้แก่ ไต้หวัน ไทย เวียดนาม กัมพูชา และ อินโดนีเซีย รวมกันมีอัตราขยายตัวสูงถึงร้อยละ 80 ทั้งนี้ เนื่องจาก สหรัฐฯ ใช้กฎหมายการค้ามาตรา 301 เรียกเก็บภาษีสินค้าจีนร้อยละ 25 (ภาษีทรัมป์) เป็นผลให้ผู้ผลิตจีนย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศ และผู้นำเข้าสหรัฐฯ หันไปนำสินค้าจากแหล่งอื่นๆ ในเอเชียซึ่งแสดงให้เห็นว่าแหล่งผลิตดังกล่าวกำลังจะก้าวขึ้นเป็นแหล่งนำเข้าจักรยานไฟฟ้ารายสำคัญของสหรัฐฯ ต่อไปในอนาคต
อนึ่ง สมาคม Light Electric Association รายงานว่า สหรัฐฯ นำเข้าจักรยานไฟฟ้าเป็นจำนวน 790,000 คันในปี 2564 หรือเพิ่มขึ้นจำนวนกว่า 250,000 คันจากปี 2563
กฎและระเบียบเกี่ยวกับจักรยานไฟฟ้าในสหรัฐฯ
1.ระเบียบและข้อบังคับการใช้จักรยานไฟฟ้าในสหรัฐฯ แตกต่างกันไปในแต่ละรัฐซึ่งจะแยกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1.1 มีระเบียบรัดกุม (Model Legislation) ซึ่งจำแนกประเภทจักรยานไฟฟ้า ออกเป็น 3 กลุ่มเฉพาะลงไป (3 Tier Classifications) คือ Class 1, Class 2 และ Class 3 ซึ่งเป็นการขจัดข้อสงสัยและสับสนมีจำนวน 32 รัฐ คือ
Alabama, Arizona, Arkansas, Colorado, Connecticut, Florida, Georgia, Idaho, Illinois, Iowa, Louisiana, Maine, Maryland, Michigan, Mississippi, New Hampshire, New Jersey, New York, North Dakota, Ohio, Oklahoma, South Dakota, Tennessee, Texas, Utah, Virginia, Vermont, Washington, West Virginia, Wisconsin, and Wyoming
1.2 กลุ่มมีระเบียบข้อบังคับไม่เข้มงวด (Acceptable) มีจำนวน 12 รัฐ (สีเหลืองในภาพ) ได้แก่ กำหนดให้เป็นเหมือนรถจักรยานทั่วไป ไม่บังคับเรื่องอายุผู้ขับขี่ อนุญาตให้คนซ้อนท้ายได้ ไม่บังคับในเรื่องใบอนุญาต และการจดทะเบียน
1.3 กลุ่มสับสน (Problematic) มีจำนวน 6 รัฐ (สีแดงในภาพ) ได้แก่ รัฐโรดห์ไอแลนด์ รัฐแมสซาซูเซตส์ รัฐนอร์ธ ดาโกต้า รัฐมิสซูรี่ รัฐนิวเม็กซิโก และ รัฐอลาสก้า ซึ่งกำหนดให้จักรยานไฟฟ้าเป็น Moped หรือ Motor Vehicle มีใบอนุญาต และการจดทะเบียน เป็นต้น
2. การบังคับใส่หมวกนิรภัยถือเป็นระเบียบปฏิบัติเพียง 25 รัฐ คือ Alabama, California, Colorado, Connecticut, Delaware, Georgia, Florida, Hawaii, Indiana, Louisiana, Maine, Massachusetts, Maryland, Michigan, New Hampshire, New Jersey, New York, North Carolina, Ohio, Tennessee, Texas, Washington DC และ West Virginia ส่วนที่เหลืออีก 25 รัฐไม่มีข้อบังคับ
3. มาตรฐานความปลอดภัย-สำนักงาน Consumer Product Safety Commission (CPSC) ของสหรัฐฯ มีข้อบังคับด้านความปลอดภัยโดยกำหนดว่าจักรยานไฟฟ้าต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในเรื่อง เบรก (Brake) ส่วนที่ยื่นออกมา (Protustions) ความสมบูรณ์ของโครงสร้าง (Structural Integrity) และแผ่นสะท้อนแสง (Reflectors) รวมไปถึงการใช้สีพ่นต้องห้าม
4. สำนักงาน Consumer Product Safety Commission กำหนดให้สินค้าต้องมีหนังสือรับรองหรือใบรับรองความสอดคล้องทั่วไป (General Certificate of Conformity: GCC) เพื่อรับรองว่าจักรยานไฟฟ้าผลิตในประเทศหรือที่นำเข้าจากต่างประเทศเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้าอุปโภคบริโภค
5. กฎระเบียบเพิ่มเติมของรัฐบาลมลรัฐ ที่แตกต่างกันไปสำหรับจักรยานไฟฟ้า เนื่องจากแต่ละรัฐให้คำจำกัดความจักรยานไฟฟ้าแตกต่างกันไป เช่น มินเนโซต้า วิสคอนซิน และ ไอโอวา จัดหมวดหมู่จักรยานไฟฟ้าเป็นจักรยานทั่วไป
6. ข้อกำหนดด้านไฟฟ้าขั้นสูงไม่เกิน 750 วัต์ (1กำลังม้า) บางรัฐกำหนดไม่เกิน 1,000 วัตต์ (1.34 กำลังม้า) และกำหนดความเร็วขั้นสูงไม่เกิน 20 ไมล์ต่อชั่วโมงสำหรับ Class 1 และ Class 2 ส่วน Class 3 ไม่เกิน 28 ไมล์ต่อชั่วโมง
โอกาสตลาดชิ้นส่วนจักรยานไฟฟ้า
ตลาดจักรยานไฟฟ้าขยายตัว ความต้องการอุปกรณ์และชิ้นส่วนเพื่อนำไปประกอบเป็นจักรยานไฟฟ้าหรือใช้ซ่อมบำรุงจะได้รับอานิสงส์เพิ่มเป็นเงาตาม ซึ่งจะส่งผลต่อการเพิ่มการนำเข้าจากต่างประเทศเนื่องจากมีข้อจำกัดการผลิตในประเทศ
อุปกรณ์และชิ้นส่วนจักรยานไฟฟ้ามี 37 รายการ แต่มีอุปกรณ์และชิ้นส่วนหลักๆของจักรยานไฟฟ้ามี 9 รายการ คือ Brake System, Throttle, Display, Battery Pack, Gear Shifter, Motor Controller, Pedal Sensor, Hub Motor และ Tires ผู้ผลิต/ส่งออกไทยที่สนใจจะขยายตลาดส่งออกอุปกรณ์และชิ้นส่วนจักรยานไฟฟ้าควรทำการศึกษาในเรื่อง Specification ของชิ้นส่วนรถจักรยานไฟฟ้าสำหรับตลาดสหรัฐฯ
ช่องทางการจัดจำหน่าย
จักรยานไฟฟ้าทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศจะถูกจัดจำหน่ายให้ผู้บริโภคผ่านสามช่องทางหลัก คือ
1. การขายผ่านตัวกลาง/ตัวแทนผู้ผลิตไปให้ร้านจำหน่ายจักรยานอิสระ (Bike Shop)
2. การขายตรงให้ร้านขายลูกโซ่ เช่น Walmart, Target, Sporting Goods Stores และ Bicycle Stores ขนาดใหญ่
3. การขายทางออนไลน์ ซึ่งบริษัทผู้ผลิต/ผู้นำเข้าเสนอขายสินค้าทางออนไลน์ผู้บริโภค (Direct to Consumer: D2C) ซึ่งกำลังเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมสูง
โอกาสทางการค้าจักรยานไฟฟ้าของไทย
1. จักรยานไฟฟ้าสอดคล้องกับ BCG: BCG หนึ่งในโมเดลที่กำลังมาแรงในขับเคลื่อนเศรษฐกิจและในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างยั่งยืน โดยเป็นโมเดลที่มุ่งเน้นการรักษาสิ่งแวดล้อมและสังคมควบคู่ไปกับการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ประกอบด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) จักรยานไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของ Green Economy หรือ เศรษฐกิจสีเขียว คือ กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ดังนั้น BCG จะเป็นปัจจัยสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตและส่งออกจักรยานไฟฟ้าของไทย
2. นโยบายต่อต้านโลกร้อนของประธานาธิบดีไบเดน จะช่วยเพิ่มกระแสด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนนับวันจะได้รับการปฏิบัติและยอมรับในอัตราสูง ภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั่วโลก สาเหตุหลักมาจากการบริโภคเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อการขนส่งที่มากเกินไป ด้วยเหตุนี้ผู้คนจำนวนมากที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมจึงมองหาทางเลือกที่ยั่งยืนเพื่อทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล ดังนั้น จักรยานไฟฟ้าจึงเป็นคำตอบที่สามารถสนองตอบนโยบายต่อต้านโลกร้อน
3. ตลาดจักรยานไฟฟ้าในสหรัฐฯ ยังกระจัดกระจายอย่างมาก โดยผู้ประกอบการรายใหญ่มีจำนวนน้อยในขณะที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นขนาดกลางและขนาดย่อม ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าจักรยานไฟฟ้ายังมีส่วนแบ่งตลาดต่ำ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงโอกาสการขยายตัวและความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
4. ปัจจุบันผู้ผลิตจักรยานสหรัฐฯ ใช้กลยุทธ์การเติบโตโดยการขยายและการกระจายผลิตภัณฑ์ผ่านนวัตกรรม รูปแบบ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจและเพื่อเป็นการขยายตลาด ดังนั้น การผลิตจักรยานไฟฟ้าของไทยจึงควรดำเนินกลยุทธ์ในทำนองเดียวกันกับผู้ผลิตสหรัฐฯ เพื่อให้จักรยานไฟฟ้าของไทยเป็นที่ดึงดูดการนำเข้าจากผู้นำเข้าสหรัฐฯ
5. นอกจากการบุกตลาดรถจักรยานไฟฟ้าประกอบสำเร็จรูป ตลาดชิ้นส่วนและอุปกรณ์จักรยานไฟฟ้าจะเป็นสินค้าต่อยอดเพิ่มเติมที่เป็นโอกาสส่งออกของไทยไปยังตลาดสหรัฐฯ
6. จีนเป็นแหล่งผลิตและนำเข้าจักรยานไฟฟ้าที่สำคัญของสหรัฐฯ แต่สินค้าจีนรวมถึงจักรยานไฟฟ้าต้องเสียภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บตอบโต้จีนในเรื่องการค้าไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ ตามมาตรา 301 ซึ่งจักรยานไฟฟ้านำเข้าจากจีนต้องภาษีนำเข้าร้อยละ 25 ในขณะที่จักรยานไฟฟ้านำเข้าจากแหล่งอื่นๆ เช่น ไต้หวัน เวียดนาม และ อียู รวมทั้งจากไทย ปลอดภาษีนำเข้า ดังนั้นจึงเป็นโอกาสสำหรับประเทศไทยที่จะดึงดูดความสนใจในการนำเข้าจากประเทศไทย
7. นครนิวยอร์ก นครมินเนอาโปลิส นครซานฟรานซิสโก นครเดนเวอร์ นครบอสตัน นครชิคาโก กรุงวอชิงตันดีซี นครฟิลาเดลเฟีย นครซีแอทเติ้ล และ นครไมอามี จัดเป็นพื้นที่ที่ใช้จักรยานไฟฟ้ามากที่สุดในประเทศตามลำดับ หรือคิดเป็นกว่าร้อยละ 70 อีกทั้งยังจัดว่าเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการขยายตัวสูง จึงควรได้รับการพิจารณาเป็นตลาดเป้าหมายในการขยายตลาดจักรยานไฟฟ้าของไทย
โฆษณา