8 ก.ย. 2022 เวลา 04:19 • สุขภาพ
โรคเกาต์
โรคเกาต์เกิดจากการมีกรดยูริคหรือกรดปัสสาวะสะสมมากเกินไป มักเกิดกับคนที่มีน้ำหนักตัวมากและอยู่ในวัยกลางคน ยิ่งน้ำหนักตัวมากขึ้นอาการของโรคก็จะยิ่งแย่ลง พบได้บ่อยในคนไทย ส่วนใหญ่มักพบในเพศชายอายุ 35 ปีขึ้นไป โดยพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง 9-10 เท่า
เกาต์ (Gout) เป็นโรคข้ออักเสบที่พบได้บ่อยที่สุดในบรรดาโรคข้ออักเสบทั้งหมด สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของการสันดาป (Metabolism) สาร Purine ซึ่งมีอยู่ในเนื้อเยื่อต่างๆ ทั่วร่างกาย ได้เป็นกรดยูริคที่มีระดับสูงกว่าปกติในเลือด และสะสมอยู่ในร่างกายเป็นเวลานานจนร่างกายขับออกทางไตไม่ทัน
กรดยูริคจะตกผลึกเป็นเกลือยูเรตสะสมที่กระดูกอ่อนและเนื้อเยื่อรอบข้อ ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อในข้อ ส่งผลให้มีอาการปวด บวม แดงบริเวณข้ออย่างเฉียบพลันรุนแรงอย่างรวดเร็วในเวลา 12 – 24 ชั่วโมง
อาการข้ออักเสบมักกำเริบด้วยระดับกรดยูริคในเลือดที่เปลี่ยนแปลงทันทีทันใด คือระดับสูงขึ้นหรือลดลงฉับพลัน ซึ่งอาจเกิดหลังจากการดื่มไวน์ (โดยเฉพาะไวน์แดง) การรับประทานยาต้านมะเร็ง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลังออกกำลังกาย หรือการดื่มแอลกอฮอล์ขนาดหนัก
ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้ระดับกรดยูริคในเลือดสูงจนโรคเกาต์กำเริบได้ ทั้งนี้ การมีกรดยูริคในเลือดสูงโดยไม่มีข้ออักเสบไม่ถือว่าเป็นโรคเกาต์
การอักเสบแต่ละครั้ง มักเกิดเพียงข้อเดียวเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นที่ข้อหัวแม่เท้าและอาจเกิดอาการที่ข้ออื่นๆ เช่น ข้อเท้า ข้อเข่า และที่พบไม่บ่อย ได้แก่ ข้อมือ ข้อศอก และข้อนิ้วมือ
ข้อที่อักเสบมักเกิดการบวม ผิวหนังในบริเวณนั้นจะตึง ร้อน และแดง กดเจ็บ และจะปวดมากขึ้นเมื่อขยับข้อหรือลูบสัมผัสเพียงเบาๆ อาการปวดรุนแรงฉับพลันอาจทำให้เดินลำบาก และอาจมีไข้ต่ำๆ ในผู้ป่วยบางราย
ผู้ป่วยมักเริ่มมีอาการปวดตอนกลางคืน และมักจะเป็นหลังดื่มแอลกอฮอลล์ ทำให้ไตขับกรดยูริกได้น้อยลง หรือเป็นหลังมื้ออาหารที่กินมากกว่าปกติ บางครั้งอาจมีอาการขณะมีภาวะความเครียดทางจิตใจ เป็นโรคติดเชื้อ หรือเดินสะดุด หรือได้รับการผ่าตัดด้วยสาเหตุอื่น บางครั้งอาจมีอาการไข้ หนาวสั่น ใจสั่น ชีพจรเต้นแรงเร็ว อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
ผู้ป่วยโรคเกาต์หากได้รับการรักษาจะหายสนิทภายในเวลา 1-3 วัน แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษา มักหายเป็นปกติได้เองในเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ และเว้นระยะเวลาอีกหลายเดือนหรือนานเป็นปี จึงมีอาการข้ออักเสบกำเริบขึ้นมาใหม่
อาการกำเริบของข้ออักเสบจะถี่ขึ้น นานขึ้น และเป็นหลายข้อขึ้นตามระยะเวลาที่ป่วย ดังนั้น จึงมีเพียงนานๆ ครั้งเท่านั้น ที่เราจะพบข้ออักเสบมากกว่า 1 ข้อในเวลาเดียวกัน
อาการนี้มักพบในผู้ป่วยโรคเกาต์เรื้อรัง ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษา ผลึกเกลือยูเรตปริมาณมากที่สะสมในข้อ เนื้อเยื่อรอบข้อ และกระดูกอ่อน จะรวมกันเป็นของเหลวลักษณะคล้ายชอล์กหรือยาสีฟัน เกิดเป็นก้อนใต้ผิวหนัง ซึ่งจะค่อยๆ มีขนาดใหญ่ขึ้น เรียกว่า Tophus
ซึ่งก้อน Tophus นี้จะทำลายเนื้อเยื่อโดยรอบ ทำให้ข้อผิดรูป พิการ เส้นเอ็นขาดได้ ผู้ป่วยที่เป็นเกาต์เรื้อรังนานวันเข้า ก้อน Tophus จะมีขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ เกิดก้อนตะปุ่มตะป่ำที่เนื้อเยื่อรอบข้อ อาจแตกออกเป็นแผล
นอกจากนี้ กรดยูริคในเลือดที่สูงถูกขับออกทางไตในปริมาณมากทำให้ความเข้มข้นของเกลือยูเรตในปัสสาวะสูงตามไปด้วย หากไม่ได้รับการรักษา เกลือยูเรตที่มีปริมาณสูงสะสมมาเป็นระยะเวลานานอาจตกตะกอนที่ทางเดินปัสสาวะเกิดเป็นก้อนนิ่ว และตกตะกอนที่เนื้อเยื่อของไต ทำให้ไตวายเรื้อรัง ตลอดจนเกิดภาวะทุพพลภาพได้
ภาวะกรดยูริกสูง เป็นผลจากปัจจัยทางกรรมพันธุ์และปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่มีผลทำให้อาการของเกาต์เกิดรุนแรง คือ น้ำหนักตัวที่มากเกินไป การบริโภคแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่อง การใช้ยาขับปัสสาวะ ฯลฯ
ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาในระยะแรกๆอาจกำเริบทุก 1- 2 ปี โดยเป็นที่ข้อเดิม แต่ต่อมาจะเป็นถี่ขึ้นเรื่อยๆ เช่น ทุก 4-6 เดือน แล้วเป็นทุก 2-3 เดือน จนกระทั่งทุกเดือน หรือ เดือนละหลายๆครั้ง ระยะการปวดจะนานวันขึ้นเรื่อยๆ
การรักษาโรคเกาต์ของแพทย์แผนปัจจุบัน ประกอบไปด้วยการรักษาอาการข้ออักเสบ และการลดระดับกรดยูริกในเลือดเพื่อป้องกันการเกิดภาวะไตวาย
การแนะนำให้ผู้ป่วยตระหนักถึงความจำเป็นอย่างยิ่งของพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง เช่น การมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม การออกกำลังกายพอเหมาะ หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นการอักเสบฉับพลันของข้อโดยการดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ ฯลฯ
การป้องกันเพื่อลดกรดยูริคที่สะสมในร่างกายคือลดการรับประทานอาหารที่มีสาร purine มาก ได้แก่ อาหารที่สกัดมาจากสัตว์ เช่น หอย ปลา กุ้งฝอย สมองสัตว์ ซุปเนื้อวัว ซุปจากเนื้อสัตว์ หัวใจ ตับ ไต เนื้อแดง ตับอ่อน รวมถึงถั่ว ยอดผัก หน่อไม้ และแตงกวา (ทั้งนี้ การควบคุมอาหาร สามารถลดระดับกรดยูริคในเลือดได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น)
ถ้าคุณเจ็บปวดจากโรคเก๊าท์หรืออาการบวมตามข้อลักษณะอื่นๆ ควรใช้น้ำแข็งประคบบริเวณที่ปวดบวม การดื่มน้ำหรือน้ำสมุนไพร เช่น สาระแหน่ มากๆ อาจช่วยบรรเทาอาการโรคเกาต์หรือข้ออักเสบที่เกิดขึ้นได้
ถ้าคุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดกดถูกใจ กดดาว หรือแสดงความคิดเห็นเพื่อเป็นกำลังใจให้กับเรา
ขอบคุณค่ะ
โฆษณา