10 ก.ย. 2022 เวลา 02:05 • ความคิดเห็น
เรื่องการตายการเกิด การเจ็บการป่วย มันก็กำหนดเวลาไม่ได้ ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหนเวลาไหน เราเองก็เคยเจอ พี่ชายโทรมาบอกว่าแม่อาการไม่ดี ก็เตรียมจะออกจากบ้าน พี่โทรมาบอกอีกว่าแม่เสียแล้ว สิ่งที่เราทำก็รีบขึ้นมาห้องพระ กราบพระ นั่งสวดมนต์ ทำกายนิ่ง จิตนิ่ง กายนี้มีพระคุณ ให้จิตข้าพเจ้าได้อาศัย ใด้ใช้เรือนกายนี้ไปกระทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ มากมาย ที่หวังให้เรือนกายนี้สุขสบาย มีความยึดถือเรื่องราวต่างๆ มากมาย มีภาระที่ต้องดูแล เพิ่มขึ้นๆ ในสิ่งที่เสาะแสวงหา
พอแก่เฒ่าชรา ก็ได้แต่นั่งเฝ้า นอนเฝ้าดูสิ่งของที่ตนสะสมมา ไปหยิบไปจับนำใช้อะไร ของที่ตัวเองสะสม มันก็วางอยู่เฉยๆ ไม่ได้ใช้การใช้งานอะไร ของสะสมที่มีเล็กน้อยๆ ที่แม่เก็บมา ค่อยๆทยอยให้คนนั้นคนนี้ไป จนเหลือแต่ตัว ก่อนเสียก็บบอกว่าเก็บของวางไว้ตรงไหน แม้เงินทำศพก็จัดไว้ให้ เงินทำบุญงานศพ เหมือนแม่เตรียมไว้ให้ทุกอย่าง
เรื่องความกลัวตาย เราฟังแม่ท่องเรื่อง เกศาผมหงอกมาแต่เด็ก ..จิตแม่แก่ไปไหนไม่ไหว แม่ก็ท่องให้ฟังอยู่ นั่นก็เหมือน การที่เราได้ พิจารณาปลง เรื่องของชีวิต ที่ต้องแก่เฒ่าตายแน่นอน จิตมันก็นิ่งไม่หวั่นไหว จิตมาดวงเดียว ไปดวงเดียว ไม่มีใครไปด้วย เป็นเรื่องที่ต้องฝึกหัด พิจารณา ปล่อยวางเรือนกาย
มีพระท่านสอน..ว่าร่างกายเรามันไม่เที่ยง มีแต่สิ่งเน่าเหม็น เราก็ไม่เชื่อ เพราะจิตเรามันยึด เมื่อเราทำจิตหรือธรรมท่านดึง จิตเราออกไปยืนดู ดูกายที่เราอาศัย แล้วแสดงภาพที่กายเราอาศัยอยู่ ลอกหนังออกไป เลือดออกมา เนื้อตรงนั้นตรง มีหนอนไข มีน้ำเลือดน้ำหนองไหลออกมา มีกลิ่นเหม็นเน่าขึ้นมา เป็นโครงกระดูกตั้งอยู่
แล้วธรรมท่านก็บอกว่าให้เราเข้าไปในร่างที่เราอาศัยอยู่ ถามว่า เห็นสภาพอย่างนั้น เราจะเข้าไปอาศัยในกายนี้มั้ย ไม่เข้าก็ไม่ได้ เพราะเรามีกรรม กรรมก็ดูดจิตเราตัวเราเข้ามาอาศัยในเรือนกาย เราเห็นอย่างนั้น เราจะกลัวอะไร กลัวการจากไป หรือ กลัวการอยู่ต่อไปกับกายนี้ เพราะเรามีกรรมเราจึงต้อง อยู่อาศัยกายี้ไปจนถึงเวลา แล้วก็ใช้กายนี้ให้เป เป็นประโยชน์ เรือนกายที่พ่อแม่ให้จิตเรามาอาศัยนี้มีพระคุณ ใช้กายให้เป็นสร้างบุญกุศลบารมี
โฆษณา