Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
-เด็กหญิงผู้เหน็บหนาว-
•
ติดตาม
10 ก.ย. 2022 เวลา 05:27 • ไลฟ์สไตล์
1 ความคิด ของวัยรุ่นข้าราชการ
เรื่องราวนี้ขอย้อนไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เรามีโอกาสได้บรรจุข้าราชการเต็มตัว นาทีแรกที่ได้รู้ ดีใจมาก สอบตั้งนานกว่าจะได้ แต่หลังจากนั้นเกิดความเครียดความหดหู่... จนนำมาสู่... โรคแพนิค
เราเติบโตในชีวิตข้าราชการ ซึ่งแน่นอนจะมีเสียงบอกเราเสมอว่า การเป็นข้าราชการดีแบบนั้นดีแบบนี้ แต่ในใจเราก็ค้่านมาเสมอ แต่จนแล้วจนรอด สถานการณ์หลายอย่่างบีีบเราให้ต้องมาเป็นข้าราชการ
ที่ผ่านมาก่อนจะมาเป็นข้าราชการ เรารู้มาเสมอว่าเราไม่ชอบการเป็นข้าราชการ เราพยายามเลือกเรียนอะไรที่มันกลางๆ เลือกทำงานต่างๆไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะเลี่ยงการไปสอบข้าราชการ พอมาถึงจุดนี้ทุกคนอาจเกิดคำถามว่า... ถ้าไม่ชอบแล้วสอบบรรจุข้าราชการทำไม
คำตอบ คือ คำว่าลูกกตัญญูมันค้ำคออยู่ยังไงล่ะ
เราเชื่อว่าหลายคนมีเรื่องราวชีวิตคล้่ายเรา โดยเฉพาะคนที่เติบโตมาในครอบครัวต่่างจังหวัด หรือครอบครัวที่มีคนในครอบครัวทำงานสายราชการ ซึ่งรายละเอียดหลายอย่าง ย้ำว่าปลีกย่อยหลายอย่างมันส่งผลให้หลายคน รวมถึงเรา ต้องเลือกระหว่างความชอบ กับความสบายใจของคนในครอบครัว ทำให้เราตัดสินใจเข้าสู่ชีวิตราชการ ที่มันเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดการ
และสิ่งต่างๆเหล่านี้ ทำให้เราเริ่มคิดที่จะถ่ายทอดเรื่องราวทุกเรื่องผ่านบทความนี้ และเป็นจุดเริ่มต้นของบทความต่อๆไป เพื่อให้วัยรุ่นคนอื่นๆ ที่พบเจอเรื่องราวชีวิตคล้ายกันได้มีแรงใจ และรู้ว่า... คุณไม่ได้เจอเรื่องราวแบบนี้เพียงคนเดียว
วันที่รู้ว่าสอบติดข้าราชการ วินาทีเดียวเท่านั้นที่ดีใจ ว่าความพยายามเห็นผลแล้ว หลังจากนั้นวิตกกังวลสิคะ... รออะไร เริ่มเลยสิคะเรื่องราวทั้งหมด
เราจะต้องเตรียมตัวมาอยู่ต่างจังหวัด ต่างอำเภอ ต่างบ้านต่างเมือง ซึ่งเราไม่เคยอยู่ ซึ่งขอบอกก่อนว่าเรามาจากต่างจังหวัดก็จริง แต่เราไม่เคยต้องใช้ชีวิตต่่างบ้านต่างเมือง อยู่บ้านพักข้าราชการคนเดียว ขับรถยนต์ก็ไม่่เป็น ไม่มีเพื่อน ไม่มีแสงสี ต้องทิ้วชีวิตวัยรุ่นกรุงเทพฯ ทิ้งเพื่อน และตอนที่เริ่มคิดแบบนี้ ก็เริ่มแล้ว... โรคแพนิค โรควิตกกังวล
ในช่วงที่ต้องลาออกจากงานเดิม และพักการเรียนปริญญาโทที่หมิ่นเหม่ไม่จบซักที เอาข้าวของออกจากหอพักที่กรุงเทพฯ อำลาอาลัยเพื่อนที่ทำงานเดิม เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย อำลาทุกอย่าง ช่วงสองอาทิตย์ก่อนเดินทาง กินไม่ได้ นอนไม่หลับ นั่งดูข้าวของตัวเอง และเกิดคำถามวนซ้ำๆในหัวว่า โอเคหรือเปล่า เราจะทิ้งชีวิตศรีวิไลย์นี้ไปจริงๆ เหรอ คิดมากมายหลายสิ่ง กังวลทุกอย่างส่งผลให้ไม่ว่าเห็นอะไรก็จะร้องไห้ตลอดเวลา น้ำหนัดลดลงไปเกือบ 5 กิโลกรัมในช่วงไม่ถึง 2 สัปดาห์
และแล้ววันที่ต้องเดินทางไปที่ทำงานแห่งใหม่ในอีสานก็เดินทางมาถึงจนได้ จากกรุงเทพฯ ก็ราว 6 ชั่วโมงกว่า เป็นหนึ่งในสถานที่ราชการที่อยู่ในกลางตัวอำเภอ สิ่งแรกที่เราไปดูคือบ้านพัก ซึ่งสภาพตรงหน้าก็พออยู่ได้ แต่เราไม่อยากอยู่ แต่เราก็จะต้องอยู่ เพราะข้าราชการอายุน้อยแบบเรา เงินเดือนคงไม่เยอะพอให้ไปเปลืองกับค่าเช่่าบ้าน
เราเห็นสภาพบ้าน หลังบ้านมีป่าทึบ สมองประมวลน้ำตาทันที เนื่องจากเรากลัวงู แต่ต้องเก็บอารมณ์เพราะกลัวพ่อแม่เป็นห่วง อย่างน้อย พ่อแม่ก็ปล่อยน้องสาววัยรุ่นตอนต้นไว้เป็นเพื่อนเพื่อให้ช่วยเหลือพี่ในการปรับตัวกับที่นี่ และเมื่อพ่อแม่ลากลับไปจากตรงนั้น... บันเทิงสิคะงานนี้ ร้องไห้ตั้งแต่วินาทีนั้น จนบัดนี้ก็ยังไม่หยุด
น้องสาวรู้ทันทีว่าพี่สาวไม่ได้คิดถึงพ่อแม่ แต่คิดถึงเพื่อน คิดถึงชีวิตที่กทม. แต่น้องสาวก็ทำหน้่าที่อยู่เป็นเพื่อนพี่อย่างดีในทุกวันที่พี่ร้องไห้ ซึ่งก็คือ... ร้องไห้ทุกคืน
สองอาทิตย์ผ่านไป น้องสาวจะต้องเดินทางกลับบ้านเพื่อไปหางานหาการทำหลังเรียนจบ จึงทำให้ความหรรษาเคล้าน้ำตา กำลังจะถาโถมเข้ามาแบบคอมโบเซท
เรื่องราวชีวิตอันน่าปวดหัว เคล้าน้ำตาในชนบทจะเป็นแบบไหน เดี๋ยวจะมาเล่าต่อในบทความต่อไป โปรดรอติดตามกันนะคะ
1 บันทึก
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย