12 ก.ย. 2022 เวลา 12:19 • ข่าวรอบโลก
คดี: สามีเสียชีวิตในโรงนาที่ไฟไหม้กับภรรยาที่หายไป
สวัสดีค่ะทุกคน I mean มีเรื่องเล่า วันนี้ เราจะเล่าให้ฟังถึงคดีของวิศวกรปิโตรเคมีที่ถูกพบเสียชีวิตในโรงนาในสภาพที่ถูกไฟไหม้ดำเป็นตอตะโก โดยที่ภรรยาและรถยนต์ของเขาก็หายไปด้วย
คดีนี้เกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 18 พฤษภาคม 2001 ที่เมือง Saint-Jacques-sur-Darnétal เมื่อคนขับรถบรรทุกคนหนึ่งมองไปเห็นโรงนาที่กำลังถูกไฟไหม้ เขาจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง พวกเขาพบม้าตัวหนึ่งถูกไฟครอกอยู่ในโรงนา และใกล้ๆ กันก็พบร่างที่ถูกไฟไหม้เกรียมของ Jean-Jacques Roussel วิศวกรปิโตรเคมี วัย 53 ปี จากการชันสูตร แพทย์นิติเวชพบว่า เขาถูกยิงด้วยปืนล่าสัตว์ก่อนเสียชีวิต
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อไปยังครอบครัวเพื่อแจ้งเหตุร้ายให้ทราบ แต่ไม่สามารถติดต่อ Danielle Roussel ภรรยาของเขาได้ ตำรวจจึงได้รู้ว่า เธอหายตัวไปพร้อมกับรถยนต์ Fiat Uno สีขาวของทั้งคู่
ส่วนลูกชายของพวกเล่าว่า คืนก่อนเกิดเหตุเขาออกไปปาร์ตี้ในเมืองกลับมาตอนประมาณตี 2 ตอนที่มาถึงบ้าน เขาประหลาดใจเล็กน้อยเพราะ พ่อกับแม่เปิดไฟและโทรทัศน์ทิ้งไว้ เสื้อผ้ากระจายอยู่ที่พื้น แปลกไปจากที่เคย ผิดวิสัยของแม่ที่เป็นคนมีระเบียบ แต่เขาก็ไม่ได้ไปปลุกพ่อกับแม่มาถามว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ติดต่อมาในตอนเช้า เขาจึงทราบว่า พ่อของเขาเสียชีวิตแล้วและแม่ของเขาหายตัวไป
ตำรวจเร่งตามหาตัวของ Danielle ในที่ต่างๆ รวมถึงในป่า แต่ก็ไม่พบ บางคนสันนิษฐานว่า เธออาจจะเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของสามีตัวเอง
2 วันผ่านไป มีคนไปแจ้ง Gendarme (ในฝรั่งเศส จะมีเจ้าหน้าที่ที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองอยู่ 2 ประเภทค่ะ ประเภทแรก คือ Police หรือตำรวจเหมือนในเมืองไทยเรานี่แหละค่ะ จะทำงานในเขตเมืองเป็นหลัก
และอีกประเภท คือ Gendarme ถือเป็นทหารประเภทหนึ่งนะคะ มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยเหมือนคุณตำรวจเลยค่ะ แต่จะรับผิดชอบตามชานเมืองหรือชนบท ส่วนทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ที่มีภารกิจในการสู้รบเพื่อป้องกันประเทศ ก็จะมีชื่อเรียกต่างหากค่ะ)
เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ จะขอเรียกทั้ง Police และ Gendarme ว่าตำรวจนะคะ
กลับเขาเรื่องของเรากันต่อค่ะ ในเวลาห้าทุ่มครึ่งของวันที่ 20 พฤษภาคม 2 วันหลังเกิดเหตุ มีผู้แจ้งตำรวจว่า พบคนขับรถ Fiat สีขาวท่าทางน่าสงสัยจอดอยู่
ตำรวจจึงได้ไปตรวจสอบ แต่คนขับกลับหยิบปืนล่าสัตว์ออกมาและยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ แต่โชคดีที่ปืนไม่ทำงาน จากนั้นคนขับก็ลงจากรถวิ่งหนีไป ทิ้งกระเป๋าและสัมภาระต่างๆ ไว้ในรถ
ตอนแรกที่ได้รับแจ้งให้ไปตรวจดูรถต้องสงสัย ตำรวจไม่ทราบนะคะว่า การปฏิบัติงานในคืนนั้นจะเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ Jean-Jacques แต่พอตรวจสอบรถอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่ก็พบว่า รถ Fiat คันนี้เป็นของครอบครัว Roussel นอกจากนี้ ยังพบคราบเลือดเต็มกระโปรงรถด้านหลัง ซึ่งตรวจแล้วพบว่า เป็นของ Danielle ที่หายตัวไปค่ะ
ส่วนสัมภาระและเอกสารที่คนขับทิ้งไว้ ทำให้รู้ว่า เขาชื่อ Alfred Petit เป็นนักโทษหนีคุก ที่เพิ่งได้รับอนุญาตให้ออกมานอกเรือนจำแต่ไม่กลับเข้าไปในเรือนจำตามกำหนด
ตำรวจเร่งออกตามล่าตัวเขา และพบเขาในวันรุ่งขึ้น ใกล้ๆ กับสุสานแห่งหนึ่งไม่ไกลจากบ้านของครอบครัว Roussel และบ้านของเขาเอง เขายอมให้ตำรวจควบคุมตัวโดยไม่ขัดขืน และบอกว่าเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลใดๆ แก่ตำรวจ
วันที่ 22 พฤษภาคม มีผู้พบชิ้นส่วนส่วนลำตัวของมนุษย์ลอยอยู่ในแม่น้ำ Seine วันต่อมาก็พบส่วนแขนและขาในแม่น้ำเดียวกัน การชันสูตรพบว่า ชิ้นส่วนเหล่านั้นเป็นของ Danielle Roussel แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการพบศีรษะของเธอนะคะ
เจ้าหน้าที่ให้ความเห็นว่า คนที่ชำแหละร่างกายเธอออกเป็นส่วนๆ เป็นคนที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญมาก นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่า เธอถูกยิงเสียชีวิตด้วยปืนประเภทเดียวกับที่ใช้ยิงสามีของเธอ
Alfred Petit ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม 2 สามีภรรยา Roussel เขาไม่ให้การใดๆ กับเจ้าหน้าที่
ตำรวจได้หาพยานหลักฐานเพิ่มเติม และพบรอยเลือดของ Danielle ที่กระเป๋ากางเกงยีนส์และบนเสื้อคลุมของ Alfred พบถุงมือของ Danielle ที่เต็มไปด้วยเลือด และด้านในถุงมือก็พบ DNA ของ Alfred พบสมุดทะเบียนรถของ Danielle ในเสื้อคลุมที่ถูกทิ้งไว้ข้างๆ รถ
นอกจากนี้ ยังพบกระสุนปืนที่สอดคล้องกับที่ใช้ในการสังหารสองสามีภรรยา และพบปืนล่าสัตว์ที่ใช้ยิงตำรวจที่เข้าไปขอตรวจสอบรถด้วยค่ะ
ตอนหลังลุงของ Alfred ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุไม่กี่วัน มีคนมาขโมยปืนล่าสัตว์ของเขาไป และเขาเชื่อว่าคนขโมย คือ Alfred ค่ะ
หลักฐานทุกอย่างดูจะชี้ชัดว่า Alfred Petit คือ ฆาตกรในคดีนี้ แต่เขากลับบอกว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ และปฏิเสธที่จะให้การแก่เจ้าหน้าที่ ทนายความของเขากล่าวว่า แม้การที่ Alfred ไม่ยอมให้ปากคำจะยิ่งทำให้เขาดูเป็นผู้ต้องสงสัยหนักขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะคือคนร้ายตัวจริง เขาอาจจะเป็นแค่ผู้สมรู้ร่วมคิดหรือผู้เห็นเหตุการณ์ก็ได้
7 เดือนหลังเกิดเหตุ ผู้พิพากษาไต่สวนได้นำตัวของเขาไปจำลองเหตุการณ์ ณ สถานที่เกิดเหตุ โดยมีลูกชายของ Jean-Jacques และ Danielle ร่วมสังเกตการณ์ด้วย แต่ Alfred ไม่ให้ความร่วมมือ เขานิ่งเงียบ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
จากพยานหลักฐานต่างๆ เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า Alfred น่าจะหนีคดีมาหลบอยู่ในโรงนาของครอบครัว Roussel แต่ Jean-Jacques ไปพบเข้า จึงขอให้ออกไป แต่เขาคงไม่ยอมออก จึงเกิดเหตุวิวาทที่นำไปสู่การฆาตกรรม จากนั้นไม่นาน Danielle คงเห็นว่า ทำไมสามีไม่กลับบ้านสักที ก็เลยออกมาตามหาที่โรงนา Alfred เห็นเข้าจึงได้ทำร้ายเธออีกคน
หลังจากได้ยินข้อสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ Alfred กล่าวว่า เขาไม่มีวันที่จะฆ่าใครด้วยเหตุผลที่ไร้สาระแบบนั้น
อย่างที่บอกไปตอนต้นนะคะว่า Alfred เป็นนักโทษที่ได้รับอนุญาตให้ออกมาข้างนอกแต่ไม่ยอมกลับเข้าเรือนจำตามกำหนด ก็เลยจะขอเล่าเกี่ยวกับครอบครัวของเขานิดหนึ่งนะคะ รวมไปถึงคดีก่อนหน้านี้ที่ทำให้เขาต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ และเขาโดนอะไรบ้างจากการ “หนีคุก”
ครอบครัวของ Alfred ประกอบไปด้วย พ่อแม่ลูกชายและลูกสาว โดยที่พ่อและลูกชายใช้ชื่อเหมือนกัน คือ Alfred และแม่กับลูกสาวก็มีชื่อเดียวกัน คือ Victoria พวกเขาไม่คบใคร พ่อของเขาเคยเป็นตำรวจ แต่ภายหลังได้ออกมาเป็นคนขายเนื้อ
เขาปกครองครอบครัวแบบกดขี่และเข้มงวดกับทุกคนในบ้านในทุกเรื่อง Alfred ก็เลยรักแม่แต่กลัวพ่อ ไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม เขาเคยเรียนทางด้านบัญชีแต่เรียนไม่จบ ตอนหลังก็เลยออกมาเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ส่วนคดีที่ทำให้เขาต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำเกิดขึ้นเมื่อตอนเขาอายุ 21 ปี ตำรวจ 3 นายได้เข้ามาขอตรวจค้นรถที่เขาขับแล้วพบว่า ท้ายรถเต็มไปด้วยปืนและอุปกรณ์สำหรับใช้ในการโจรกรรม
พ่อของเขาคิดว่า ตอนที่เข้าตรวจค้นรถ ตำรวจคงจะยั่วโมโห Alfred จนทำให้เขายิงปืนเข้าใส่เจ้าหน้าที่ สุดท้ายเขาก็ถูกจับกุมและถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 15 ปี ในข้อหาพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่
พ่อของเขาเชื่อว่านี่เป็นการกลั่นแกล้งกัน เพราะตำรวจที่จับ Alfred คือเพื่อนร่วมงานของพ่อที่มีเรื่องบาดหมางกันอย่างรุนแรง
ต่อมาในปี 1990 ระหว่างที่ทางเรือนจำนำตัวเขาไปส่งที่โรงพยาบาลเพื่อรับการผ่าตัด เขาก็ยึดอาวุธของผู้คุมแล้วหนีไปในแท็กซี่ที่จับคนขับเป็นตัวประกัน แต่ก็ถูกจับได้หลังจากนั้นและโดนตัดสินจำคุก 10 ปีจากการแหกคุกดังกล่าว
หลังจากนั้นเขาก็ได้รับการลดโทษเรื่อยมา และได้รับการอนุญาตให้ออกจากเรือนจำเป็นครั้งคราวเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการปรับตัวเข้าสู่สังคมหลังจากพ้นโทษ แต่ในระหว่างที่ออกมานอกเรือนจำ เขาไม่สามารถไปพบพ่อและแม่ของเขาได้เพราะศาลเห็นว่า พ่อของเขาจะทำให้เขากลับเข้าสู่สังคมได้ยากขึ้น
เมื่อเขาหนีคุกและถูกจับกุมได้ในสุสาน ศาลจึงตัดสินคดีนี้ก่อนที่จะมีการพิจารณาคดีฆาตกรรมสามีภรรยา Roussel โดยศาลตัดสินให้จำคุกเพิ่มเป็นเวลา 3 ปีจากการไม่กลับเข้าไปในเรือนจำตามกำหนด ซึ่งคนส่วนใหญ่คิดกันว่าพ่อของเขาน่าจะมีส่วนช่วยในการหนีคุกครั้งนี้ค่ะ
ส่วนการพิจารณาคดีฆาตกรรมครอบครัว Roussel เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคม 2003 ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่กี่สัปดาห์ Alfred ได้ไล่ทนายความของเขาออก รัฐก็จัดหาทนายความคนใหม่มาให้เขา
อันนี้เป็นสิทธิของผู้ต้องหาในคดีอาญาทุกคนนะคะที่รัฐจะช่วยจัดหาทนายความให้ ในกฎหมายไทยเราก็มีค่ะ แต่ถ้าใครมีกำลังทรัพย์จะไปจ้างทนายที่เก่งๆ ก็ทำได้เช่นกันค่ะ
ในวันพิจารณาคดี Alfred กล่าวต่อผู้พิพากษาว่า เขาเป็นผู้บริสุทธิ์และต้องการให้ศาลทำความจริงให้ปรากฏ หลังจากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีกเลยค่ะ
ผิดกับพ่อของเขาเป็นอย่างมากที่แสดงความโกรธให้ทุกคนได้เห็น เขาปฏิเสธว่า ไม่ได้ช่วยลูกชายหลบหนีไม่กลับเข้าไปในเรือนจำ และย้ำด้วยว่า Alfred เป็นเหยื่อของความเกลียดชังที่อดีตเพื่อนร่วมงานมีต่อเขา
เขาได้ถามลูกชายของผู้เสียชีวิตด้วยนะคะว่า บ้านของพวกเขา คือ บ้านเดิมที่ทนายความที่ทำคดีให้กับตำรวจที่เข้าตรวจค้นรถของ Alfred จนทำให้เขาถูกจำคุก 15 ปีใช่หรือไม่
ซึ่งพอได้ฟังอย่างนี้ ก็เหมือนกับพ่อของ Alfred กำลังพยายามจะบอกเลยนะคะว่า Alfred ทำร้ายสองสามีภรรยา Roussel เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นทนายความที่ทำให้เขาต้องไปใช้ชีวิตในเรือนจำนานถึง 15 ปี
แต่การสืบสวนพบว่า ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เพราะบ้านของครอบครัว Roussel ไม่ใช่บ้านของทนาย เพียงแต่เป็นบ้านที่อยู่ใกล้ๆ กันค่ะ
แม้ว่าจะมีหลักฐานที่โยงไปถึงตัวเขามากแค่ไหน แต่ผู้พิพากษาเห็นว่า เจ้าหน้าที่ยังทำสำนวนได้ไม่สมบูรณ์ในสามเรื่องใหญ่ๆ คือ
1. ไม่ได้ขยายผลคำให้การของพยานสองรายที่บอกว่า พวกเขาเห็นรถของผู้ต้องสงสัยใกล้ๆ กับโรงนาก่อนเกิดเหตุไม่กี่วันและเห็นรถคันดังกล่าวอีกครั้งในคืนวันเกิดเหตุ
2. รู้ทั้งรู้ว่า Danielle ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ โดยคนที่มีความชำนาญมากๆ และพ่อของ Alfred เป็นคนขายเนื้อ แถมมีการยึดมีดแล่เนื้อไป แต่กลับไม่ได้นำไปตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติมเลย
3. พยานคนหนึ่งระบุว่า ในวันเกิดเหตุ เขาเห็นชาย 2 คนเดินออกมาตามถนนที่เชื่อมไปสู่โรงนา ซึ่งในชั้นทำสำนวน ก็ไม่ได้มีการนำเรื่องนี้ไปขยายผลอีกเช่นกันค่ะ ข้อมูลดังกล่าวทำให้เชื่อกันว่า Alfred คงไม่ได้ลงมือคนเดียว และพ่อของเขาน่าจะมีส่วนช่วยในการชำแหละร่างของ Danielle
นอกจากนี้ ในวันพิจารณาคดีวันที่ 4 พยานที่บอกว่า เห็นชาย 2 คนเดินออกมาจากโรงนา ยังได้ให้การเพิ่มเติมด้วยว่า หนึ่งในสองคนนั้น มีคนหนึ่งที่เดินกะเผลก
หลังจากพยานให้การเสร็จ ผู้พิพากษาให้นำพ่อของ Alfred มาที่ห้องพิจารณาคดี และทุกคนก็ได้เห็นว่า พ่อของเขาเดินกะเผลกตรงกับที่พยานให้การไว้ทุกประการ !!!
เมื่อเป็นเช่นนั้น พ่อของเขาก็เลยกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอีกคน ศาลจึงให้ยกเลิกการพิจารณาคดีและสั่งให้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม
ผู้พิพากษาไต่สวนคนใหม่จึงสั่งให้ไปตรวจค้นบ้านของครอบครัว Petit ใหม่อีกครั้ง โดยได้นำมีดต่างๆ ที่ตรวจค้นเจอไปตรวจ DNA แต่ก็ไม่พบหลักฐานอะไรที่จะกล่าวหาได้ว่าพ่อของ Alfred เกี่ยวข้องในคดีนี้
ส่วนข้อมูลของพยานที่บอกว่าเห็นชายสองคนเดินออกมาจากโรงนา โดยมีคนหนึ่งเดินขากะเผลก ก็ถูกตีตกไปนะคะ เพราะจากการสอบสวนพบว่า ช่วงเวลาที่พยานคนดังกล่าวบอกว่า เห็นชาย 2 คน น่าจะเป็นช่วงเวลาตั้งแต่พยานคนแรกเห็นว่าไฟไหม้โรงนา คือ ตอน 6.10 น. กับช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาถึงตอน 6.35 น. ซึ่งในระหว่างนั้น มีคนหลายคนเข้าไปในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นได้ทั้งเจ้าหน้าที่และคนบ้านใกล้เรือนเคียงที่เข้าไปดูเหตุการณ์ ดังนั้น ชาย 2 คนที่พยานเห็นจึงไม่น่าจะใช่ Alfred และพ่อของเขาค่ะ
1
หลังจากพ่อของ Alfred ตกเป็นผู้ต้องสงสัย และตำรวจไปตรวจค้นบ้านของเขาเพิ่มเติมและเก็บหลักฐานใหม่อีกมากมาย ประมาณหนึ่งเดือนหลังจากนั้น คือ ในวันที่ 15 มกราคม 2004 มีผู้พบพ่อของ Alfred ผูกคอเสียชีวิตอยู่ในโรงนาห่างจากบ้านของเขาไม่ไกล โดยเขาได้ทิ้งจดหมายไว้ 2 ฉบับ
ฉบับแรกเขียนถึงภรรยาของเขาเพื่อบอกลาและระบายความโกรธแค้นที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม และฉบับที่สองเขียนถึงผู้พิพากษาไต่สวนเพื่อยืนยันว่าลูกชายของเขาเป็นผู้บริสุทธิ์
แม้ว่าพ่อของเขาจะจากไป แต่การทำคดียังดำเนินต่อ และแล้วในวันที่ 3 ธันวาคม 2004 การพิจารณาคดีครั้งที่ 2 ก็เริ่มขึ้น แม้ศาลจะสั่งให้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม และเจ้าหน้าที่ใช้เวลาถึง 1 ปี ในการหาพยานหลักฐาน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ข้อมูลใหม่อะไรเลย
ทุกคนได้แต่หวังว่า Alfred จะสารภาพ เพราะถ้าพ่อของเขาเป็นคนร้าย เขาก็ไม่จำเป็นต้องปกป้องพ่ออีกต่อไป บางส่วนก็คิดว่า แม่กับน้องสาวก็น่าจะพูดอะไรบ้างเพราะตอนนี้พ่อไม่อยู่แล้ว ทุกคนน่าจะกล้าพูดอะไรมากขึ้น
แต่ Alfred กลับปฏิเสธว่าเขาไม่ใช่ฆาตกรและกล่าวว่ากระบวนการยุติธรรมได้สังหารพ่อของเขา ส่วนแม่ของเขาก็กล่าวว่า สังคมได้ฆ่าสามีและพรากลูกชายไปจากเธอ
ในการพิจารณาคดีครั้งนี้ Alfred ป่วนศาลอยู่ไม่ใช่น้อยค่ะ เขาวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมด้วยคำพูดที่ยั่วยุและก้าวร้าว จู่ๆ ก็ขอเปลี่ยนทนาย แล้วก็เปลี่ยนใจให้กลับมาใช้ทนายคนเดิม
สุดท้ายแล้วในวันที่ 11 ธันวาคม 2004 ศาลได้ตัดสินให้จำคุกเขาตลอดชีวิต โดยไม่สามารถได้รับการพักโทษก่อน 22 ปี
Alfred ได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้มีคำตัดสินในอีกเกือบ 2 ปีต่อมา ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตเหมือนเดิม แต่ไม่มีเงื่อนไขเรื่องระยะเวลาในการได้พักโทษแล้ว
คำตัดสินดังกล่าวสร้างความไม่เข้าใจให้กับครอบครัวผู้เสียหายไปอย่างมาก นั่นก็คงเป็นเพราะ เขาต้องสูญเสียพ่อและแม่ไปในช่วงที่ Alfred ได้รับการอนุญาตให้ออกมานอกเรือนจำ แล้วทำไมศาลจึงจะยอมให้ Alfred ออกมานอกเรือนจำได้อีกโดยไม่กำหนดโทษขั้นต่ำที่เขาจะต้องถูกจำคุกนั่นเองนะคะ
แต่ Alfred คงไม่ได้ออกมาทำร้ายใครอย่างที่หลายๆ คนกังวลแล้วล่ะค่ะ เพราะเขาได้ผูกคอเสียชีวิตในห้องขังกลางดึกของคืนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2009 ตามพ่อของเขาไป โดยที่สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เลยว่า เขาคือคนร้ายในคดีนี้จริงหรือไม่ ถ้าใช่ เขาทำไปเพราะอะไร และมีใครคอยช่วยเหลือเขารึเปล่า
เพื่อนๆ ฟังแล้ว คิดว่า เกิดอะไรขึ้นในคดีนี้คะ คิดเห็นอย่างไรก็พิมพ์ comment พูดคุยกันได้นะคะ
สำหรับใครที่อยากรับชมแบบเป็นคลิป สามารถตามไปที่ Link นี้ได้เลยค่ะ
เนื่องจากคดีในวันนี้ มีการกล่าวถึงความแค้นความเกลียดชังที่ทำให้ชายคนหนึ่งหมดอนาคตลงและอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้สามีภรรยาคู่หนึ่งต้องจบชีวิตลง
จึงขอลาไปด้วยคำกล่าวที่ว่า
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตาม สวัสดีค่ะ
โฆษณา