11 ก.ย. 2022 เวลา 10:16 • ความคิดเห็น
1) ผมมองว่า มันเป็นเรื่องของ
“price to performance ratio” หรือ “return on investment” หรือกล่าวแบบง่ายๆก็คือ “ความคุ้มค่า” หรือ “worthiness” นั่นเอง!
2) “price VS cost”
“ราคา” หรือ price นั้นอาจถูกกำหนดโดยผู้ขายในตลาด
แต่ “ต้นทุน” หรือ cost จะมาจากมุมมองหรือทัศนคติจากผู้ซื้อ ซึ่งมีเรื่องของ
“time and opportunity” หรือ เวลาและโอกาสเข้ามามีส่วนสำคัญในการพิจารณาด้วย
3) ตัวอย่างการพิจารณาจากชีวิตจริงๆของผม ได้แก่
3.1) “พาพระในบ้านไปหาหมอฟัน”
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา “พระในบ้าน” ของผมขอให้ผมช่วยพาไปพบหมอฟัน เพราะท่านเริ่มปวดฟันและต้องการปรึกษาทันตแพทย์
“นำ้มัน Gasohol 91” ที่ผมเติมใส่รถเป็นประจำ ณ เวลาที่เติมน่าจะอยู่ที่ราว 36+ บาท/ลิตร ซึ่งในเวลานี้ ราคาน่าจะลงมาที่ราว 35+ บาท/ลิตร
แล้ว
การที่ผมต้องเดินทางออกจากบ้านเพื่อนำพระในบ้านไปพบหมอฟัน ย่อมต้องใช้ “นำ้มันรถ” แต่หากว่า ผมพาท่านกลับทันทีหลังจากพบหมอฟัน ก็ถือเป็นการ “เสียโอกาส” ในการใช้น้ำมัน 36+ บาท/ลิตร ที่ผมเติมมา ผมจึงพาท่านไปเลือกซื้อลอตเตอรี่ที่ท่านซื้อประจำตามแผงที่เป็นทางผ่านขากลับบ้านอยู่แล้ว
และผมเองก็ไปเลือกซื้ออาหารที่ขายอยู่ใกล้ๆแผงลอตเตอรี่กลับบ้านไปใส่ตู้เย็นไว้กินได้อีกด้วย
จะเห็นได้ว่า “price” 36+ บาท/ลิตร ที่ผมจ่ายค่าน้ำมันรถไป ผมไม่สามารถเรียกร้องอะไรกลับคืนมาได้
แต่ผมใช้ “time and opportunity” เพื่อสร้าง “worthiness” ซึ่งเป็น “return on investment” กลับมาให้ได้มากที่สุด!
3.2) ผมเองเป็นสาย DIY
คือถ้ามีข้าวของเครื่องใช้ในบ้านต้องการการซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ ผมคือผู้ที่รับผิดชอบภารกิจนั้นด้วยตัวของผมเอง
หนึ่งในภารกิจนั้นคือ “การเปลี่ยนปลั๊กและสวิตช์ไฟฟ้าในบ้าน”
ถึงแม้ผมจะไม่ใช่ช่างมืออาชีพ แต่ผมก็ชอบศึกษาและยังต้อง “ลงทุน” เลือกซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำงานช่างพื้นฐานเหล่านั้น และยังต้องลงทุน “เวลา” ในการศึกษาเทคนิคงานช่างเหล่านั้นบน Youtube อีกด้วย
2
ล่าสุดผมเองเพิ่งเปลี่ยนแผงสี่ช่อง ที่มี สวิตช์สองตัวอยู่ด้านบนสุด และปลั๊กไฟฟ้าสองตัวด้านล่าง
1
จากการ “ทำการบ้าน” มาอย่างละเอียดและยาวนาน ทำให้การเปลี่ยนทั้งชุดนี้เป็นไปได้โดยสะดวกและราบรื่นทั้งๆที่ถ้าคุณไม่เคยทำงานลักษณะนี้และขาดความพร้อมทั้งด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ตลอดถึง “ความเข้าใจ” ในการทำงาน โครงงานนี้อาจไม่สำเร็จหรือได้คุณภาพของงานที่ไม่สมบูรณ์
แน่นอนว่า เครื่องมือและอุปกรณ์อะไหล่ทุกชิ้นมันมาด้วย “prices”
แต่ถ้าคุณ “ลงทุน” ศึกษามัน คุณจะได้เครื่องมือที่สามารถช่วยคุณ “แก้ปัญหา” ได้อย่างมีประสิทธิผล หาไม่แล้ว เครื่องมือที่คุณต้องการใช้เพื่อแก้ปัญหา จะกลับมาเป็น “ตัวสร้างปัญหา” เสียเอง!
และเครื่องมือที่ช่วยคุณแก้ปัญหาได้ในยามคับขัน มันเป็นเครื่องมือที่ “priceless” หรือประเมินค่ามิได้นั่นเอง!
4) post นี้ของผมเป็นเรื่องของเครื่องมือช่างที่ผมเองได้ศึกษาไว้ครับ
5) ส่วน posts เหล่านี้ของผม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเลือกใช้รถยนตร์ครับ
6) ผมมักบอกกับตัวเองเสมอๆว่า
“It’s not what I want to buy.
It’s how much I want to pay.”
7) post นี้ของผมเป็นเรื่องราวของพื้นฐานในการเป็น “นักลงทุน” ในแบบที่ผมสนใจครับ
8) “แนวคิดการเลือกซื้อของผม”
โฆษณา