12 ก.ย. 2022 เวลา 02:18 • หนังสือ
เพราะคุณมันดีเกิน !
นำชัย ชีววิวรรธน์
Photo by Hisu lee on Unsplash
ผู้ชายจำนวนมากไม่เข้าใจว่า เหตุใดผู้หญิงจึงไม่เลือกตนทั้งที่ตนเป็นคนดี หรือทำไมจึงทิ้งตนไปหาผู้ชายอื่นที่ดูเหมือน “จะไม่ดีเท่า”
พวกเขาจึงเจ็บปวดอย่างมากกับคำบอกลาจำพวก “ฉันขอเลิกเพราะคุณดีเกินไป!”
ในภาษาอังกฤษถึงกับมีคำศัพท์ว่า nice guy syndrome หรือ “กลุ่มอาการคนดี” ที่ใช้เรียกเรื่องแบบนี้ด้วยซ้ำไป
เรื่องนี้ซับซ้อนมากกว่าจะเป็นเพียงเรื่องของคำพูดสั้นๆ ไม่กี่คำ และไม่ใช่แค่เรื่องการเป็นคนดีหรือไม่ดี
แต่ความจริงเบื้องต้นก็คือ สาวๆ ตีความคำว่า “คนดี” หรือ nice guy เป็นหลายแบบ คืออาจมีนัยยะทางดีคือ เป็นคนมีน้ำใจ เอาใจใส่ ช่างเอาอกเอาใจ หรืออาจมีนัยยะทางลบก็ได้ เช่นหมายถึงคนจำพวกที่มีบุคลิกไม่ค่อยดึงดูด หรือแม้แต่ถึงกับน่าเบื่อด้วยซ้ำไป
เรื่องมันเริ่มซับซ้อนก็ตรงนี้แหละครับ
งานวิจัยที่ทำในประเทศแคนาดาใน ค.ศ. 1999 พบว่า ในหมู่สาวๆ นักศึกษามหาวิทยาลัยจำนวน 165 นาง (สาว) นั้น มากกว่าครึ่งหนึ่งที่เห็นด้วยจากประสบการณ์ว่า หนุ่มๆ “คนดี” นั้นมักจะมีคู่น้อยกว่าแบดบอยทั้งหลาย
แต่ไม่ต้องน้อยอกน้อยใจไปครับสำหรับหนุ่มๆ ที่ทำตัวดี ขี้อาย ไม่ห้าวเป้ง เพราะคุณเธอมากกว่าครึ่งหนึ่งอีกเช่นกันที่ตอบว่า อยากเลือกมีความสัมพันธ์กับคนดีๆ มากกว่า
ดังนั้น แม้ว่าบรรดาคนดีจะมีคู่ควงหรือคู่นอนจำนวนน้อยกว่า แต่ก็เป็นที่ต้องการสำหรับความสัมพันธ์ระยะยาวมากกว่า
ทำไมผู้หญิงจำนวนไม่น้อยจึงสนใจผู้ชายประเภท “แบดบอย”
Photo by Clem Onojeghuo on Unsplash
งานวิจัยชื่อ Who is James Bond?: The Dark Triad as an Agentic Social Style ที่ตีพิมพ์ในปี 2010 วิเคราะห์ในเรื่องนี้ไว้ว่า
นิสัยด้านมืด 3 ประการคือ ความหลงตัวเอง (narcissism) ความไม่ซื่อสัตย์ (Machiavellianism) และการไม่รู้ผิดชอบชั่วดี (psychopathy) หรือใจร้ายใจดำ ที่เอ่ยขึ้นมาแล้วเราอาจจะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยดีและน่ารื่นรมย์เท่าไหร่
แต่ลองไปสังเกตดูดีๆ จะเห็นว่า นี่แหละครับคือลักษณะเด่นประจำตัวของบอนด์...เจมส์ บอนด์...ยอดสายลับรหัส 007 ผู้เซ็กซี่และดึงดูดใจนักสำหรับสาวๆ คนนั้นนั่นเอง
นักวิจัยสรุปจากผลที่ทดสอบในผู้ชายชาวอังกฤษกว่า 500 คนว่า กลยุทธ์ดึงดูดใจของหนุ่มๆ มีสองแบบใหญ่ๆ คือ
อาจทำตัวเป็นเพลย์บอยหรือเจมส์ บอนด์ ข้างต้น
ในทางกลับกันก็มีพวกที่ทำตัวแบบมีน้ำใจ เข้าอกเข้าใจ และซื่อสัตย์ ด้วยเช่นกัน
โดยในความสัมพันธ์ระยะสั้น แบบแรกดูจะใช้การได้ดีกว่า หาคู่ควงคู่นอนได้ง่ายกว่า แต่หากต้องการคงความสัมพันธ์ระยะยาว แบบหลังจะเวิร์กกว่า
สรุปง่ายๆ คือ หญิงอยากควงกับ bad boy แต่อยากมี nice guy เป็นหัวหน้าครอบครัวมากกว่า
ที่น่าสนใจก็คือ เว็บไซต์ heartless-bitches.com ระบุมุมมองของสาวๆ ไว้อย่างแหลมคมว่า เหตุใดหนุ่มๆ คนดีจึงมีภาพพจน์เป็นคนน่าเบื่อไปได้
ปัญหาใหญ่อาจจะอยู่ที่ “ความรู้สึกไม่มั่นคง” ลึกๆ ในใจของหนุ่มๆ พวกนี้นี่เอง
ฉะนั้นเรื่องที่ทำสิ่งต่างๆ ให้สาวๆ นั้น ก็อาจเป็นเพียงกลยุทธ์เรียกร้องความสนใจหรือการยอมรับ โดยพวกเขาก็หาได้มีความสุขกับการทำเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย
ความไม่มั่นใจนี้ยังลามไปจนเมื่อเป็นแฟนกันแล้ว ก็มีอาการเกาะติดหนึบมากจนน่ารำคาญ เพราะกลัวมีคนมาฉกและมักจะไม่ยอมตัดสินใจอะไร แต่โยนให้ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายตัดสินใจให้ตลอด โดยอ้างว่าให้เกียรติบ้าง ตามใจบ้าง ซึ่งในมุมของผู้หญิงนั้น กลับเป็นการผลักภาระจนเกินไป
แม้ว่าสาวๆ จะปลงใจไปกับหนุ่มคนดีของเธอแล้ว ก็ยังคงมีเรื่องให้ต้องกังวลอยู่นั่นเอง
ลองดูตัวอย่างในสัตว์กันก่อน มีงานวิจัยหลายชิ้นที่สรุปสอดคล้องต้องกันว่า นกหลายชนิดที่มีพฤติกรรมแบบ “ผัวเดียวเมียเดียว” ในสายตาคนทั่วไปนั้น เอาเข้าจริงแล้วผลจากการตรวจ DNA ทำให้ทราบว่า มีลูกนกจำนวนมากถึง 30% (หรือราว 1 ใน 3) ในรังที่ไม่ได้เป็นลูกของพ่อนกรังนั้น
หนุ่มแบดเบิร์ดส่วนหนึ่งจึงมักไข่ให้ตัวอื่นฟัก ลวงให้นกตัวผู้ตัวอื่นเลี้ยงลูก แล้วกรณีของคนล่ะ เหมือนหรือแตกต่างไปเช่นไร
เดี๋ยวกลับมาเฉลยกันตอนท้ายครับ
ยังมีทฤษฎีที่แปลกออกไปกว่าการมองว่าสาวๆ จะเลือกหนุ่มๆ จากบุคลิกลักษณะหรืออุปนิสัยใจคอ (ผลทางจิตวิทยา) เท่านั้น
นั่นก็คือการคัดเลือกอาจพุ่งเป้าไปที่สรีรวิทยา (physiology) ของฝ่ายชายด้วยเช่นกัน
Photo by Jonathan Borba on Unsplash
ฮีทเธอร์ รัพพ์ (Heather Rupp) นักวิจัยจาก The Kinsey Institute for Research in Sex, Gender and Reproduction ชี้ว่า มีความเชื่อมโยงอย่างชัดเจนระหว่างนิสัยของพวกแบดบอย (ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเล่ห์ หุนหัน หรือหยาบกระด้าง) กับฮอร์โมนเพศชายคือ เทสทอสเทอโรน (testosterone)
มีการทดลองให้สาวๆ ดูรูปหนุ่มๆ ปรากฏว่าพวกเธอระบุว่า หนุ่มๆ ที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจให้ชวนออกเดทนั้น เมื่อตรวจสอบก็พบว่ามีเทสทอสเทอโรนสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด และพวกแบดบอยก็มีฮอร์โมนพวกนี้สูงกว่าด้วยเช่นกันครับ
ทีมวิจัยจากสาธารณรัฐเช็กพบว่า สาวๆ ที่เป็นโสดกับที่มีคู่แล้ว ขณะที่กำลังตกไข่ (ซึ่งก็คือระยะที่พร้อมจะมีลูกมากที่สุด) กลับมีพฤติกรรมแตกต่างกัน นั่นคือพวกที่มีคู่แล้วจะหันมาชอบกลิ่นของพวกแมนๆ และชอบเอาชนะคนอื่นมากขึ้นอย่างชัดเจน
ขณะที่พวกที่เป็นโสดหรือไม่มีการตกใข่ จะไม่มีอาการดังกล่าวแต่อย่างใด การศึกษานี้ใช้วิธีเก็บกลิ่นจากหนุ่มๆ มาให้สาวๆ ดมแล้วตอบคำถาม
ระยะเวลาที่สาวๆ ที่มีพันธะแล้วกำลังตกไข่อยู่ จึงเป็นช่วงที่พวกเธอมีความเสี่ยงสูงที่อาจจะนอกใจ
ช่วงดังกล่าวยังเป็นช่วงที่พวกเธอถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้น ซึ่งก็มีส่วนทำให้ท้องได้ง่ายขึ้นอีก
มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ประเมินเรื่องความสัมพันธ์พ่อลูกของคนแบบเดียวกับนกข้างต้น มีอยู่ฉบับหนึ่งที่ระบุว่าค่าเฉลี่ยอาจสูงถึง 5% ในมนุษย์
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ศาสนาพุทธชี้ว่า การมีรักย่อมเลี่ยงการเป็นทุกข์ได้ยากนัก!
บทความนี้รวมอยู่ในหนังสือ "อย่าชวนเธอไปดูหนังรัก", สนพ.มติชน
หน้าปกหนังสือ "อย่าชวนเธอไปดูหนังรัก", สนพ.มติชน
โฆษณา