12 ก.ย. 2022 เวลา 04:08 • ธุรกิจ
จุดเริ่มต้น “เป๋าตัง” ซูเปอร์แอปของ กรุงไทย ที่คนใช้ทั่วประเทศ
ถ้าวันนี้เราหยิบสมาร์ตโฟนของเราขึ้นมา
แอปพลิเคชันที่ในสมัยนี้ หลายคนน่าจะมีติดเครื่อง คงมี “เป๋าตัง” รวมอยู่ด้วย
รู้ไหมว่า วันนี้มีคนไทยใช้แอปพลิเคชันเป๋าตัง จำนวนกว่า 34 ล้านคน
แล้วจุดเริ่มต้นของแอปพลิเคชันเป๋าตัง เป็นอย่างไร ?
BrandCase จะสรุปเรื่องนี้ให้ฟัง
แอปพลิเคชันเป๋าตัง เป็นแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินออนไลน์ ของธนาคารกรุงไทย
ซึ่งรัฐบาลใช้เป็นช่องทางสำคัญ ในการรองรับการจัดมาตรการช่วยเหลือ เยียวยาประชาชน และเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ เป๋าตัง เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง คือในปี 2562
ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลได้ออกมาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ผ่านโครงการที่มีชื่อว่า “ชิม ช้อป ใช้”
โดยคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังแนวคิดของแอปพลิเคชันนี้
คือคุณสมคิด จิรานันตรัตน์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย
ในอดีต คุณสมคิด ยังเป็นหนึ่งในคนสำคัญ ในการวางระบบ เปลี่ยนจากระบบเคาะกระดาน เป็นระบบซื้อขายผ่านคอมพิวเตอร์ ให้กับ Settrade ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
คุณสมคิด ยังเคยนั่งตำแหน่ง ประธาน KBTG ของเครือธนาคารกสิกรไทย และมีส่วนสำคัญในการวางแผนพัฒนาแอปพลิเคชัน K PLUS ที่หลายคนคุ้นเคย
1
อีกทั้งคุณสมคิด ยังมีประสบการณ์การร่วมงานกับโครงการของภาครัฐมาก่อน
แล้วก็มาคิดโครงการ ชิม ช้อป ใช้ ซึ่งก็เลยได้มาเป็นที่ปรึกษา ในการวางระบบให้ เป๋าตัง ตอบโจทย์โครงการนี้ และอีกหลายโครงการของภาครัฐ
ซึ่งเนื่องจากเศรษฐกิจไทยในตอนนั้นชะลอตัวลง จากผลกระทบของสงครามการค้า ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน
โครงการ ชิม ช้อป ใช้ จึงเกิดขึ้นมา
โดยเป้าหมายหลักของโครงการนี้คือ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ และสนับสนุนการใช้จ่ายผ่านระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง
อย่างไรก็ตาม ช่วงแรก ๆ การใช้แอปพลิเคชันดังกล่าว ก็ประสบปัญหาพอสมควร
โดยเฉพาะการที่ผู้ต้องการใช้สิทธิ์ ไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ และไม่สามารถเข้าระบบลงทะเบียน รวมไปถึงจำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการที่ยังมีไม่มาก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปีเดียวกันนี้ ทั่วโลกได้เกิดวิกฤติโรคระบาดอย่าง โควิด 19 ทำให้เศรษฐกิจในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทยได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ
พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงทำให้ในเวลาต่อมา รัฐบาลจำเป็นจะต้องมีโครงการเยียวยา และกระตุ้นกำลังซื้อตามมาอีกหลายโครงการ
เช่น เราไม่ทิ้งกัน, เราเที่ยวด้วยกัน, เราชนะ, ม.33 เรารักกัน
และที่ลืมไม่ได้เลยคือ โครงการ “คนละครึ่ง”
ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นโครงการที่ทำให้ทั้งร้านค้า และผู้จับจ่ายใช้สอยที่ซื้อสินค้าและบริการ หันมาให้ความสำคัญกับแอปพลิเคชันเป๋าตังมากขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา
เมื่อรวมกับการที่แอปพลิเคชันดังกล่าว ได้รับการพัฒนา ปรับปรุง และแก้ไข ให้มีประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น
จึงทำให้วันนี้มีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันนี้ มากกว่า 34 ล้านคน หรือมากกว่าครึ่งหนึ่ง ของจำนวนประชากรไทยทั้งประเทศ
1
วันนี้แอปพลิเคชันเป๋าตัง ทำอะไรได้หลายอย่าง มากกว่าแค่รับเงินเยียวยา เริ่มตั้งแต่
- ใช้สำหรับลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19
- ใช้สำหรับจองซื้อสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น พันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาล หุ้นกู้ของเอกชน ทองคำออนไลน์ ซึ่งช่วยเพิ่มช่องทางในการลงทุน
- ตรวจสอบข้อมูลยอดหนี้เงินกู้คงเหลือ ดอกเบี้ยสะสม วันครบกำหนดชำระ และข้อมูลการชำระเงิน ของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.
- ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ในราคา 80 บาท ที่ขายดีทุกงวดตั้งแต่เปิดให้บริการมา
- ตรวจสอบข้อมูลสิทธิและเงื่อนไขบริการด้านสุขภาพ
สรุปแล้วเราจะเห็นได้ว่า แอปพลิเคชันเป๋าตังกลายเป็นที่รู้จัก และเติบโตมากขึ้นกว่าในอดีตมาก ๆ
และหลายคนจะไม่มีติดเครื่องไว้ก็ไม่ได้ เพราะโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล ล้วนต้องใช้กระเป๋าเงินออนไลน์ ตัวนี้ในการเข้าร่วมทั้งนั้น
รวมถึงยังสามารถทำได้มากมายหลายสิ่ง ครบ จบ ในแอปพลิเคชันเดียว จนหลายคนเรียกว่าเป็น “ซูเปอร์แอป” ไปแล้ว..
 
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ปัจจุบันโครงการ คนละครึ่ง ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลได้นำมาใช้เพื่อช่วยเหลือ และบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยที่รัฐบาลช่วยจ่าย 50% และผู้ได้รับสิทธิจ่ายเอง 50%
1
วงเงินสำหรับโครงการคนละครึ่งทั้งหมดรวมกัน ตั้งแต่เฟส 1-5
คิดเป็นวงเงินรวมกัน สูงกว่า 234,500 ล้านบาท เลยทีเดียว..
1
โฆษณา