13 ก.ย. 2022 เวลา 05:00 • ท่องเที่ยว
ย้อนความทรงจำ หลงไปในคันไซ Part 1 "KOBE"
ห่างหายจากการเขียนบล๊อคไปนาน กลับมาแล้วค่ะ ปีนี้ยังไม่ได้ไปเที่ยวไหน เลยขอย้อนเวลาแบ่งปันความทรงจำที่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อปี 2561 แทน
ว่าแล้ว เราก็ไปเตรียมตัวเที่ยวกันเถอะ
1. เที่ยวที่ไหนดี ??
> เรามีโจทย์ว่า อยากไปเที่ยวที่ฮิตๆ ในภูมิภาคคันไซ และสถานที่อื่นที่ยังไม่ค่อยมีคนรีวิวบ้างเล็กน้อย เราไปช่วงวันที่ 23 มี.ค. – 1 เม.ย. 61 รวม 10 วัน กะว่าปลายๆ ทริปน่าจะได้เห็นซากุระบ้าง เลยตัดสินใจไป KOBE – OSAKA - KYOTO - WAKAYAMA – NARA ค่ะ
2. ขนอะไรไปบ้าง ??
> เอกสารสำคัญต่างๆ เช่น passport ตั๋วเครื่องบิน ใบจองที่พัก ใบรับรองการทำงานของบริษัท (เผื่อไว้ๆ)
> เสื้อผ้าตามสภาพอากาศและความขี้หนาวของแต่ละคน ก่อนไปสัก 2 อาทิตย์เราจะเช็คจากเวป accuweather อีกที และขาดไม่ได้คือรองเท้าสวยๆใส่สบายๆ เพราะงานนี้เดินเยอะแน่ๆ
> ยาสามัญเล็กๆน้อยๆ เอาติดตัวไปเผื่อไม่สบาย (เพื่อความปลอดภัย เช็คดีๆนะคะ ว่ายาอะไรห้ามนำเข้าญี่ปุ่นบ้าง)
> Internet เราใช้ sim2fly ของ AIS ค่ะ สัญญาณดี
3. ใช้ Pass อะไรดี ??
> เอาจริงๆ เราจะไม่รู้เลยว่าใช้ pass ไหนคุ้ม ถ้าไม่ได้ลองวางเส้นทางการเดินทางก่อน ซึ่งเราใช้ www.hyperdia.com (ดูราคาและระยะเวลาเดินทาง) และ google map (เรียงลำดับสถานที่เที่ยว ที่ไหนใกล้กันให้ group ไว้ด้วยกัน) ซึ่งแพลนนี้หลักๆ เราใช้ 3 Pass ค่ะ
• Rokko Tourist Pass (https://www.rokkosan.com/en/pass/) • Kansai Thru Pass 2 Day (หลักๆ ก็ใช้กับรถไฟ non JR รถบัสในคันไซ และไม่จำเป็นต้องใช้ติดต่อกันด้วย)
• Osaka Amazing Pass 1 Day (https://www.osp.osaka-info.jp/en/)
ทั้ง 3 Pass สามารถซื้อได้ที่ KANSAI TOURIST INFORMATION CENTER สนามบินคันไซ แต่ตอนนี้ราคาน่าจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วค่ะ
4. App ใช้เดินทาง มีไว้ไม่เสียหาย : ปกติเราใช้ 2 App
4.1 App Rail Map ประมาณ Hyperdia version App
4.2 Google map อันนี้ใช้บ่อยสุด นอกจากจะให้ข้อมูลแบบ App Rail Map แล้ว ยังใช้นำทางไปสถานที่ต่างๆ แบบเดินตามลูกศรใน map เอาเลยล่ะ เวลาขึ้นรถไฟหรือรถบัสก็เปิด GPS ดูได้ว่ามันไปทิศทางที่ต้องการมั้ย? ถ้าไม่ก็เตรียมกลับตัวลงป้ายหน้าเลยจ้า 55
5. จองที่พัก : เราจอง Hostel ค่ะ ทุกที่จองแบบห้องส่วนตัว 4 คน ห้องน้ำรวม จองผ่าน Agoda และ Booking โดยเลือกพักโกเบ 2 คืน โอซาก้า 6 คืน และเกียวโต 1 คืน
แต่ถึงเราจะหาจะอ่านข้อมูลมาเยอะแค่ไหน เขียนแพลนไว้ละเอียดเท่าไร พอถึงเวลาจริงมันก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้นซะหมด ต้องสลับแพลนบ้าง หลงทางบ้าง ขึ้นรถผิดบ้าง แต่มันก็เป็นสีสันของการเที่ยวด้วยตัวเองเนอะ ว่าแล้วเราก็มา “หลงไปในคันไซ” กันค่ะ!!
= DAY 1 Kansai to Kobe =
วันแรกไม่มีอะไรมาก เพราะเราเดินทางด้วย SCOOT ซึ่งมีไฟล์ทบินตอนกลางวัน ถึงสนามบินคันไซประมาณ 5 โมงเย็น แล้วก็มุ่งหน้าเข้าโกเบเลย เราเลือกซื้อ ICOCA + Kansai Airport Express “Haruka” ซึ่งจะได้ discount ticket Haruka ด้วย หรือถ้าใครมี มี ICOCA อยู่แล้วก็สามารถซื้อ diacount Haruka ได้เหมือนกันค่ะ
ไปตาม Route นี้เลย โดยต้องไปเปลี่ยนสายเป็น JR Kobe Line ที่สถานี Shin-Osaka นะ
มุมมหาชน ที่ถ่ายออกมาแล้วไม่ค่อยเหมือนที่มหาชนเขาถ่ายกัน 55
กว่าจะถึงโกเบก็มืดแล้ว เราหาอะไรกินแถวที่พักนิดหน่อยแล้วก็เดินไปดูไฟที่ Kobe Port Tower แต่ถ่ายรูปได้ไม่นานเขาก็ปิดไฟแล้ว 😭 ถ้าจำไม่ผิดเขาปิดประมาณ 3 ทุ่ม ใครอยากถ่ายรูปนานๆ ก็เผื่อเวลาไว้หน่อยนะ
มื้อแรกที่โกเบ ราเมนหอยอาซาริ
= DAY 2 Kobe =
📍Ikuta Shrine
Ikuta Shrine
เริ่มต้นเที่ยวอย่างเป็นทางการในโกเบกัน 😉 ประเดิมที่แรกที่ศาลเจ้าอิคุตะค่ะ
ศาลเจ้าอิคุตะเป็นศาลเจ้าเก่าแก่แห่งหนึ่งในโกเบ มีชื่อในเรื่องให้โชคด้านความรัก (ขีดเส้นใต้พร้อมใส่ตัวหนา 55) และขอพรด้านสุขภาพค่ะ
ตรงหน้าศาลเจ้าสักการะจะมีกล่องไม้ไว้รับบริจาคทำบุญ ส่วนใหญ่จะใช้เหรียญ 5 เยน โยนลงกล่อง เนื่องจาก 5 เยน ออกเสียงว่าโกะเอ็น พ้องกับคำที่มีความหมายว่า ‘วาสนา’ ตรงกลางเหรียญมีรู คือให้สิ่งไม่ดีลอดผ่านรูนี้ไป
ว่าแล้วก็หยิบออกมาโยนบ้าง 😆
ขณะกำลังถ่ายรูปเล่นก็ได้เห็นพิธีแต่งงานแบบชินโต เจ้าบ่าวเจ้าสาวเดินบนพรมแดงมาเลย เจ้าสาวสวมชุดกิโมโนสีขาว คลุมผ้าสีขาว สวยมาก ตามด้วยขบวนแขกเดินเข้าไปทำพิธีในศาลเจ้าค่ะ
งานทางการของญี่ปุ่นเขาใส่ชุดสีดำ ซึ่งแตกต่างจากของไทยที่จะใช้สีสัน ของไทยใครใส่ชุดดำไปงานมงคลมีโดนดีแน่
เครื่องรางรูปซากุระ น่ารักมาก เข้ากับช่วงซากุระบานเลย อันนี้ให้เป็นเครื่องรางเรื่องความโชคดี
แชะรูปซากุระระหว่างทางซะหน่อย หวังว่าวันต่อๆไปจะได้เจอมากกว่านี้นะ ^^
📍Kobe Steak land
Kobe Steak land อยู่บนชั้น 6 ของอาคาร Sannomiya Kogyo building เป็นร้านยอดนิยมอีกร้านหนึ่งที่มีทั้งคนญี่ปุ่นและต่างชาติมารับประทาน ถ้าไม่อยากรอนานแนะนำว่าให้มาก่อนเวลาหน่อยนะคะ ถึงแล้วก็ไปเขียนชื่อ จำนวนคน ในสมุดของร้านแล้วรอเขาเรียกชื่อ
เราสั่งชุด Kobe Beef Steak Lunch (กลางวันราคาถูกกว่าตอนเย็นนะ) เชฟมาทำให้ดูที่โต๊ะเลย รสชาติอร่อย เนื้อนุ่มแบบกัดเบาๆ ก็ขาด 55 ขนาดสั่งแบบ well done นะ เพราะไม่กล้ากินดิบ
📍Kitano Ijinkan
กินอิ่มแล้วก็มาเดินเล่นย่อยอาหารกันต่อที่ย่านคิตะโนะค่ะ
คิตะโนะเป็นย่านที่มีรูปทรงอาคารสถาปัตยกรรมเป็นแบบยุโรป เนื่องจากสมัยก่อนท่าเรือโกเบเป็นท่าเรือหนึ่งที่สำคัญของญี่ปุ่น จึงมีพ่อค้าชาวตะวันตกจำนวนมากเข้ามาตั้งรกราก และได้ปลูกสร้างบ้านตามแบบที่ตนเคยอาศัย
จาก Kobe Steak land เราเดินขึ้นเนินไปประมาณ 1 ก.ม. จะเจอกับบ้าน Weather clock house ซึ่งอยู่ติดกับลานแสดง Kitano-Cho Plazza จุดนี้มักจะมีนักแสดงมาทำกิจกรรมเอนเตอร์เทนนักท่องเที่ยวด้วย
เราเลือกเข้าชมบ้านแค่ 1 หลัง คือ บ้าน English House หรือ บ้าน Sherlock Holmes เนื่องจากเวลามีน้อย (เอาเวลาไปนั่งรอ steak 55 T^T)
English House หรือ บ้าน Sherlock Holmes
เดินดูทั่วๆบ้านซะหน่อย
ลองแต่งตัวเป็น Sherlock ^^
บ้านนี้มีชุดให้เราคอสเพลย์เป็น Sherlock ด้วย ข้างในบ้านแบ่งเป็นห้องต่างๆ ห้องรับแขก บาร์ ห้องน้ำ ห้องนอน ห้องอาหาร ให้ฟิลแบบเดินชมพระราชวังฤดูร้อน “พระนครคีรี” ที่เขาวัง แต่ก็มีปริศนาให้เล่นเล็กน้อย แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นนะ ดังนั้นบรัยยค่ะอ่านไม่ออก 😂
📍Mt. Rokko
ภูเขารอคโกะ มีชื่อในเรื่องการไปชมความสวยงามช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ชมวิวเมืองโกเบและอ่าวโกเบจากมุมสูง
วิธีไปที่นิยมมี 2 ทาง คือ นั่งกระเช้าจากฝั่ง Arima Onsen หรือนั่งรถรางจากฝั่งโกเบ ซึ่งเราเลือกแบบที่ 2 เพราะสามารถใช้ Rokko Tourist Pass ได้ค่ะ
วิธีเดินทาง : เริ่มจากสถานี Sannomiya นั่งรถไฟไปลงสถานี Rokkomichi จากนั้น ขึ้น City Bus สาย 16 ที่ป้ายเบอร์ 16 ไปสุดสายลงสถานี Rokko Cable Shita
สถานี Rokko Cable Shita และรถราง
เมื่อถึงสถานี Rokko Cable Shita เราจะใช้ Rokko Pass ขึ้นรถรางไปสถานี Rokko Sanjo ที่อยู่บนเขา
รถรางมีทั้งแบบเปิดโล่ง และแบบอยู่ในห้องกระจก ใครอยากดูวิวรอบๆชัดๆ นั่งแบบเปิดโล่งก็ได้ แต่พวกเราขี้หนาวเลยรีบเข้าตู้ห้องกระจกกัน แต่ตีนเขาก็สั่นกันแล้ว ขึ้นไปบนโน้นจะเป็นยังไงล่ะเนี่ย…
Rokko Pass สามารถใช้โดยสาร Rokko Sanjo Bus กี่รอบก็ได้ และใช้เป็นส่วนลดค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวบนเขา Rokko ซึ่งก็มีหลายที่ที่น่าสนใจ เช่น พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี สวนพฤกษศาสตร์ ฟาร์มแกะ ลานสกี แต่จุดหมายเราคือการดูพระอาทิตย์ตกดินและชมวิวเมืองโกเบกลางคืน จึงรีบนั่งรถบัสไปลง R07 Rokko Garden Terrance
R08 Rokko-Shidare Observatory
ใกล้ๆ Rokko Garden Terrance มีจุดชมวิวอีกที่ คือ R08 Rokko-Shidare Observatory ตอนกลางคืนจะเปิดไฟด้วย แต่เราไม่ได้เข้าค่ะ
R07 Rokko Garden Terrance
R07 Rokko Garden Terrance
ถึงแล้ว R07 Rokko Garden Terrance บรรยากาศตอนเย็น ช่วงปลายหน้าหนาวแบบนี้มันก็ได้ฟิลเหงาๆหน่อย อันนี้ถ่ายจากบนหอคอยที่อยู่ใกล้ๆ หนาวมากกกก ลมพัดทีอยากจะกรี้ด 🥶 แทบจะไม่อยากจะเอามือออกจากกระเป๋าเสื้อโค้ทเลย แต่เพื่อรูปก็ต้องอดทน เห็นจุดที่คนยืนตรงมุมซ้ายมั้ยคะ? เดี๋ยวเราจะไปถ่ายรูปตรงนั้นกัน
The Million Dollar Night View
The Million Dollar Night View
นี่แหละค่ะที่อยากมาดู จุดชมวิวบนเขา Rokko ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 3 จุดชมวิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น หรือ The Million Dollar Night View
ถ่ายรูปเล่นสักพักก็เริ่มหิว ข้างบนมีร้านอาหารที่เป็นห้องกระจกใส สามารถกินไปก็ชมวิวเมืองโกเบสวยๆยามค่ำคืนไป เราจำชื่อร้านไม่ได้ แต่อยู่ตรง Rokko Garden Terrance เลย อาหารอร่อยดี เราสั่งแบบ Set ไป มีสลัดและซุปมาด้วย แต่ด้วยความหิวเลยเผลอกินก่อนจะถ่ายรูปไว้ 55 อันแรกเป็นปลาของเราเอง อีกอันเป็นเนื้อของเพื่อน
ปิดท้ายด้วย The Million Dollar Night View ตอนกลางคืน สถานที่ต่อไปเราจะไปหลงกันต่อที่ปราสาทฮิเมจิ ค่ะ
บ๊าย บาย โกเบ ☺️
โฆษณา