12 ก.ย. 2022 เวลา 08:44 • ความคิดเห็น
ตอนทำงานหยกมีเจ้านายมากกว่าหนึ่งคน และหัวหน้างานทุกคนก็สอนวิชาชีวิตให้หยกไม่มากก็น้อย รวมถึงอีกหลายบทสนทนาที่อาจไม่ได้นำมาเขียนแต่คงจำไปใช้จนวันตาย
1. "ขอบคุณ" คำสองพยางค์ที่ทรงพลังมากที่คน ๆ หนึ่งจะให้มนุษย์อีกคนได้ มีหัวหน้าคนหนึ่งในชีวิตหยกขอบคุณทีมงานเสมอ และให้เครดิตทุกครั้งที่ทำงานหนึ่งงานสำเร็จ เขาบอกเลยว่าเขาไม่สามารถทำงานนี้เสร็จด้วยตัวคนเดียวได้ และขอบคุณ Team Effort (ความทุ่มเทกลุ่ม) ที่ทำให้งานออกมาดี ยังไม่รวมถึงหลายครั้งที่น้องในทีมทำพลาดแต่พออยู่หน้าลูกค้าเขาจะบอกว่าเขาผิดเอง ซึ่งไม่ใช่ความผิดของพี่เขาเลย "อยู่ทำผลงานดีๆด้วยกันอีกนะ" การทำงานกับหัวหน้าคนนี้จึงเป็นเรื่องที่สนุกมาก อย่าลืมขอบคุณทีมของคุณเสมอที่สู้มาด้วยกัน!
2. "อย่าหาความยุติธรรมในตัวเลขเงินเดือน" ไม่ว่าคุณจะเป็นบัญชี เลขาฯ หรือ HR มันไม่ใช่หน้าที่ของเราที่ต้องไปหาความแฟร์ว่าทำไมพี่คนนี้ทำงานน้อยได้มากนะ? โปรดรู้ว่าเงินเดือนเป็นข้อตกลงระหว่างบริษัทกับพนักงานคนนั้น ๆ ไม่ว่าเขาจะเข้ามาด้วยความสามารถหรือวาทศิลป์ ถ้าเขาไม่ใช่ของจริงการสกรีนผู้สมัครที่ไม่ผ่านออกให้ได้ระหว่างระยะทดลองงานเป็นหน้าที่และความสามารถของผู้นำในองค์กร ถ้าคุณรู้สึกว่าค่าตัวคุณแพงกว่านั้นก็เจรจาแล้วจะได้รู้ว่าบริษัทคิดแบบเดียวกันไหม?
3. เจ้านายอีกคนบอกว่า “ถ้าคิดอะไรไม่ออกมืดแปดด้าน ให้ไปนอน” การรู้ว่าต้องหยุดเมื่อไรเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ไม่ใช่หยุดแบบยอมแพ้ แต่หยุดไปถอยตั้งสติ ตั้งหลัก พักสมอง ถ้าเครื่องเรารวนอยู่แล้วฝืนไปทำต่อเราก็จะได้งานเละยิ่งกว่าเดิมจนอดรู้สึกไม่ได้ว่าทำไมความซวยมันมาเป็นซีรีย์ ในขณะเดียวกันก็มีคนที่คิดงานออกตอนใจลอยเรื่องอื่นด้วยซ้ำ เพราะสมองมันทำงานแบบนั้น ยิ่งเพ่งไอเดียยิ่งตัน บางทีก็แค่ต้องฟังสัญญาณร่างกายตัวเองบ้าง พักและถอยออกมาก่อนสมองถึงจะสามารถกลับไปเชื่อมต่อส่วนที่สร้างสรรค์และหาคำตอบให้เราได้
4. “อย่ายัดเยียดความหวังดีให้คนอื่นโดยไม่ถามเขาก่อนว่าเขาต้องการไหม” หัวหน้าที่เป็นเด็กรุ่นเดียวกันได้พูดไว้ "เราแค่อยากให้แกถามเราก่อนว่าเราต้องการแบบนี้ไหม? มันเหมือนเรากินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันแล้วแกบอกว่า น้ำตาลอร่อยว่ะ แล้วแกโบกน้ำตาลใส่จานตัวเองและจานเราด้วย" ซึ่งเพื่อนก็รู้ว่าในเราไม่ได้มีเจตนาไม่ดี เพื่อนรู้ว่าน้ำตาลอร่อย แต่วันนั้นเขาอาจจะไม่ได้อยากกินน้ำตาล เขาแค่อยากให้เราคุยกันก่อนทำ(หรือไม่ต้องทำ)
ถึงมันเกิดจากการคำนวณแล้วว่าทางเลือกนี้ดีที่สุด ณ เวลานั้น แต่โปรดใช้วิธีนี้เมื่อคุณจะเป็นคนเดียวที่ได้รับผลกระทบและไม่มีตัวละครอื่นอยู่ร่วมด้วย และเรื่องนี้ทำให้ตระหนักด้วยว่าจะมีสักกี่คนที่กล้านินทาคุณลับหลังและต่อหน้าได้ด้วยประโยคเดียวกันเพื่อดึงสติคุณกลับมาในการทำงานด้วยกันระยะยาวหรือต่อให้ไม่ได้ทำงานด้วยกันแล้วก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่
5. “เพราะการไม่โกหกเปลืองพลังงานน้อยสุดไง” อันนี้หัวหน้าครอบครัวเป็นคนพูด White Lie คือโกหกให้อีกฝ่ายสบายใจ แต่ถ้าคุณโกหกหนึ่งเรื่อง คุณเตรียมเหตุผลเรื่องสองสามสี่ไว้ประกอบเรื่องของคุณหรือยัง และเมื่อเวลาผ่านไปคุณจะสามารถจำทุกเรื่องที่คุณโกหกไว้ได้แค่ไหน
นอกจากเปลืองพลังงานคิดเนื้อเรื่องแล้ว เปลืองคะแนนความเชื่อใจถ้าถูกจับได้ด้วย ทีนี้จะทำงานด้วยกันแบบไร้รอยต่อ มองหน้ากันก็ลำบากเพราะเขาต้องมานั่งคำนวณว่าเขาไว้ใจคุณหรือคำพูดคุณได้แค่ไหน สู้คุณบอกเขาตรง ๆ ว่าคุณ “ไม่เห็นด้วย” แต่เคารพการตัดสินใจของเขาและเรามาลงมือทำ (หรือไม่ทำ) และดูผลกันเถอะยังดูจะรอดมากกว่า
ป.ล. บทความนี้เขียนขึ้นระหว่างที่กำลังรอคิว 3 ชั่วโมงที่รพ.แห่งหนึ่งในประเทศไทย ด้วยความรู้สึกพลาดมากที่ไม่หยิบหนังสือติดมือมา และไม่คิดว่าจะกินเวลานานขนาดนี้
แต่ตอนทำงานก็เหมือนกันค่ะ คุณจะมีงานหลัก และงานแทรก Ad hoc เข้ามาเสมอ คุณจะเจออุปสรรคที่ทำให้คุณควบคุมเวลาไม่ได้และคุณจะเลือกทำอะไร ในลำดับอย่างไร? ส่วนตัวทุกเช้าหยกแค่คิดว่าวันนี้เราจะทำอะไร 2-3 อย่างก็พอ เดี๋ยวงานอื่นจะเสริมเข้ามาเองไม่ต้องห่วง Enjoy Working ค่ะ
โฆษณา