15 ก.ย. 2022 เวลา 09:00 • ธุรกิจ
“BETAGRO” ผู้นำธุรกิจอาหารแบบครบวงจร สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
BTG x ลงทุนแมน
ปัจจุบันผู้คนให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยมากขึ้น
จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และโรคระบาดใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ทำให้การดูแลสุขภาพกลายเป็นเรื่องสำคัญ
ขณะที่จำนวนผู้สูงอายุก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
การเลือกซื้ออาหารที่เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงสุขภาพร่างกาย จึงต้องมีความปลอดภัย สะอาดและมีคุณภาพ
และมีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน
มีอยู่บริษัทหนึ่งเรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรธุรกิจอาหารชั้นนำแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยทางด้านอาหารระดับสูง
เป็นแบรนด์ที่ใครเห็นก็ต้องคุ้นเคย
จะเป็นบริษัทไหน ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง…
บริษัทที่พูดถึงคือ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG
เบทาโกรเป็นบริษัทอาหารชั้นนำระดับสากล ประกอบธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร
ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
โดยสามารถแบ่งธุรกิจหลักของบริษัท ออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
1. กลุ่มธุรกิจเกษตร ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์และเวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ อุปกรณ์และเครื่องมือฟาร์ม รวมถึงการให้บริการห้องปฏิบัติการ
2. กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน ผลิตและจำหน่ายเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ และปลา การแปรรูปเนื้อสัตว์เป็นผลิตภัณฑ์ปรุงสุก ผลิตภัณฑ์กึ่งปรุงสุก ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน ผลิตภัณฑ์พลอยได้ และโปรตีนทางเลือก
3. กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์การเกษตร อาหารสัตว์ การเพาะพันธุ์สัตว์ ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ อุปกรณ์ฟาร์มและผลิตภัณฑ์อาหาร รวมถึงเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ และเนื้อสัตว์แปรรูป อาหารแปรรูป โดยประกอบธุรกิจในกัมพูชา ลาว เมียนมา
4. กลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง ขนมขบเคี้ยวสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง
ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเบทาโกรล้วนอยู่ภายใต้แบรนด์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก อาทิ แบรนด์ “BETAGRO” และ “S-Pure” สำหรับผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์อนามัย เนื้อสัตว์แปรรูป และอาหารแปรรูป
และภายใต้แบรนด์ “ITOHAM” สำหรับผลิตภัณฑ์ไส้กรอกเกรดพรีเมียม
แบรนด์ “Betagro” “Balance” และ “Master” สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์
และแบรนด์ “Better Pharma” และ “Nexgen” สำหรับผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ รวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยง แบรนด์ “Perfecta” “DOG n joy” และ “CAT n joy”
แบรนด์เหล่านี้ครอบคลุมทั้งแบบพรีเมียม แบบมาตรฐาน และคุ้มค่า เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม
โดยเบทาโกรจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ทั้งในประเทศและส่งออกไปกว่า 20 ประเทศทั่วโลก โดยตลาดส่งออกหลักของบริษัท ได้แก่ ประเทศสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป ประเทศญี่ปุ่น ประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง และประเทศจีน
จะเห็นได้ว่าเบทาโกรมีความสามารถในการสร้างการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง และในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 สามารถสร้างกำไรที่ 3,892.5 ล้านบาท เติบโตอย่างก้าวกระโดดที่ +233.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความแข็งแกร่งของการดำเนินงานของเบทาโกร
2
แม้เป็นผู้ประกอบการที่เรียกได้ว่า เป็นระดับ Big Player ของตลาด
แต่เบทาโกรยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ
1
โดยเบทาโกรมีแผนการสร้างศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยเฉพาะการขยายธุรกิจอาหารแปรรูปที่ให้มูลค่าสูง (Value-added) และจับมือกับพันธมิตรในกลุ่มร้านอาหาร
ด้วยการพัฒนานวัตกรรมอาหารรูปแบบใหม่ ๆ ภายใต้แบรนด์ของกลุ่มบริษัท
และยกระดับความร่วมมือกับพันธมิตรที่ให้บริการ Food service ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
ไม่เพียงเท่านี้ เบทาโกรยังมุ่งเน้นการลงทุนและแสวงหาพันธมิตรใหม่ ๆ
โดยนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์กว่า 55 ปี มาผลักดันการขยายธุรกิจในต่างประเทศ
1
ล่าสุด เบทาโกรเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญ IPO
จำนวนรวมไม่เกิน 500 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งรวมจำนวนหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินอาจใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากบริษัทกรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน
เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการพัฒนาธุรกิจ ปรับโครงสร้างเงินลงทุน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในอนาคต
การระดมทุนครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของเบทาโกรในการสร้างโอกาสเติบโตในธุรกิจ
และเสริมศักยภาพการแข่งขันเพื่อให้เบทาโกรสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคต…
โฆษณา