14 ก.ย. 2022 เวลา 16:36 • ความคิดเห็น
ผมแบ่งคำถามใหม่เป็น 3 ส่วนนะครับ
1.คำถามประเภท”เกิดมาทำไม” เอาไปใช้ประโยชน์อย่างไร
2.”คำตอบที่ใช่” มันคืออะไรกันแน่
3. คำถามแบบไหนที่คู่ควรแก่การตอบ
1.ประโยชน์ของคำถามประเภท “เกิดมาทำไม”
คำถาม “ทำไม” มักใช้เพื่อหาสาเหตุของสิ่งนั้นๆและเมื่อเราทราบต้นเหตุที่แท้จริง เราจะปรับปรุงหรือพัฒนาสิ่งที่สนใจอยู่ได้ เช่น สาเหตุของปัญหา xxx เมื่อเราถาม ทำไมๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆจนรู้ราดของปัญหาที่แท้จริง เราสามารถแก้ปัญหานั้นอย่างถาวรได้ ตัวอย่างเช่น
ณ บริษัทผลิตกาวแห่งหนึ่ง พยายามคิดค้นกาวที่ติดทนนานดึงยังไงก็ไม่หลุดออกมาเพื่อเอาใจลูกค้า แต่ปรากฎว่าการทดลองผิดพลาดสิ่งที่ได้มากลายเป็น กาวที่ไม่ติดได้แค่แปบเดียวแถมแปะไปสักพักหลุดอีกตะหาก!! นักวิทยาศาสตร์ปวดหัวมากจนอุทานว่า “เจ้าสิ่งนี้มาเกิดมาทำไมนะ” และปิด Project นี้ไปอย่างล้มเหลว…
5 ปีต่อมา มีนักวิทยาศาสตร์รุ่นน้องมาเจอ Project นี้และถามคำถามเดียวกันว่า “สิ่งนี้มันเกิดมาทำไมนะ” ประจวบเหมาะกับเพื่อนคนหนึ่งของเขามีปัญหาเรื่องการแปะกระดาษให้ติดบนกระดานเพื่อใช้สอนหนังสือเด็กๆ แต่กาวที่สีมันแน่นไปหรือบางทีทำกระดาษขาดบางทีทำกระดานเป็นรอย และโป๊ะเชะ!! กาวที่ล้มเหลวนี้สามารถยึดกระดาษกับกระดานได้อย่างเยี่ยม ไม่ทิ้งร่องรอย และดึงออกได้ง่าย ต่อมานักวิทยาศาสตร์คนนี้ได้พัฒนากาวชนิดนี้ต่อจนเป็นสิ่งที่เรียกว่า ”Post-it”
ข้อคิดของเรื่องนี้อยู่ที่มุมมองของคนถามครับ
 
นักวิทยาศาสตร์คนแรกที่เป็นผู้คิดค้น ถามคำถามว่าสิ่งนี้เกิดมาทำไม ในมุมมองของความล้มเหลว ในมุมมองที่ผิดหวังว่าสิ่งที่ต้องการไว้ไม่เป็นจริง และมองเห็นเฉพาะข้อเสียของมัน
นักวิทยาศาสตร์คนที่สองถามคำถามเดียวกัน แต่เป็นมุมมองที่เปิดกว้าง “มันน่าจะใช้ประโยชน์อะไรได้มั้ยนะ” “มีอะไรที่เหมาะสมกับสิ่งนี้มั้ย” และมองถึงความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดของมัน ซึ่งการตอบคำถามนี้สำเร็จกลายเป็น Post it ก็คุ้มค่าอยู่นะครับ :)
สรุป คำถามว่า “เกิดมาทำไม” สำหรับผม เป็นคำถามที่คู่ควรแก่การคิดและตอบเสมอเพราะมันเป็นคำถามทรงพลังที่เปิดมุมมองและทางเลือกได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
Tip: ส่วนตัวคำว่า “ทำไม” มักเป็นคำที่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกแย่ ผมจะใช้คำว่า “อะไร” แทนเช่น ทำไมทำแบบนี้ >> อะไรทำให้คุณทำแบบนี้หรอ มันจะ soft กว่าและเหมือนเราพยายามเข้าใจเค้าอยู่
ประเด็นสำคัญไม่ใช่คำตอบแต่เป็น กระบวนการคิด ที่เราได้ลองคิดดู บางครั้งเราอาจจะได้คำตอบของคำถามอื่นแทนก็ได้ครับ
2. คำตอบที่”ใช่”
คำตอบของคำถามนี้ขึ้นกับมุมมองครับ ถ้าคุณเป็นเหมือนนักวิทยาศาสตร์คนแรกมีเป้าหมายในใจแต่พอทำไม่ได้ตามเป้าจะรู้สึกว่า คำตอบที่ได้มัน”ไม่ใช่” และบางครั้งถึงกับผิดหวังกับตัวเอง (บางคนจะพูดเท่ๆว่า ผมแค่พบวิธีใหม่ที่ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ผมต้องการ 😎)
การมีเป้าหมายเหมือนนักวิทยาศาสตร์คนแรกดีครับ แต่เราควรมีอีกอย่างหนึ่งคู่ไปด้วยคือ มองหลายๆมุม บางคนเรียกสิ่งนี้ว่า “ต้นกำเนิดของความคิดสร้างสรรค์”
ดังนั้น คำตอบที่”ใช่” คือ “ใช่” สำหรับใครหรือสิ่งใดมากกว่า แต่ทุกครั้งที่เราพยายามหาคำตอบ มันไม่สูญเปล่าแน่นอนครับ เพราะยิ่งเราคิดมากเท่าไหร่ สมองของคนเรายิ่งพัฒนาขึ้นเท่านั้น และทำให้ความจำดีขึ้นด้วยครับ ☺️
3.คำถามแบบไหนที่คู่ควรแก่การตอบ
คำถามที่เราอ่านแล้วรู้สึกว่าคำตอบของสิ่งนี้มันจะเป็นประโยชน์กับตัวเราหรือคนรอบข้าง
เช่นเวลาผมตอบคำถามใน Blockdit ผมอยากให้มันเป็นประโยชน์กับคนอย่างน้อย 1 คน เลยมักเขียนแบบนี้ 🤣
ถ้าคำถามไหนที่เราไม่รู้ว่า มันจะมีหรือไม่มีประโยชน์ ก็แค่ลองครับ ลองคิด ลองให้เวลากับมัน พอทำไปเรื่อยๆเราจะเริ่มรู้ว่า คำถามไหนที่คู่ควรในมุมมองของเราเองครับ
โฆษณา