14 ก.ย. 2022 เวลา 18:31 • หนังสือ
1) ผมมองว่าความกลัวมีสองแบบหลักๆคือ
i) กลัวโดยสัญชาตญาณ (instinct) เช่น กลัวสัตว์ร้าย หรือ กลัวโรคติดต่อร้ายแรง เป็นต้น
ii) กลัวเนื่องจากประสบการณ์เชิงลบ (choice) เช่น ตอนเด็กๆเคยโดนไก่ไล่จิก พอโตขึ้นมาเห็นไก่แล้วไม่อยากเข้าใกล้
ถ้าความกลัวเกิดจากประสบการณ์ด้านลบอันเนื่องมาจากความผิดพลาด สิ่งที่จะทำให้การเผชิญหน้ากับความกลัวได้ดีขึ้นคือการแสดงความรับผิดชอบ(taking responsibility)
โดยการเตรียมพร้อมให้มากขึ้น เมื่อท่านเตรียมพร้อมมากขึ้น ท่านก็จะมีความมั่นใจมากขึ้น และความมั่นใจที่มากขึ้น จะทำให้ท่านรับมือกับความกลัวได้
ดีขึ้นครับ
”the only thing we have to fear is fear itself”
Franklin D. Roosevelt
2) กลัว VS ขี้ขลาด
2.1) “กลัว” คือ “ทางรอด”
ความกลัวเป็นสัญชาตญาณในการมีชีวิตรอด หน้าที่ของความกลัวคือ”หยุด” ให้คุณอยู่ใน “safe zone”
2.2) “ขี้ขลาด” คือ “ทางเลือก”
นั่นคือเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณตัดสินใจแล้วว่า จะอยู่ใน “safe zone” ตลอดกาล นั่นคือ “ขี้ขลาด”
ผมชอบข้อความนี้ครับ
there are two kinds of people in the world — cowards and conquerors
คือ มีคนในโลกอยู่แค่สองประเภท — คนกล้าหาญ กับ คนขี้ขลาด
ข้อสังเกตส่วนตัวของผมคือ
“หน้า”: อัตตา หรือ ego
“ใจ”: ความกล้าหาญ
คนจริง คือ คนที่ “หน้า” เล็ก, แต่ “ใจ” ใหญ่!
ส่วนคนขี้ขลาดจะชอบแสวงหาอำนาจ!
ที่ “หน้า” ใหญ่, แต่ “ใจ” เล็ก !!!
3) ถ้า “Elon Musk” กลัว! แล้วเราจะได้เห็นรถ Tesla และ Space X งั้นหรือ?
4) ถ้าคุณกลัวว่า “ชีวิต” จะไปได้ไม่ไกลเทียบเท่าเพื่อนๆ
5) ถ้าคุณกลัว “อุปสรรค”
6) ถ้าคุณกลัว “ความพ่ายแพ้”
7) ถ้าคุณกลัว “ความตาย”
7) ถ้าคุณต้องการสร้าง “ความกล้า”
8) โปรดจำไว้ว่า
“Fortis Fortuna Adiuvat”
เข้าใจว่าเป็นภาษาละติน แปลว่า
“Fortune favours the bold”
หรือ “โชคเข้าข้างคนกล้า”
ข้อความนี้คือรอยสักบนหลังของ John Wick ซึ่งรับบทโดย Keanu Reeves ซึ่งในชีวิตจริงของ KR เขาก็สมควรเป็น badass ได้ตามความคิดของผม เพราะเขาได้รับความชื่นชมยกย่องจากเพื่อนร่วมงานว่าเขาเป็นคนนิสัยดีและทุ่มเทให้กับงานอย่างมืออาชีพ
โฆษณา