14 ก.ย. 2022 เวลา 20:15 • เพลง & ซีรีส์ เกาหลี
#ติ่งอะไรในเคป็อป
รีวิวเคป็อปอัลบั้ม (2022)
15. ATEEZ ‒ THE WORLD EP.1 : MOVEMENT (EP)
Released: 2022/07/29
Genres: hip-hop dance pop / hip-hop rock / cyberpunk-pop
Produced by eden-ary
(이든 (EDEN), BUDDY, LEEZ, Ollounder, Oliv, Peperoni, 마독스 (Maddox), 드웨인 (DWAYNE), Neko, 김홍중 (ATEEZ), 송민기 (ATEEZ))
“บทโลกตอนที่ 1 : โลกเปลี่ยนหรือเปลี่ยนโลก”
CONTENT WARNING!!
** เนื้อหานี้มีคำสบถและหยาบคายเพื่อให้การบรรยายเข้าถึงทุกอณูในแต่ละประโยคในบางส่วนของเนื้อหาที่สอดคล้องกับสิ่งที่ทางแอดมินอยากนำเสนอในรูปแบบของตนเองมากที่สุด ขอย้ำกำชับว่าทางเพจเราได้มีการติดป้ายเตือนดังกล่าวเอาไว้ก่อนพวกคุณจะเริ่มต้นอ่านเนื้อหาข้างล่างนี้เพื่อเป็นการรับผิดชอบสิ่งที่ตนเองได้ใส่เนื้อหาคำเหล่านั้นลงไปในคอนเท้นท์(แต่ก็ไม่ได้ติดในทุกๆคอนเท้นท์รีวิว) หากผู้อ่านท่านใดที่รู้สึกไม่โอเค ขออภัย ณ ทีนี้ด้วย 😭🙏 **
-
• นานพอสมควรที่ไม่ได้พูดถึง เอทีซ เพราะหลังจากซีรี่ย์พาร์ท FEVER ในอีพีสองจบไปพูดตรงๆว่าค่อนข้างผิดหวังกับคอนเซ็ปบทนี้มากเลยแหละ กลายเป็นว่าช่วงที่ผ่านมานี้เลยไม่ได้เอ็นจอยสักเท่าไหร่กับวงที่ตัวเองติดตามมาตั้งแต่เดบิวท์แรกเริ่ม อีกหนึ่งอย่างที่ทำให้ห่างกับเอทีซไปเลยคือเรื่องของ performance งานภาคดนตรีที่เริ่มออกทะเลสะเปะสะปะคุมธีมไม่อยู่หมัดชนิดที่ว่าในอนาคตหลังจากจบเรื่องนี้แล้วคงไม่มีอะไรให้น่าประทับใจเหมือนดั่งเคย
ในสมัยช่วงพีคแรกๆอย่างซีรี่ย์ TREASURE ที่แม้ว่าจะออกแนวแฟนตาซีไม่ได้เข้าใกล้กับโลกความเป็นจริงมากแต่กลับสามารถตีโจทย์ represent ได้สมญานามแก๊งค์โจรสลัดทั้งแปดหัวโดยเฉพาะ full-length อัลบั้มแรกที่สามารถปิดจบเรื่องราวของทั้งหมดได้โดยสมบูรณ์ที่ไม่จำเป็นต้องมีการสานต่ออย่าง EPILOGUE ก็ยังได้ แต่พอมาลองเล่นแนว coming of age ในเรื่องราวพาร์ทต่อไปกลับกลายเป็นขั้วตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
ทุกสิ่งทุกอย่างดูเบาบางไร้ซึ่งเอกลักษณ์ความเป็นเอทีซทั้งหมด จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงตีตัวออกห่างไม่พูดถึงเหมือนเดิม แต่ก็รู้สึกดีใจลึกๆนะว่าในที่สุดไอ้เรื่องราววัยรุ่น(ฉบับป่วยเหมือนชื่อซีรี่ย์)แม่งจบลงสักกะที!! /ยิ้มมุมปากแล้วโบกมือลา
Deja Vu | FEVER PART.3 (2021)
• การเข้าสู่ช่วง era เรื่องราวใหม่คราวนี้จะมองว่ามันเป็นแรงกดดันจากการที่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งก็คงใช่ว่าครั้งนี้มันจะอัพเกรดขึ้นหรือถอยหลังลงไปเรื่อยๆ พูดให้เชื่อเลยแล้วกันว่าพอรู้เรื่องที่จะคัมแบ็คเส้นเรื่องใหม่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรสูงอยู่แล้วด้วยเพราะผลงานที่ผ่านมามันก็ประจักษ์สายตาและหูตัวเองซะจนไม่รู้สึกตื่นเต้นห่าเหวอะไรไปเลย ใครจะมองเรื่องการเติบโตในด้านฐานแฟนคลับทั่วโลกที่มากขึ้นก็ช่างประไร
เพราะส่วนตัวตัดทางโลกตรงนั้นออกก็ยังให้ความคิดเดิมว่ามันไร้ซึ่งความตื่นเต้นเหมือนแต่ก่อนแล้ว ส่วนที่รู้สึกพอยิ้มออกมาได้ในฐานะแฟนคลับที่ตามมานานคงเป็นการพากันเข็นอีพีอัลบั้มตัวนี้ขึ้นเปิดตัวอันดับ #3 บนชาร์ต Billboard 200 ในวีคเดียวกันกับตัวแม่ผู้ทรงอิทธิพลอย่าง Beyoncé ที่รู้อยู่แก่ใจว่าให้ตายก็สู้เจ๊แกไม่ได้อยู่แล้วแต่ก็พอให้มีพื้นที่สื่อจากฝั่งโน้นได้พูดถึงผ่านๆ เห็นการเติบโตในด้านกระแสที่ก้าวกระโดดมากขึ้นอีกหนึ่งขั้น
Answer | TREASURE EPILOGUE : Action To Answer (2020)
• THE WORLD ในชื่อไตรภาคใหม่คราวนี้ที่กลับมามองสภาพแวดล้อมรอบตัวที่มันเริ่มชักจะไม่ใช่ในสิ่งที่เราคาดหวังเอาไว้สูงอีกต่อไป เป็นการดำเนินเรื่องราวที่มีความผสมผสานของ dystopia-cyperpunk สอกแทรกในการเล่าเรื่องโดยยังคงมีปริศนาไอ้เจ้าหน้ากากชุดสูทสีขาวลอยหน้าลอยตาอยู่ในเรื่องราวของเอทีซ จะว่าคนๆนี้เปรียบเสมือนพระเจ้าซัมติงสักอย่างที่ลงมาสำรวจดูโลกมนุษย์ในแต่ละยุคก็คงพูดได้ไม่เต็มปากว่ามันถูกต้องเป็นแน่แท้
ที่คาดเดาได้ว่าน่าจะเป็นพระเจ้าเพราะช่วง ending ในเอ็มวี I’m the one ที่ต้นไม้โดนไฟเผามันก็สอดคล้องกับตำนาน adam & eve อยู่เป็นนัยยะแฝงเล็กน้อย แม้ว่าตอนนี้ในปลายทางมันจะยังเป็นปริศนาว่าบุคคลนี้มีตัวตนที่แท้จริงแบบไหนแต่มันก็พอเป็นหนึ่งจุดที่ยังคงรั้งให้คนอยบากติดตามและหาคำตอบไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงตอนจบ
Fireworks (I'm the one) | FEVER PART.2 (2021)
• ด้วยเรื่องราวในครั้งนี้ที่เอทีซเลือก represent เป็นคอนเซ็ปหลัก ณ ตอนนี้มันก็ทำให้นึกถึงเกิร์ลกรุ๊ปเมทัลร็อคอย่างแก๊งค์ Dreamcatcher ที่ได้หยิบใช้คอนเซ็ปเรื่องราวความเป็น dystopia ในเรื่องราวครั้งใหม่อย่าง Apocalypse และจุดจบสายแม่มดรูปแบบ cyperpunk ในอีพีอัลบั้ม Road to Utopia มาก่อนหน้านี้แล้ว เรื่องราวของทั้งคู่มันไม่ได้มีสายเชื่อมโยงกันอยู่แล้วร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ด้วยความที่ทั้งสองวงต่างก็มีจุดศูนย์กลางร่วมกันอย่างโปรดิวเซอร์ LEEZ, Ollounder ที่ทำงานให้ตลอด
มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรที่อาจจะหยิบนำคอนเซ็ปของวงรุ่นพี่มาปรับใช้ให้กับรุ่นน้องแล้วเล่าเรื่องราวผสมผสานที่สามารถต่อขยายความได้มากกว่าในจักรวาลของตนเอง อีกอย่างมันเป็นเรื่องราวที่ใครก็สามารถหยิบมาเล่าก็ได้ไม่มีผิดไม่มีถูกอยู่ที่ว่าการตีความของแต่ละเรื่องมันมีเป้าหมายเพื่ออะไร ประเด็นส่วนนี้มันอาจจะไม่ได้ช่วยทำให้เพิ่มความน่าติดตามมากนักแต่ก็พอทำให้ใจมันเริ่มคาดหวังขึ้นมาได้นิดนึงแล้วว่า เอทีซอาจจะกลับมาทำเพลงคุมธีมเหมือนซีรี่ย์ TREASURE อีกครั้งก็ได้
DREAMCATCHER : MAISON (2022)
• ในบทย่อยแรกของ THE WORLD กับการใช้ชื่อพาร์ทนี้ว่า MOVEMENT ถือว่าเป็นการเปิดฉากเรื่องราวที่พอเค้าความเป็นไปได้และแอบสอดคล้องกับความเป็นจริงอยู่ไม่มากก็น้อยแหละ แม้ว่าจะดูข้ามขั้นตอนของการแสดงจุดยืนซึ่งมันเป็นสิ่งที่ควรจะเป็นจุดตั้งต้นในอันดับแรกก็ตาม แต่คิดว่าตรงส่วนนี้คงได้มัดรวมอยู่ใน trailer ที่เป็นการประกาศศักดิ์ดาจุดยืนตัวเองว่าพร้อมจะออกมาเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้
จุดหมายเริ่มต้นเลยกลายเป็นมาเป็น การขับเคลื่อน ซึ่งก็ทำให้พอเข้าใจได้อยู่เล็กน้อยเพราะทั้งแปดคนต่างก็มีจุดยืนในการขับเคลื่อนและปฏิวัติของตนเองร่วมด้วยกันในเรื่องราวครั้งนี้ แล้วในบทที่หนึ่งนี้เลยเป็นดั่งจุดสตาร์ทแรกที่นอกจากจะได้เห็นเป้าหมายของเอทีซในซีรี่ย์อย่างเป็นรูปธรรมพอสมควรแล้ว เรายังได้เห็นอะไรที่มันสดใหม่มากขึ้นที่อาจจะทำให้ลืมเรื่องราวไตรมาสวัยรุ่นแบบสนิทกลบลงดินฝังให้มิดไปเลยก็ได้
THE WORLD EP.1 : MOVEMENT (2022)
พูดกันตามตรงเลยว่าแอบเสียวสันหลังอยู่ไม่น้อยถ้าหยิบประเด็นแนวนี้ออกมาเป็น topic ร่วมแล้วดันไม่ปิ๊งต่อคนอ่านแม่งจะกลายเป็นการขุมหลุมฝังตัวเองชัดเจน ด้วยเรื่องราวที่มันอาจจะสามารถเล่นไปถึงการเมืองด้วยก็ยังได้แต่ไม่รู้ว่าจุดประสงค์หลักของจักรวาลเอทีซในคราวนี้จะแตะถึงจุดนั้นหรือเปล่า คิดว่าอะไรที่มันพอจะสามารถอธิบายในทิศทางที่ไปกับเนื้อหาได้ก็จะอธิบายอย่างเข้าใจมากที่สุด ผิดพลาดหรืออะไรก็ช่วยกันเสริมเข้ามาได้เลยนอกจากได้แลกเปลี่ยนความเห็นแล้วนี่จะได้มีความรู้เพิ่มขึ้นมาในหัวสมองนี่อีกด้วย
• PROPAGANDA อินโทรโฆษณาชวนเชื่อตอบโจทย์ชัดเจนด้วยซาวนด์ไซเบอร์ๆเล่นใหญ่แต่ไม่ได้เป็นการโฆษณาเพื่อให้คนฟังเกิดความหลงเชื่อในสิ่งที่พูดออกไป กลับกันมันคือการประกาศจุดยืนของตนเองอย่างชัดเจนไปด้วย หันหลังให้กับอุดมการณ์ของฝ่ายตรงข้ามที่หลอกลวงผู้คนว่าจะทำให้เกิดความสงบสุขในวันข้างหน้า อย่างที่บอกไปว่าการแสดงจุดยืนมันก็ถือว่าเป็นการมัดรวมอยู่ในสับเซ็ตของการที่จะปฏิวัติในขั้นตอนแรกไปในอีพีแรกมัดรวบทีเดียวไปเลย อ่านตรงนี้กันแล้วเลยพอเห็นภาพขึ้นมากันบ้างไม่ใกล้ไม่ไกลนี้
• SECTOR 1 แทร็คที่เก็บบ่มเพาะมาเป็นเวลานานกว่าสามปีจากที่เคยสปอยล์ใน ending เอ็มวีเพลง Answer ที่มีหน้ากากเพชรสูทขาวโผล่ออกมาในช่วงที่เห็นทุกอย่างในไตรภาคนั้นเกิดการล่มสลาย พอมาถึงเรื่องราวในคราวนี้ก็ได้เวลาปล่อยเต็มตัวสักที สิ่งที่ชอบมากสุดในแทร็คนี้คงเป็นองค์แรกของบีทที่มาในแบบ slow dark ฟีลลิ่งน่าค้นหาเหมือนเนื้อหาที่พยายามตามล่าหาคำตอบแห่งการล่มสลายบนโลกใบนี้ เป็นความรู้สึกที่ห่างหายไปนานนับตั้งแต่ Hala Hala อยู่เหมือนกัน
แต่ที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยคือการไต่ระดับบีทไปจนถึงฮุคที่ทำให้องค์แรกปูมาอย่างดีแล้วดับวูบกลายเป็นซาวนด์อีดีเอ็มตึ้บๆที่แอบเชยไปหน่อย มองในแง่ดีมันดูเป็นการผสมผสานบีทระหว่างยุค TREASURE EP.1 กับ EP.2 พอเป็นฟีลลิ่งคิดถึงยุคเดบิวท์อยู่รำไรแต่เพราะ Hala Hala ดันเป็นผลงานที่ทำออกมาได้ล้ำกว่ามากกกกกก ผลสรุปของแทร็คนี้เลยกลายเป็นความแอบล้าสมัยไปโดยปริยาย เสียดายอยู่เหมือนกันมันเกือบจะเป็นการเปิดตัวที่ดีแล้วแท้ๆ
• CYBERPUNK ซาวนด์อีดีเอ็มป็อปสไตล์ cyber-wave ตามชื่อเพลงอย่างตรงตัว นี่คือแทร็คแห่งการก้าวเข้าสู่ยุค cyberpunk-dystopia อย่างเต็มรูปแบบ เบิกเนตรและตื่นรู้กันให้เห็นชัดเจนว่าปัจจุบันโลกของเรามันเละมากขนาดไหน ค่อยเป็นการชูโรงยืนหนึ่งในช่วงต้นได้ดีที่พอแก้มือในแทร็คลำดับต้นๆได้มากขึ้น เป็นการพาคนฟังไปสำรวจพื้นที่และสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความมืดมนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป
• GUERRILLA แปรพรรคตัวเองเป็นดั่งกองโจรด้วยอุดมคติที่ว่าชีวิตของคนบนโลกใบนี้ต้องได้รับอิสรภาพโดยแท้จริง ไม่ต้องถูกผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าตัวเองแต่ดันใช้อำนาจนั้นในทางที่ผิดคอยกดขี่ไปตลอด กลับมาบีทตึ้บๆแต่หนักแน่นไปด้วยสไตล์ hybrid-rock กลิ่นอาย psychedelic จือปนแต่ก็ไม่ละทิ้งความเป็นฮิปฮอปแดนซ์ สมกับเป็นแทร็คเซ็นเตอร์ทั้งหมดของอีพีอัลบั้มชุดนี้และไม่แปลกใจที่เลือกเพลงนี้เป็นซิงเกิ้ลโปรโมทหลักด้วย
เพราะมันตอบโจทย์ทุกสิ่งทุกอย่างในภาพรวมของอีพีอัลบั้มครั้งนี้ได้ครอบคลุมมากที่สุดทั้งตัวเนื้อหาและบีทที่โคตรเข้มข้น อะไรแบบนี้แหละที่แม่งโคตรจะโหยหามาเนิ่นนานเหลือเกิน เป็นการขับเคลื่อนกำลังพลของแก๊งค์โจรสลัดทั้งแปดที่มันจะต้องแลกมากับความวุ่นวายในอนาคตข้างหน้าแต่ย่อมดีกว่าการต้องหลับหูหลับตากับสิ่งแวดล้อมรอบด้านที่โลกใบนี้มันไม่ควรจะเป็นไปมากกว่านี้แล้ว ห้าวหาญสมกับเป็นเอทีซมากๆ
춤을 춰 Break that wall
우리 Feel로
세상을 바꿀
We are the Guerrillas
GUERRILLA (2022)
• THE RING บีทกับการดีไซน์ทุ้มๆโชว์ powerful ผสมกับ auto-tune ให้ดูมี layer พร้อมไฟท์มากับเนื้อหาและชื่อแทร็คที่เดาได้เลยว่าต้องได้รับ inspired จากภาพยนตร์แฟนตาซีในตำนานอย่าง The Lord of the Ring เป็นแน่แท้ เล่นกับการเกิดสงครามการชิงแหวนต่างๆที่พร้อมต่อสู้และเป็นโล่ป้องกันในคราวเดียวกันเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกให้กลับคืนสู่สภาวะแห่งความสงบและอิสรภาพ
สิ่งที่ไมชอบมากสุดในตัวเพลงนี้คือ transition มินกิไปฮงจุงในแร็ป verse 2 ของเพลง เหตุผลง่ายๆเลยคือเจ้าตัวดีไซน์พาร์ทนั้นไม่ค่อยเข้าปากกับบีทอย่างแรง กลายเป็นว่าจุดนั้นทำให้เสียมู้ดไปแต่ก็ไม่ทั้งหมดเพราะมันเป็นจุดบอดแค่พาร์ทเดียว เป็นเพลงที่ท่อนฮุคแบกสุดๆแล้ว นอกนั้นอยู่ในระดับที่พอฟังและคล้อยตามได้
• WDIG (WHERE DO I GO) ท่ามกลางสงครามที่กำลังก่อตัวขึ้นอยู่ก็เกิดความสับสนในส่วนลึกของความคิดและจิตใจตัวเอง ซาวนด์มาในสไตล์แนวสเต็ปแดนซ์ uptempo แล้วเข้าฮุคด้วยกึ่ง edm punk-rock เล่นกับ transition การชะงักแบบ roller coaster ในความรู้สึกที่ว่าด้วยสิ่งที่เลือกเดินอยู่ตอนนี้มันกำลังจะพาเราไปยันที่ๆดีกว่าเดิมแล้วจริงหรือเปล่า
สไตล์แร็ปฮงจุงยังคงแก้มือตัวเองด้วยการใช้ดีไซน์ต่อจากแทร็คที่แล้วเป๊ะเพียงแต่ในคราวนี้กลับดูเข้ากันไปกับบีทได้มากกว่าแม้ว่าจริงๆแล้วเพลงนี้ไม่ค่อยเน้นพาร์ทแร็ปแบบโดดเด่นมากนักแต่ก็ถือว่าไม่หายไปจากสาระบบเท่าที่ควร
• NEW WORLD แทร็คปิดบทเริ่มต้นที่แอบเป็นทั้งบทสรุปกรายๆแบบปลายปิดแต่ในขณะเดียวกันมันก็ยังคงเป็นปลายเปิดไปสู่บทต่อไปของเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงโลกด้วยเช่นกัน แทร็คที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความหวังปลายอุโมงค์ว่าโลกใบใหม่(อิสรภาพ)ที่พวกเราได้เริ่มนั้นมันอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมมือ ความเดือดทะลุสุดขีดของซาวนด์ edm-hard rock ใส่เต็มไม่ยั้งมือ เป็นแทร็คลำดับต้นๆจากทั้งหมดที่ให้ความรู้สึกแบบ แม่ง! นี่แหละเอทีซ 100%
ด้วยความหวังแรงปราถนาที่บอกว่ามันคือเส้นทางปลายอุโมงค์เพราะในความเป็นจริงแล้วแม่งก็ยังมีคนเลือกหลับหูหลับตาไปกับอุดมการณ์หลอกลวงอยู่ดี การดีไซน์ทั้งพาร์ทโวคอลและแร็ปไปในโทนฮึกเหิมเหมือนเป็นการปลุกไฟในตัวเองชัดเจนในอุดมการณ์ที่เลือกอย่างแน่แท้แต่ก็แฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราดข้างในที่อยากระบายใส่ให้คนทั้งโลกได้ตื่นกันสักทีว่าสิ่งที่มึงกำลังเชื่ออยู่แม่งไม่ใช่อย่างที่มึงคิดทั้งหมด first impression มากที่สุดในอีพีนี้แล้ว ปลายปีนี้มีติด top list songs แน่นอน
Open up your eyes, Open up your mind
Oh New World
천둥처럼 깨워 세상을 We are
폭풍처럼 막을 수 없어 We are
NEW WORLD (2022)
THE WORLD EP.1 : MOVEMENT (2022)
• จะพูดว่านี่คือการกลับมาและเริ่มต้นไตรภาคครั้งใหม่ที่สร้างความเซอร์ไพร์สจากที่เคยหมดความคาดหวังไปแล้วก็พูดยากอยู่แต่ถ้าพูดในความระดับความพึงพอใจละก็.. คราวนี้เป็นการคัมแบ็คที่ทำให้รู้สึกได้เลยว่า เอทีซเริ่มกลับมาเป็นตัวตนดั้งเดิมของตัวเองได้อีกครั้งแล้ว ตัวตนที่ใครต่างโหยหาและคิดถึงกันในยุค TREASURE era นี่แหละคือสิ่งที่ได้รับมาในอีพีอัลบั้มชุดนี้ ความเข้มข้นและสไตล์ที่ฟิวชั่นในเวย์ฮิปฮอปแดนซ์บอยผนวกด้วยเรื่องราวแนวกึ่งแฟนตาซี เพิ่มเติมคือเลเวลที่ถูกอัพเกรดมากขึ้น
เลยจุดช่วงผ่านความเป็น coming of age มีจุดยืนและความชัดเจนของตัวเองอย่างแน่วแน่ ต่อให้จะบอกนี่คือการกลับมาเป็นตัวตนดั้งเดิมแรกเริ่มของวงแต่มันก็เป็นการผสมผสานอีกหนึ่งด้านของ FEVER era ที่พังไม่เป็นท่าได้อย่างแนบเนียบมากขึ้นเสมือนแผลได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีและดีกว่าเดิม
THE WORLD EP.1 : MOVEMENT (2022)
• สิ่งที่ไม่พลาดและไม่ควรถูกมองข้ามเป็นจุดไฮไลท์เลยคือภาคดนตรีในภาพรวมทั้งหมด 7 แทร็คที่บรรจุมาแล้วไม่เป็นเหมือนผลงานจับยัดที่อยากจะใส่อะไรก็ใส่ลงไปให้คนฟังราวกับเป็นต้มจับฉ่ายที่ไม่ได้มีสูตรตายตัวว่าจะใส่วัตถุดิบอะไรลงไปแบบชัดเจนออกแนวฟีลโยนๆ ลองมองให้เห็นภาพตามกันในอีพีอัลบั้มชุดนี้ นี่ก็คืออาหาร แกงส้ม ที่รู้อยู่แล้วว่าส่วนผสมบางชนิดจะใส่มันลงไปในหม้อหรือไม่ต้องก็ยังได้ไม่มีวัตถุดิบตายตัวเหมือนจับฉ่าย
แต่ในตัวแปรสำคัญที่จะทำให้รสชาติมันจัดจ้านสมกับเป็นแกงส้มนั่นก็คือ เครื่องพริกแกง ที่ร้อนแรงเป็นดั่งแกนกลางสำคัญของงานดนตรีในคราวนี้ที่เลือกหยิบจับแนวร็อคมาเป็นหนึ่งในส่วนผสมหลักแล้วใส่ในหม้อกับเหล่าวัตถุดิบต่างๆที่กำลังเดือดและรอเวลาได้ที่แล้วจึงตัดเสิร์ฟรับประทาน แม้ว่ามันจะเป็นแกงส้มที่รสชาติจัดจ้านแต่ก็เป็นแกงส้มที่จัดจ้านในสไตล์ของ คนภาคกลาง เพราะส่วนผสมบางอย่างก็ยังไม่สามารถเข้าไปถึงเครื่องพริกแกงหรือชูวัตถุดิบในอาหารจานนี้ได้ทุกอนูภาค
THE WORLD EP.1 : MOVEMENT (2022)
• เพราะด้วยความ THE WORLD era มันเป็นสิ่งชัดเจนมากด้วยว่านี่คือเนื้อหาแนว sci-fi fantasy จ๋าๆ เป็นการบอกกล่าวกันล่วงหน้าให้ทำใจไปเลยแล้วกันว่ายังคงไม่หลุดออกจากกรอบแนวนี้อยู่ดีแค่พยายามสร้างมิติใหม่ของตัวเองขึ้นมาเพื่อขยายความไตรภาคให้มันเป็นฟอร์มยักษ์มากขึ้น ประเด็นตรงนี้แหละมันเลยเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นจุดอ่อนไปหน่อย
ภาคเนื้อหาบริบทภาพรวมที่เอาเข้าจริงมันดันสรุปได้เลยว่าเอทีซก็ยังคงไม่ได้เลือกหยิบเอาความเป็นจริงของคอนเซ็ป dystopia มาพูดถึงในเชิงลึกหรือดาร์คกว่านี้ พูดในแง่มุมหนึ่งคือกำลังเล่าเรื่องราวของตัวเองในเวย์ของพาร์ทแฟนตาซีที่จะทำให้มันไปจนสุดทาง
แต่ในทางเดียวกันนั้นเรื่องราวของความเป็นจริงแม่งกลับสั้นเพียงแค่ไม่ถึงครึ่งในส่วน 10 ด้วยซ้ำไป หลายๆอย่างใน era นี้มันยังไม่ส่งให้เอทีซก้าวออกสู่เขตของจินตนาการแล้วหันมามองดูสิ่งแวดล้อมในความเป็นจริงบนโลกมนุษย์ที่บางครั้งแม่งก็ไม่ได้ต่างอะไรกับยุคล่มสลายเลยด้วยซ้ำไป
แค่ยังต้องใช้ชีวิตไปเรื่อยๆรอจนกว่าจะถึงวันนั้นขึ้นมาของจริง ต่อให้มีภาคดนตรีมาหักล้างแต่เนื้อหาแอบสวนทางช็อตฟีลเล็กน้อยมันก็ยากที่จะพูดว่าสมบูรณ์แบบโดยแท้จริง.. ในขณะเดียวกันก็กลับมองเห็นถึงความมุ่งมั่นในตัวของเอทีซที่พร้อมจะทำให้โลกภายใต้ในสภาพยุคย้ำแย่ให้กลายเป็นโลกยุคใหม่ที่ทุกคนต่างมีชีวิตและทางเลือกเป็นของตัวเอง แต่ยังไงซะ ณ เวลนี้โลกในนิยามของเอทีซแม่งก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามอุดมการณ์ของทั้งแปดคนอยู่ดีแม้จะเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเล็กน้อยก็ตาม
“อย่างแรกเลยต้องทำให้ตัวเองลืมตาดูโลกแห่งความเป็นจริงกันเสียก่อน”
Score : 7.5/10
Top Tracks : CYBERPUNK, GUERRILLA, WDIG (WHERE DO I GO), NEW WORLD
thank u for reading 🙏
ถ้ามีคำหรือประโยคไหนที่ใส่มาเพื่อความอรรถรสแล้วไม่ถูกใจผู้อ่านทุกท่านขออภัย ณ ที่นี้ด้วย
-
โฆษณา