18 ก.ย. 2022 เวลา 06:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
BBL หุ้นแบงก์สุดแข็งแกร่ง !! ราคาหุ้นไม่แพง เติบโตได้อีกยาว เหมาะลงทุน “หุ้นตัวแรก”
การเลือกลงทุนในหุ้นตัวแรกสำหรับนักลงทุนมือใหม่เป็นสิ่งสำคัญ เพราะถือเป็นก้าวแรกในการเริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งหุ้นที่เลือกลงทุนเป็นตัวแรก อาจเกิดจากหลายเหตุผล ทั้งความชอบส่วนตัว เป็นธุรกิจที่คุ้นเคย หรือมีเพื่อนแนะนำ แต่เหตุผลที่นักลงทุนควรเลือกหุ้นตัวแรกนั้น ควรมาจากพื้นฐานทางธุรกิจ ประกอบกับแนวโน้มการเติบโตในอนาคต และราคาหุ้นยังต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการลงทุนด้วย
ซึ่ง BBL หรือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในหุ้นที่มีความครบเครื่อง ทั้งในด้านปัจจัยพื้นฐานและราคาหุ้น โดยคุณอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ให้มุมมองกับ Wealthy Thai ว่า BBL เหมาะจะเป็นหุ้นตัวแรกสำหรับนักลงทุน เพราะเป็นธนาคารที่มีความแข็งแกร่งด้านคุณภาพสินทรัพย์ เนื่องจากสินเชื่อส่วนใหญ่เน้นไปที่สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ราคาหุ้นที่ไม่แพง และมีแนวโน้มการขยายตัวตามเศรษฐกิจทั้งในไทยและอินโดนีเซีย
ขณะเดียวกันประเด็นที่ต้องระมัดระวังสำหรับนักลงทุนมือใหม่ในการลงทุน BBL คือ การลงทุนในต่างประเทศ จากการที่ธนาคารมีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งมีการขยายธุรกิจไปลงทุนยังต่างประเทศ ทำให้ธนาคารมีการขยายไปยังต่างประเทศมากขึ้น ทั้งในส่วนของการเปิดสาขา และการเป็นธนาคารท้องถิ่น
โดยล่าสุดได้เข้าซื้อธนาคารเพอร์มาตา (PT Bank Permata Tbk) ในอินโดนีเซีย เพื่อสร้างรากฐานและการเติบโตที่มั่นคงตามแนวทางของ BBL ซึ่งในความเห็นของฝ่ายวิเคราะห์ มองว่าการขยายไปยังต่างประเทศ เป็นได้ทั้งโอกาสและความเสี่ยง ดังนั้นต้องรอติดตามว่าการลงทุนที่เกิดขึ้นจะมีการดำเนินงานและให้ผลตอบแทนอย่างไร
ในส่วนของแนวโน้มการเติบโตในปี 65 นักวิเคราะห์จากบล.พาย ระบุว่า การตั้งสำรองหนี้ฯ ในครึ่งแรกของปีนี้ของ BBL มีน้ำหนักมาก เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับงบดุล โดยธนาคารยืนยันว่าเป้าหมายการตั้งสำรองหนี้ฯ จำนวน 2.6 หมื่นล้านบาทนั้นเพียงพอต่อการสนับสนุนการเติบโตในอนาคตและพอรับมือกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นด้วยการตั้งสำรองหนี้ฯ
ที่ลดลงและรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 65 จึงคาดว่ากำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีหลังจะโต 17% จากครึ่งปีแรก และโต 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 2565 จะโตขึ้น 15% และ 11% ในปี 2566
โดยยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่มูลค่าพื้นฐาน 159.00 บาท สะท้อนจาก งบดุลที่ยืดหยุ่นดี ด้วยอัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้ฯ ระดับสูงและฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคต การเติบโตของกำไรสุทธิที่มั่นคง และประโยซน์ที่อาจได้รับจากดอกเบี้ยขาขึ้นที่น่าจะช่วยหนุน NIM ดีขึ้น ขณะที่มูลค่าหุ้นยังน่าดึงดูดด้วยการซื้อขายที่ 0.5x PBV'22E หรือ -1.0SD ต่อค่าเฉลี่ย
โฆษณา