🇻🇳 หุ้นเวียดนามยังแกร่ง พร้อมชนทุกอุปสรรค!
หุ้นเวียดนามมันดียังไง? ทำไมถึงมีแต่นักวิเคราะห์ที่เชียร์ 🤔
คุณคงรู้กันอยู่แล้วว่าทำไมหุ้นเวียดนามถึงน่าลงทุน เพราะมีบทวิเคราะห์ที่อธิบายเรื่องนี้มากมายตามท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็น GDP ที่เติบโตสูง มีบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนมากมาย หรือประชากรที่ยังหนุ่มยังสาว
แต่การลงทุนระยะยาวในหุ้นเวียดนามนั้นจะยาวได้สักแค่ไหน และจะยาวไปถึงเมื่อไหร่ กลับไม่ค่อยมีคนพูดมากนัก ซึ่งการจะตอบคำถามนี้ได้ คุณต้องเข้าใจเรื่องโมเดลการพัฒนาประเทศแบบง่ายๆ ก่อน ⚙️
ซึ่งเป็นเรื่องที่วันนี้เราจะอธิบายให้ฟังครับ ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลย
🏗️ พิมพ์เขียวการพัฒนา: ค่าแรงต่ำ ➡️ รับจ้างผลิต ➡️ คิดค้นเทคโนโลยี
ในการพัฒนาประเทศ ส่วนใหญ่จะมีโมเดลคล้ายๆ กัน คือการใช้จุดเด่นเรื่องค่าจ้างแรงงานที่ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ มาเป็นตัวชูโรงครับ 👷
ค่าแรงที่ต่ำจะดึงดูดให้บริษัทต่างชาติเข้ามาตั้งฐานการผลิตเพื่อส่งออก ประชาชนในประเทศก็จะเริ่มมีงานทำ มีรายได้มาจับจ่ายใช้สอย ภาคธุรกิจก็จะลงทุนมากขึ้นเมื่อเห็นว่าสินค้าขายได้ ลูกค้ามีกำลังซื้อ 🛍️
การมีบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนตอนเศรษฐกิจเติบโตจะทำให้ภาครัฐเก็บภาษีได้มากขึ้นเพื่อนำไปใช้ลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเอื้อต่อการทำธุรกิจต่อไปอีก ไม่ว่าจะเป็นถนน ท่าเรือ สนามบิน รถไฟ ฯลฯ 🛬
และขั้นตอนสุดท้ายก็คือเมื่อมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนค่าแรงสูงขึ้นทัดเทียมกับประเทศอื่นๆ บริษัทต่างชาติก็จะย้ายไปลงทุนในประเทศที่ค่าแรงต่ำลงใหม่
ถึงตรงนี้จะเป็น ‘จุดวัดใจ’ ของประเทศที่ใช้โมเดลแบบนี้ เพราะถึงเวลาที่บริษัทในประเทศต้องประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยีเป็นของตัวเองขึ้นมาให้ได้ เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตต่อแม้ว่าบริษัทต่างชาติจะย้ายฐานการผลิตไปแล้ว
ถ้าผ่านไปได้ ประเทศนั้นก็จะเดินหน้าพัฒนาต่อด้วยการผลิตสินค้าเทคโนโลยีนั้นๆ ในประเทศตัวเองหรือต่างประเทศที่ค่าแรงถูก แบบที่ญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้เคยทำได้มาแล้ว 💫
แต่ถ้าผ่านไปไม่ได้ ประเทศนั้นก็มีโอกาสติดหล่มการพัฒนาสูง หรือที่เราเรียกว่า ‘ติดกับดับรายได้ปานกลาง’ หรือ Middle-income Trap เพราะเป็นคนรับจ้างผลิตมาตลอด แต่ไม่ได้ประดิษฐ์เทคโนโลยีของตัวเองขึ้นมาเลย เมื่อค่าแรงสูงแล้วใครที่ไหนจะใช้เป็นฐานการผลิต จริงไหมครับ
ซึ่งไทยก็ใช้โมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจแบบนี้ และปัจจุบันเวียดนามก็ใช้โมเดลเดียวกันเป๊ะ
🏁โมเดลที่เล่าไปด้านบนฟังดูเป็นเรื่องง่าย แต่จริงๆ ไม่ง่ายนะครับ เพราะมีปัจจัยอื่นที่ต้องบริหารจัดการให้ดีอีกเยอะ เช่น เรื่องเสถียรภาพของสังคมและการเมือง ความต่อเนื่องของนโยบาย สิทธิประโยชน์ทางภาษี ทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ทักษะของแรงงาน ฯลฯ
อย่างประเทศที่เป็นเกาะ เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ก็จะมีวิธีการพัฒนาประเทศที่ต่างออกไปจากโมเดลนี้ ขึ้นอยู่กับทรัพยากรและความคิดเห็นของคนในชาติว่าจะพาประเทศมุ่งหน้าไปทางไหนครับ 🚀
⏳ จับเวลา เวียดนามจะโตได้อีกนานแค่ไหน?
เมื่อคุณเข้าใจโมเดลการพัฒนาประเทศแบบคร่าวๆ แล้ว ทีนี้เรามาตอบคำถามจากต้นเรื่องกันครับว่า เศรษฐกิจเวียดนามจะโตได้อีกนานแค่ไหน?
แน่นอนว่าไม่มีใครตอบเรื่องในอนาคตได้เป๊ะๆ แต่เราพอจะกะเวลาคร่าวๆ ได้จากหลายปัจจัยครับ
หากเทียบแบบง่ายๆ โดยดูจากการเติบโตของไทยเทียบกับเวียดนาม จะเห็นว่าเศรษฐกิจไทยเติบโตสูงอยู่ประมาณ 32 ปีในช่วงปี 2506 - 2538 ที่ GDP ไทยโตเฉลี่ย 7.8% ต่อปีก่อนเจอวิกฤตต้มยำกุ้ง และหลังจากนั้น GDP ก็กลับมาโตเฉลี่ย 5.2% ต่อปีได้อีก 9 ปี
และระหว่างทางไทยก็เจอกับหลายเหตุการณ์ ทั้งสงครามเวียดนาม สงครามอ่าวเปอร์เซีย เหตุการณ์ Plaza Accord รวมถึงการเมืองภายในประเทศที่ทำให้การพัฒนาประเทศไม่ต่อเนื่อง 💥
แต่ถ้าลองไปดูเศรษฐกิจเวียดนามในปัจจุบัน จะเห็นว่า GDP ของเวียดนามเริ่มโตสูงๆ มาตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปัจจุบันเฉลี่ยปีละ 7.0% เป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้ว แต่เวียดนามมีสภาพแวดล้อมที่ต่างจากไทยหลายอย่างครับ
เวียดนามใช้ระบบเศรษฐกิจแบบตลาดภายใต้การปกครองแบบสังคมนิยมตามแนวทางของจีนที่เป็นต้นแบบ นโยบายพัฒนาประเทศจึงต่อเนื่องและราบรื่น ตลาดแรงงานเวียดนามก็ใหญ่กว่าไทยด้วยเพราะมีจำนวนประชากรมากกว่าเกือบ 50%
ถ้าตอบแบบคร่าวๆ เศรษฐกิจเวียดนามอาจเติบโตสูงได้อีก 15-20 ปี ก่อนจะไปถึง ‘จุดวัดใจ’ ที่ต้องเริ่มก้าวขึ้นมาเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีในการผลิตกับประเทศอื่นแทนที่จะเป็นผู้รับจ้างผลิตอย่างเดียว 🧑💻
ก็อยู่ที่ว่าเวียดนามจะประคองตัวได้ดีแค่ไหนท่ามกลางสงครามการค้าสหรัฐฯ - จีนที่กำลังกำหนดความเป็นไปของโลก และจะพัฒนาตัวเองจนก้าวขึ้นมาเทียบชั้นญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในอดีตได้มากขนาดไหนครับ
💸 ‘ปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจแห่งเอเชีย’ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ
ในอดีต ธนาคารโลกเคยขนานนามไทยว่าเป็น ‘ปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจแห่งเอเชีย’ และในปัจจุบันเวียดนามก็ได้สมญานามนี้ด้วยเช่นกันครับ
ต้องบอกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงและมีเสถียรภาพไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เพราะปัจจัยแวดล้อมต้องดีด้วย และเวียดนามก็กำลังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการปั้นเศรษฐกิจให้เติบโตมากๆ ครับ 🌿
เพราะบริษัทต่างชาติหลายแห่งย้ายฐานการผลิตออกจากจีนมาที่เวียดนามเพื่อหลบภัยสงครามการค้าขณะที่เวียดนามใส่เกียร์ 5 พัฒนาประเทศเต็มที่พอดี แถมประชากรก็ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวและมีจำนวนมาก แถมชัยภูมิก็ดีเพราะมีพื้นที่ติดทะเล อยู่ใกล้จีน และอยู่ติดภูมิภาคอาเซียน 🚢
เมื่อเข้าใจแบบนี้ จึงไม่แปลกเลยที่ตลาดหุ้นเวียดนามจะเนื้อหอมสุดๆ เพราะถ้าพูดง่ายๆ ว่าเศรษฐกิจเวียดนามโตเฉลี่ยปีละ 7% บริษัทที่มีส่วนร่วมในเค้กก้อนนี้ก็ต้องได้ประโยชน์ไปด้วย
ที่ผ่านมาตลาดหุ้นเวียดนามมีข่าวเรื่องการปั่นหุ้นจนทำให้ดัชนี VNI ตกลงมาประมาณ -16% ซึ่งไม่ได้กระทบกับพื้นฐานของบริษัท แต่เศรษฐกิจกลับโตดีวันดีคืน
จนล่าสุด IMF ต้องออกมาปรับประมาณการ GDP เวียดนามปี 2565 ขึ้นจากเดิมโต 6% เป็น 7% ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นที่เยอะมากในครั้งเดียว
🇻🇳 โอกาสลงทุนแห่งศตวรรษอยู่ตรงหน้า จะไปให้หลุดมือไปหรอ?
Jitta Wealth มีแผน Jitta Ranking หุ้นเวียดนามที่ใช้ AI สแกนและคัดเลือก ‘หุ้นดี ราคาถูก’ จากตลาดหุ้นเวียดนามส่งตรงมาถึงพอร์ตคุณ พร้อมปรับพอร์ตแบบอัตโนมัติให้คุณทุก 3 เดือนด้วย 🤖
และที่พิเศษสุดๆ คือคุณสามารถลงทุนหุ้นต่างประเทศแบบ VI ด้วย AI ได้แล้วด้วยเงินเพียง 500,000 บาท จากเดิมที่ต้องเก็บเงินให้ถึง 1 ล้านบาทถึงจะลงทุนตามหลักการ VI ด้วยเทคโนโลยีแบบนี้ได้
และเรายังลดเงินเพิ่มทุนขั้นต่ำเหลือ 50,000 บาทให้อีก จากเดิมที่ต้องเพิ่มทุนทีละ 100,000 บาท นักลงทุนสาย DCA ต้องเฮดังๆ เลยครับ
ตลาดหุ้นเวียดนามยังใหม่ เรื่องกฎระเบียบยังไม่ค่อยรัดกุมนัก การเพิ่มทุนหรือ DCA ต่อเนื่องจะทำให้คุณลงทุนหุ้นได้หลายบริษัทมากขึ้น เป็นการกระจายความเสี่ยง ลดความผันผวนของพอร์ตไปในตัวด้วย ดีต่อใจและดีต่อพอร์ตครับ 💞
อย่างที่เล่าไปครับ ช่วงนี้ตลาดหุ้นเวียดนามตกเพราะแค่เรื่องปั่นหุ้นกับเงินเฟ้อที่ทำให้เงินลงทุนต่างชาติไหลเข้า-ออกตามปกติ แต่เศรษฐกิจเวียดนามยังเดินหน้าต่อ
ถ้าอยากลงทุนหุ้นเวียดนามกับ Jitta Ranking แล้ว รีบไปกดเปิดบัญชีได้ที่ jitta.co/3Bo6D76 หรือสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของนโยบาย Jitta Ranking เวียดนามได้ที่ https://jittawealth.com/jitta-ranking/vietnam
โอกาสทองในการลงทุนอยู่ใกล้แค่นี้ ถ้าไม่ลงทุนตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าโอกาสหน้าจะมาหาอีกเมื่อไหร่นะครับ ⏱️
ขอให้มีความสุขในการลงทุนครับ 😎
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
