25 ก.ย. 2022 เวลา 03:30 • ธุรกิจ

วอลต์ ดิสนีย์: ชีวิตที่ไม่ได้ราบรื่นดั่งเทพนิยาย

ในโลกแห่งดิสนีย์ที่สวยงามชวนฝัน เป็นอนิเมชั่นฝั่งตะวันตกที่มีเอกลักษณ์หาใครเทียบได้ยาก จนชื่อ “วอลต์ ดิสนีย์” กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมป๊อปอเมริกัน และอยู่มาอย่างยาวนานจนถึงทุกวันนี้
ทว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ เขาต้องยืนหยัดและอดทนผ่านชีวิตลุ่มๆดอนๆ ทั้งไม่มีสิทธิครอบครองคาแรคเตอร์การ์ตูนตัวแรกที่สร้าง ติดหนี้หลายล้าน ไปจนถึงเหตุการณ์ Black Sunday แต่เขาก็ผ่านมันมาได้จนประสบความสำเร็จ เขาทำอย่างไร และผ่านอะไรมาบ้าง เพจ เขาคนนั้นในวันวาน จะพาทุกท่านไปสำรวจชีวิตที่ไม่ได้ราบรื่นดั่งเทพนิยายของชายคนนี้กันค่ะ
กำเนิดวอลเตอร์ อีเลียส ดิสนีย์
วอลเตอร์ อีเลียส ดิสนีย์ เกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ.1901 ที่ชิคาโก สหรัฐอเมริกา เขาเป็นลูกคนที่ 4 จาก 5 คนในครอบครัวดิสนีย์
ความเป็นอยู่ของครอบครัวเขาค่อนข้างอัตคัด ฐานะทางการเงินขึ้นๆลงๆตามอาชีพการงานของอีเลียส ผู้เป็นพ่อ ซึ่งอีเลียสก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพเท่าไหร่ และบางครั้งลูกๆก็ต้องช่วยทำงานเพื่อหาเงินจุนเจือครอบครัว ตัววอลเตอร์เองก็ต้องช่วยปั่นจักรยานส่งหนังสือพิมพ์ ไปจนถึงเดินเร่ขายของบนรถไฟ
ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและลูกชายก็เป็นไปอย่างตึงเครียด พ่อของเขาแสดงอารมณ์และพฤติกรรมที่รุนแรงอยู่เนืองๆ เนื่องมาจากความเหนื่อยล้าและสิ้นหวังในอาชีพและชะตาชีวิต มีการบังคับและทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่บ่อยครั้งจนลูกชายค่อยๆหนีออกจากบ้านไปทีละคน และวอลเตอร์เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
พ่อของเขาบังคับให้เขาไปทำงานในโรงงานทำเจลลี่ ในขณะที่เขาอยากตามฝันในฐานะศิลปินนักวาดการ์ตูน ซึ่งการวาดรูปนั้นเป็นที่พึ่งและเป็น safe zone สำหรับวอลต์ในวัยเด็กเสมอ การวาดรูปทำให้เขาได้จินตนาการถึงโลกอันสวยงามและหลีกหนีจากสภาพแวดล้อมจริงในครอบครัวที่เคร่งเครียด
ดังนั้นตอนที่อายุเพียง 16 ปี วอลต์จึงปลอมแปลงสูติบัตรให้อายุมากกว่าความจริง 1 ปี เพื่อไปเป็นอาสาสมัครขับรถพยาบาลให้สภากาชาดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 อันเป็นจุดที่เขาหลุดพ้นจากพ่อและเริ่มต้นชีวิตของตัวเองอย่างแท้จริง
ชีวิตที่ไม่ได้ราบรื่นดั่งเทพนิยาย
ปี 1919 หลังกลับจากงานอาสาสมัครช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 วอลต์ตั้งใจจะสมัครเป็นนักวาดการ์ตูนให้หนังสือพิมพ์แคนซัส ซิตี้ แต่กลับได้งานวาดภาพสื่อโฆษณาให้นิตยสารและโรงภาพยนตร์แทน เขาทำงานอยู่ที่นั่นไม่นานก่อนจะคิดกับตัวเองว่า ยังไงสิ่งที่เขาต้องการจริงๆก็คือการวาดการ์ตูน
ช่วงปี 1920 วอลต์ติดต่อหาพี่ชายของเขา รอย ดิสนีย์ ให้มาร่วมลงทุนด้วยกัน เปิดสตูดิโอการ์ตูนแรกของพวกเขา Laugh-O-Gram ก่อนจะพบกับปัญหาด้านการเงินจนต้องปิดตัวไปในไม่กี่ปีถัดมา (แต่รอยก็จะยังมีบทบาทสำคัญที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ปิดทองหลังพระในชีวิตของวอลต์จนท้ายของท้ายที่สุด)
หลังสตูดิโอแรกไม่ประสบความสำเร็จ วอลต์ลองเบนเข็ม เขาเดินทางไปลอสแองเจลิสเพื่อลองเปลี่ยนเส้นทางอาชีพเป็นนักแสดง แต่ก็ยังไม่สำเร็จเช่นกัน ระหว่างอยู่ที่นั่นเขาสังเกตและพบว่าที่ลอสแองเจลิส,แคลิฟอร์เนียแห่งนี้ ยังไม่ค่อยมีสตูดิโอการ์ตูนเลยนี่! ดังนั้นเขาจึงตามรอย พี่ชายสุดที่รักกลับมาลงทุนด้วยกันอีกครั้ง (ซึ่งพี่รอยก็ไม่เข็ด ยังสู้ไปกับน้อง สนใจเรื่องของพี่รอยไปอ่านต่อกันได้นะคะ)
Disney Brother Studio จึงเกิดขึ้นในปี 1923 คราวนี้วอลต์ซุ่มสร้างอนิเมชั่นขนาดสั้นออกมาเป็นซีรี่ย์ และได้เผยแพร่ในปี 1927 กับคาแรคเตอร์น้องกระต่ายชื่อ Oswald the Lucky Rabbit ซึ่งน้องก็นำพาความ Lucky มาให้สมชื่อ สร้างชื่อเสียงให้พี่น้องดิสนีย์มากมาย
ภาพ Oswald the Lucky Rabbit หน้าตาคุ้นๆไหมคะ ที่มา: https://mickeyblog.com/2021/12/27/oswald-the-lucky-rabbit-disney-series-officially-cancelled/
แต่ความโชคดีอยู่ได้ไม่นาน เมื่อปีต่อมาระหว่างการเจรจาต่อสัญญาใหม่ที่นิวยอร์ค โปรดิวเซอร์ผู้หางบและสปอนเซอร์ให้กับซีรี่ย์ Oswald the Lucky Rabbit ได้ยึดเอาลิขสิทธิ์รวมทั้งทีมงานนักวาดทั้งหมดในโปรเจคนี้ของดิสนีย์ไป
ระหว่างทางนั่งรถไฟกลับแคลิฟอร์เนียอย่างเศร้าใจ วอลต์กลับใช้เวลาขณะอยู่บนรถไฟ สร้างคาแรคเตอร์การ์ตูนอีกตัวขึ้นมา ซึ่งทุกคนจะได้รู้จักคาแรคเตอร์หนูสีดำตัวนี้ในชื่อ Mickey Mouse ซึ่งได้เดบิ้วท์ครั้งแรกในปี 1928 ในเรื่อง Steamboat Willie แถมวอลต์ยังพากย์เสียงให้เจ้า Mickey Mouse เองด้วยในช่วงเวลาหนึ่ง (ถึงปี 1947) เรียกได้ว่าเป็นคาแรคเตอร์ที่วอลต์ผูกพันมากๆ
ภาพ Mickey Mouse (ที่ตอนแรกเกือบได้ชื่อ Mortimer Mouse) ใน Steamboat Willie ที่มา: https://dotandline.net/mickey-mouse-debut-steamboat-willie-aa73b1f0441d/
หลังจากสร้าง Mickey Mouse มากู้สถานการณ์สตูดิโอให้อยู่รอดปลอดภัยได้ แม้จะต้องวิ่งเข้าออกเสนอโปรเจคเพื่อทำเรื่องกู้ยืมเงินจากธนาคารเป็นร้อยๆครั้งจนมีธนาคารหนึ่งให้กู้ (ซึ่งเรื่องการเงินต้องยกคำชมให้พี่รอยที่พยายามประคองบัญชีอย่างเต็มที่)
1
เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย วอลต์หลบไปพักใจกับภรรยาชั่วขณะ ซึ่งหลังจากหลบไปพักใจจบ เขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง โดยการกลับมาพร้อมไอเดียที่จะทำอนิเมชั่นขนาดยาวบ้าง และทำให้เจ้าหญิงดิสนีย์องค์แรกกำเนิดขึ้น ในปี 1937 เป็นภาพยนตร์ Snow White and the Seven Dwarfs
ชีวิตเหมือนจะสดใสจากการประสบความสำเร็จกับทั้ง Mickey Mouse และ Snow White แต่ภาพยนตร์เรื่องถัดมาอย่าง Pinocchio, Fantasia และ Bambi กลับไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คิด
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเข้าไปอีกเมื่อเหล่าทีมงานนักวาดเริ่มประท้วงหยุดงานในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 การเงินของดิสนีย์ยิ่งดำดิ่งลงไปจนติดหนี้มากถึง 4 ล้าน USD ซึ่งระหว่างนั้นดิสนีย์ถึงกับเคยรับทำอนิเมชั่นโฆษณาชวนเชื่อให้รัฐบาลไปพลางๆก่อน อาทิ ทำโฆษณาเชิญชวนคนจ่ายภาษีเพื่อนำไปใช้ในสงคราม อนิเมชั่นล้อเลียนฮิตเลอร์ ฯลฯ
ภาพ อนิเมชั่นเรื่อง Der Fuehrer’s Face ล้อเลียนฮิตเลอร์ ที่มา: https://www.thevintagenews.com/2016/08/02/disney-produced-propaganda-films-u-s-government-world-war-ii/
และสำหรับผู้ที่อยากลองดู กดตามไปดูในลิ้งค์ด้านล่างได้เลยค่ะ
หลังจากผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 มาได้ (อย่างหืดขึ้นคอ) วอลต์ก็กลับมาพร้อมกับไอเดียใหม่อีกครั้ง ว่าเขาจะไม่วนเวียนอยู่แต่กับวงการภาพยนตร์อีกต่อไปแล้ว เขาจะเริ่มกระจายไปสู่กิจการด้านโทรทัศน์ที่เข้าถึงแต่ละบ้านได้บ้าง จึงเกิด The Micky Mouse Club ขึ้น ตามมาด้วยรายการอนิเมชั่นอีกมากมาย จนสามารถใช้หนี้ได้และเกิดโปรเจคใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยทำอย่าง Disneyland
ทุกอย่างเหมือนจะดี แต่การเปิด Disneyland ในปี 1955 ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ถึงขั้นเกิดตำนานที่มีชื่อเรียกว่า Black Sunday เลยทีเดียว เมื่อวันเปิดทำการวันแรก มีการขายตั๋วปลอมในท้องตลาดเยอะมาก แถมเหล่าคนที่ซื้อตั๋วปลอมเข้ามายังทำให้แถวเข้าคิวยาวเกินไป อากาศก็ร้อน น้ำพุสำหรับดื่มน้ำก็ไม่ทำงาน เครื่องเล่นก็เสีย คำวิจารณ์ออกมาย่ำแย่
แต่มีหรือชายคนนี้จะย่อท้อ วอลต์และรอยค่อยๆแก้ปัญหาจนกลับมาล้างตาให้ Disneyland ได้ภายใน 1 เดือน และกลายเป็นสถานที่รองรับนักท่องเที่ยวกว่าครึ่งล้าน วอลต์เองมีส่วนร่วมและมีความสุขกับโปรเจคนี้มากถึงขนาดมีอพาร์ทเมนของตัวเองอยู่ในนั้นด้วย
และทุกอย่างก็พบกับจุด happy ending ได้เสียที ซึ่งเพจ เขาคนนั้นในวันวาน จะขอทิ้งท้ายไว้กับคำพูดของ วอลต์ ดิสนีย์เคยกล่าวไว้ว่า
สถานการณ์เลวร้ายทั้งหมดที่ผ่านมาในชีวิต ปัญหาและอุปสรรคทั้งหมด มันทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น
วอลต์ ดิสนีย์
โฆษณา