Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
I Mean มีเรื่องเล่า
•
ติดตาม
17 ก.ย. 2022 เวลา 23:00 • ข่าวรอบโลก
คดีของคุณแม่ยังสาวที่กลับบ้านผิดเวลา และหายตัวไป เกิดอะไรขึ้นกับเธอ ?
สวัสดีค่ะทุกคน I Mean มีเรื่องเล่าวันนี้ จะพาทุกคนไปติดตามเรื่องราวของ Magalie Delavaud หญิงสาววัย 27 ปี คุณแม่ของลูกชายวัย 2 ขวบ ที่บอกกับครอบครัวว่าจะออกไปทำงาน แต่เธอกลับบ้านผิดเวลา จนสามีของเธอเป็นห่วง ไล่โทรหาคนที่รู้จักเธอ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน ต้องรอจนถึงวันรุ่งขึ้น ถึงได้มีผู้ไปพบรถของเธอไถลตกถนนไปชนต้นไม้จนไฟไหม้ทั้งคัน
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2014 ที่เมือง Saint-Cierge-Sous-Le-Cheylard เมืองเล็กๆ บนภูเขาใกล้กับเมือง Ardèche ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง คนจึงนิยมมาเที่ยวที่นี่
Magalie Delavaud ก็เป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่เมืองแห่งนี้ และพบรักกับ Jérôme Faye ชายหนุ่มท้องถิ่นหน้าตาดีที่ขับรถพานักท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ
Magalie เป็นรักแรกพบของ Jérôme เขาดูแลเธอเป็นอย่างดีตลอดช่วงเวลาที่เธอมาเที่ยว ทั้งคู่ยังคงติดต่อกันหลังจาก Magalie เดินทางกลับไปแล้ว และเริ่มศึกษาดูใจกัน
1
หลังจากที่พวกเขาคบกันได้ 1 ปี Magalie ก็ตัดสินใจมาใช้ชีวิตร่วมกับ Jérôme ที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้ ที่มีคนอยู่ประมาณ 250 คน และทุกคนแทบจะรู้จักกันหมด
เธอได้งานเป็นเลขาประจำคลินิกของแพทย์คนหนึ่ง พวกเขามีความสุขกันมาก ช่วยกันสร้างบ้านด้วยตัวเอง จนบ้านเสร็จ ใกล้กับช่วงที่ Magalie คลอดลูกชายของพวกเขาพอดี
Magalie ดีใจมากที่มีลูกเพราะเธอเป็นคนรักเด็ก ครอบครัวของเธอมาเยี่ยมเธอและหลานชายอยู่บ่อยๆ พวกเขาให้ความรักและเอ็นดู Jérôme เหมือนลูกอีกคน ทุกคนดีใจกับทั้งคู่ที่มีครอบครัวที่สมบูรณ์
แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในคืนวันที่ 13 พฤศจิกายน 2014 เมื่อ Magalie บอกกับ Jérôme ว่า เธอต้องไปช่วยดูแลลูกๆ ของคุณหมอที่เธอทำงานให้ แต่เธอไม่ได้กลับมาตามเวลาที่ควรจะเป็น Jérôme เป็นห่วงเธอมาก เมื่อโทรไปหาเธอแล้วไม่สามารถติดต่อได้ จึงไปที่บ้านของคุณหมอ และได้ทราบว่า คุณหมอไม่ได้ขอให้เธอมาช่วยดูแลลูกในคืนนั้น
Jérôme ร้อนใจมากขึ้น เขาโทรไปหาแม่และพี่สาวของ Magalie ตอนประมาณเที่ยงคืน เพื่อสอบถามว่า รู้บ้างไหมว่า Magalie หายไปไหน แต่ก็ไม่มีใครรู้อะไรเลย
ด้วยความที่เป็นเมืองเล็กๆ เมื่อข่าวการหายตัวของ Magalie แพร่ออกไป เพื่อนบ้านและตำรวจก็มาช่วยกันหาเธอทั้งคืน เพราะ Jérôme บอกกับทุกคนว่า Magalie ขับรถไม่เก่ง และเธอก็ไม่ชินกับการขับรถบนภูเขา ถ้าไม่จำเป็นเธอจะไม่ขับรถตอนกลางคืนเลย แถมวันนั้น มีฝนตกลงมา เขาจึงกลัวว่า เธอจะประสบอุบัติเหตุ แต่พวกเขาก็ไม่พบเธอค่ะ
จนสายๆ ของวันรุ่งขึ้น ก็มีคนมาแจ้งตำรวจว่า พบรถคันหนึ่งตกจากถนนพุ่งไปชนต้นไม้ที่อยู่ด้านล่าง ไฟไหม้หมดทั้งคันจนเหลือแต่ซากและผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ในรถก็ถูกไฟไหม้ดำเป็นตอตะโกจนบอกไม่ได้ว่าคือใคร
เมื่อตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุก็ช่วยกันหาหลักฐานต่างๆ เพื่อยืนยันว่าผู้เสียชีวิตเป็นใคร และไปเจอกับแหวนแต่งงานที่ไม่ถูกเปลวไฟทำลาย เขาจึงเก็บไปให้ Jérôme ยืนยันว่า เป็นของ Magalie หรือไม่
พอ Jérôme ได้เห็นแหวน เขาเสียใจมากจนถึงกับเป็นลมล้มพับไป
ตำรวจพยายามรวบรวมหลักฐานต่างๆ และพบสิ่งผิดปกติหลายอย่างตั้งแต่ไปถึงบริเวณที่เกิดเหตุ
เรื่องแรกเลย คือ เจ้าหน้าที่ไม่พบ รอยเบรคบนถนน ซึ่งผิดไปจากความเป็นจริงที่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ คนขับจะต้องพยายามเบรคเพื่อให้รถหยุด
เรื่องที่สอง เจ้าหน้าที่พบร่างของ Magalie ในที่นั่งข้างคนขับ !! ซึ่งถ้าเธอเป็นคนขับรถจนเกิดอุบัติเหตุ ทำไมเธอถึงไม่นั่งอยู่ในตำแหน่งของคนขับ ??
อันนี้ก็มีข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้ 2 ทางนะคะ คือ อุบัติเหตุมีความรุนแรงมากจนร่างของ Magalie กระเด็นจากที่นั่งของคนขับไปอยู่ในที่นั่งข้างคนขับ หรือไม่ เธอก็ไม่ใช่คนขับรถตั้งแต่แรก
1
เรื่องที่สาม เมื่อตรวจสอบเกียร์ ก็พบว่า รถเข้าเกียร์ว่างเอาไว้ มันแปลกจริงๆ ใช่ไหมคะ เราจะขับรถด้วยเกียร์ว่างทำไมกัน
เรื่องที่สี่ สภาพของรถที่ถูกไฟไหม้ ตำรวจเห็นว่า รถที่ไถลตกถนนไปชนต้นไม้ข้างทางไม่น่าจะถูกไฟไหม้หมดทั้งคันทั้งภายนอกและภายในอย่างรถของ Magalie และพอไปตรวจสอบในรถและรอบๆ บริเวณรถ ก็พบคราบน้ำมันจำนวนหนึ่ง ที่ไม่ได้มาจากถังน้ำมันของรถ !!!
ระหว่างรอผลการชันสูตร ตำรวจได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับ Magalie ไม่น่าจะใช่อุบัติเหตุแล้วล่ะค่ะ
ผลการชันสูตรที่ออกมา ทำให้ทิศทางการสอบสวนเปลี่ยนไปพอสมควร เพราะคุณหมอไม่พบควันในปอด Magalie เลยสักนิด นั่นหมายความว่า เธอเสียชีวิตก่อนเกิดอุบัติเหตุรถชนจนเกิดไฟไหม้ อันนี้ก็พอจะเทียบเคียงได้กับกรณีของคุณแตงโมนะคะ ที่คุณหมอสรุปว่า เธอเสียชีวิตจากการจมน้ำ จากการที่พบโคลนในปอด หลอดลมและกระเพาะอาหาร จากการที่เธอพยายามหายใจขณะที่อยู่ในน้ำ ส่วนของ Magalie ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ขณะไฟไหม้รถ คุณหมอก็จะต้องพบควันไฟในปอด จากการที่เธอพยายามจะหายใจเช่นกันค่ะ
ข้อเท็จจริงนี้ทำให้คดีที่เหมือนจะเป็นอุบัติเหตุในตอนแรก กลายเป็นคดีฆาตกรรมอำพรางไปทันที ใครสักคนได้ทำร้าย Magalie จนเสียชีวิต นำร่างของเธอมาใส่รถในตำแหน่งที่นั่งข้างคนขับ แล้วก็ขับรถไปยังจุดเกิดเหตุ จอดรถใส่เกียร์ว่าง จากนั้นก็เข็นรถให้ตกจากถนนไปชนต้นไม้ที่อยู่ข้างทาง นำน้ำมันไปราดทั่วรถ ก่อนจะจุดไฟ
ให้ไหม้ทั้งรถและทั้ง Magalie ที่อยู่ข้างใน !!!
3
เมื่อนี่คือการฆาตกรรมอำพลาง แล้วคนร้าย คือ ใครกัน
ตำรวจเริ่มสอบปากคำพยานเพื่อหาผู้ต้องสงสัยและมูลเหตุในการฆาตกรรม เพื่อนๆ และครอบครัวของเธอ ต่างยืนยันตรงกันว่า เธอไม่มีศัตรูที่ไหน แต่แล้ว Jérôme ก็นึกขึ้นมาได้ว่า Magalie เคยเล่าให้ฟังถึงนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งที่มาฝึกงานอยู่ที่คลินิก และช่วงหลังๆ Magalie ก็มักจะเล่นโทรศัพท์คนเดียว มีโลกส่วนตัวมากขึ้น
ตำรวจก็เลยไปตามหานักศึกษาแพทย์คนดังกล่าวว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ เพราะเพื่อนและครอบครัวของเธอไม่มีใครรู้จักเขาเลย แม่ของ Magalie ยังบอกด้วยว่า ถ้าเธอจะมีคนรักใหม่แปลว่าเธอได้ยุติความสัมพันธ์กับคนเก่าอย่างสิ้นเชิงแล้ว
สุดท้ายแล้วตำรวจพบว่า นักศึกษาแพทย์คนนั้นมีตัวตนจริงๆ นะคะ แต่เขาบอกว่า เขากับ Magalie ไม่ได้สนิทสนมกันเลย และที่สำคัญในคืนที่เกิดเหตุ เขาไปหาเพื่อนๆ ที่อยู่อีกเมืองหนึ่ง ซึ่งเพื่อนๆ ช่วยกันยืนยันได้ เมื่อมีพยานและหลักฐานที่อยู่ชัดเจน เขาก็ถูกตัดออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้
ตำรวจต้องกลับไปนับ 1 ใหม่ แต่ไม่นานหลังจากนั้น ครอบครัวของ Magalie ก็มีข้อมูลใหม่มาบอกตำรวจว่า ระหว่างที่ทานอาหารค่ำร่วมกับ Jérôme หลังจาก Magalie เสียชีวิตไม่นาน เขาได้เล่าให้ฟังว่า
ช่วงที่ผ่านมา เขาได้พูดคุยกับหญิงสาวคนหนึ่งชื่อ Margorie มีการส่งข้อความหากัน โดยเขายืนยันว่าเป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อนเท่านั้น ทุกคนที่ได้ยิน ต่างพากันช็อคและโกรธมาก แม่ของ Magalie พูดใส่หน้าเขาว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ เขานั่นแหละที่ฆ่า Magalie
พวกเขารู้สึกผิดหวังที่ Jérôme หาคนมาแทนที่ Magalie เร็วเกินไป เขาก็ยังยืนกรานบอกกับทุกคนว่า Margorie เป็นแค่เพื่อนที่ช่วยปลอบให้เขาหายจากความโศกเศร้าที่สูญเสีย Magalie เท่านั้น และเขาพร้อมที่จะพา Margorie มาพบกับทุกคนเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ
เจ้าหน้าที่คิดว่า ที่ Jérôme สารภาพความสัมพันธ์ของเขากับ Margorie ให้ครอบครัวของ Magalie รู้ ก็เพราะไม่อยากให้พวกเขาไปรู้ความจริงจากปากคนอื่นมากกว่า อย่างที่บอกไปตอนต้นนะคะ Magalie เป็นคนต่างถิ่นซึ่งย้ายมาอยู่ที่เมืองของ Jérôme ที่มีคนอาศัยอยู่ไม่กี่ร้อยคน เพราะฉะนั้น ใครทำอะไร คนก็จะรู้กันไปทั่ว เขาก็เลยกลัวว่าคนอื่นจะนำเรื่องของเขากับ Margorie ไปบอกครอบครัวของ Magalie
ตำรวจบอกว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องพวกเขาไม่เคยสงสัย Jérôme เลย เพราะการแสดงออกทุกอย่างของเขามันจริงมากๆ ทั้งความทุ่มเทกำลังเพื่อค้นหา Magalie ทั้งคืน และการที่เขาเสียใจถึงกับเป็นล้มไปเมื่อได้เห็นแหวนแต่งงานของเธอ
แต่ในเมื่อมีข้อมูลใหม่เกี่ยวกับ Margorie ตำรวจก็เรียก Jérôme มาให้ปากอีกครั้ง และก็ได้เรียก Margorie มาสอบถามด้วยค่ะ ซึ่งพวกเขาทั้ง 2 คน ให้การตรงกันว่า เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ไม่มีอะไรเกินเลย
แต่การที่ปิดบังความสัมพันธ์นี้ไว้ไม่ยอมบอกตำรวจตั้งแต่แรก ทำให้เจ้าหน้าที่สงสัยว่า Jérôme จะมีอะไรปิดบังไว้อีกหรือเปล่า ก็เลยไปสอบถามพยานคนอื่นๆ เพิ่มเติมอีก จนรู้ว่า ภาพครอบครัวที่อบอุ่นที่คนทั่วไปเห็นนั้น จริงๆ แล้ว มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย Jérôme กับ Magalie เริ่มมีปัญหากันตั้งแต่ที่เธอคลอดลูกชายของพวกเขา เพราะ Magalie ให้เวลากับลูกมาก จน Jérôme ไม่พอใจที่เธอดูแลลูกมากกว่าตัวเขาเอง พวกเขาทะเลาะกันบ่อย ไม่ว่าเธอจะทำอะไร เขาก็จะตำหนิเธอ ถึงขนาดเคยต่อว่าเธอต่อหน้าคนอื่นมาแล้ว
นอกจากนี้ คุณหมอนายจ้างของเธอ ยังบอกว่า Magalie เคยเล่าให้ฟังว่า เธอเคยทะเลาะกับ Jérôme เขาโมโหมากจนถึงขั้นต่อยกำแพง แต่เธอก็ไม่ได้เล่าต่อว่า เขาได้ทำร้ายเธอหรือเปล่า
จากข้อมูลข้างต้น ตำรวจคิดว่า ถ้า Jérôme รู้สึกว่า Magalie ไม่ใส่ใจเขาเหมือนเดิม ตั้งแต่มีลูก หญิงสาวคนใหม่ที่ชื่อ Margorie ก็ไม่น่าจะเป็นแค่เพื่อนปรับทุกข์อย่างที่เขาบอก และถ้าพวกเขาเป็นมากกว่าเพื่อน มันก็จะกลายเป็น รักสามเส้า เราสามคน ที่นำไปสู่การกำจัด Magalie ให้พ้นทาง
เจ้าหน้าที่จึงได้ดักฟังโทรศัพท์ของทั้งสองคนแต่ก็ไม่พบอะไรที่แสดงให้เห็นว่า ทั้งสองคนวางแผนเพื่อทำร้ายเธอ
จนถึงตอนนี้ นับเป็นเวลาสองเดือนแล้วตั้งแต่พบร่างของ Magalie แต่ตำรวจยังไม่มีความคืบหน้าอะไร
หลังจากนั้นตำรวจได้ไปขอข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของ Jérôme และ Margorie แล้วก็พบว่า ในเดือนก่อนที่ Magalie จะเสียชีวิต ทั้งสองคนส่งข้อความหากันมากกว่า 4,800 ข้อความ ซึ่งมากกว่าข้อความที่เขาส่งหา Magalie ซึ่งเป็นภรรยาเสียอีก เจ้าหน้าที่จึงไม่เชื่อแล้วว่า ทั้งสองคนเป็นแค่เพื่อนกันอย่างที่อ้าง
ตำรวจเลยไปหาหลักฐานเพิ่มเติมจากสัญญาณโทรศัพท์เพื่อระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของพวกเขา แล้วก็พบว่า สัญญาณโทรศัพท์ของทั้งคู่แสดงให้เห็นว่า พวกเขาไปในที่ที่ค่อนข้างลับตาคนด้วยกันบ่อยๆ มาหลายเดือนแล้ว
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบด้วยว่า ในคืนที่เกิดเหตุ Jérôme และ Margorie ได้โทรหากันนาน 13 นาที เมื่อหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันแล้วว่า ทั้งสองคนโกหกเรื่องความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนและได้โทรศัพท์หากันในวันเกิดเหตุ ตำรวจก็เข้าควบคุมตัวทั้งคู่
แต่ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะเห็นว่า ทั้งสองคือผู้ต้องสงสัย แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่ชี้ว่า ทั้งคู่คือคนที่ทำร้าย Magalie ตำรวจจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้คำรับสารภาพ
เจ้าหน้าที่แยกทั้งคู่สอบปากคำในเวลาเดียวกันแต่คนละห้อง ถามคำถามเดียวกัน โดยเริ่มจากกล่าวหาว่าพวกเขาโกหกเรื่องเป็นแค่เพื่อนกัน Jérôme ยังยืนยันว่า Magalie คือ คนเดียวที่เขารัก และเขาไม่ได้ทำร้ายเธอ
ตำรวจก็เลยหันไปกดดัน Margorie โดยอ่าน sms ของพวกเขาให้ฟัง แล้วเธอก็สารภาพว่า เธอคบกับ Jérôme จริงๆ เขาบอกให้เธอโกหกว่า เป็นแค่เพื่อนกัน และเขารับปากกับเธอว่า จะมาแต่งงาน มีลูก สร้างชีวิตใหม่ร่วมกับเธอ แต่เธอปฏิเสธว่า เธอไม่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ Magalie เพราะคืนนั้นเธอไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสซึ่งมีพยานยืนยันได้ ตำรวจจึงได้ปล่อยตัวเธอไป
1
เมื่อเหลือผู้ต้องสงสัยเพียงรายเดียว เจ้าหน้าที่ก็หันมาซัก Jérôme ต่อ แต่ 10 ชั่วโมงผ่านไป Jérôme ก็ยังยืนยันว่า เขาไม่ได้ทำร้าย Magalie สุดท้ายตำรวจก็มีตัวช่วยในการคลี่คลายคดีนี้ค่ะ พอจะเดากันได้ไหมคะ ว่า คืออะไร
ใช่แล้วค่ะ มันคือ โทรศัพท์มือถือนั่นเอง เพราะในระหว่างสอบปากคำ ผลการค้นหาสัญญาณโทรศัพท์ของ Jérôme ในคืนเกิดเหตุก็ออกมา และแสดงให้เห็นว่า เขาอยู่ในบริเวณที่รถถูกไฟไหม้
ตำรวจก็เลยไปเค้นให้เขาอธิบายว่า ถ้าเขาไม่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ Magalie ทำไมสัญญาณโทรศัพท์มือถือของเขาจึงไม่แสดงให้เห็นว่า เขาอยู่ที่บ้านกับลูกชายตามที่เขาบอก แต่กลับไปอยู่ในตำแหน่งที่เธอถูกพบเสียชีวิต
เมื่อเจอคำถามนี้เข้าไป เขาก็สารภาพว่า เขาเป็นคนทำร้าย Magalie จริงๆ แต่มันเป็นอุบัติเหตุไม่ใช่การฆาตกรรม เขาเล่าว่า คืนนั้นหลังจากพาลูกเข้านอนแล้ว เขาทะเลาะกับ Magalie เกี่ยวกับการวางแผนการศึกษาของลูก ก็เลยลงไปทะเลาะกันในโรงรถเพราะกลัวลูกจะตื่น Magalie พูดหลายอย่างในสิ่งที่เขาไม่อยากได้ยิน เขาจึงเอามือไปปิดปากเธอ เพื่อให้เธอเงียบ เธอดิ้นรนหนี เขาก็ตามไปจับเธอจากทางด้านหลัง เอามือปิดปากปิดจมูกเธอ จนเธอหายใจไม่ออกและเสียชีวิตลง
ตอนนั้นเป็นเวลาสี่ทุ่ม Jérôme ตกใจในสิ่งที่เขาทำลงไป เขาทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้องแจ้งความ หรือทำอะไรดี ใครจะเลี้ยงลูกของพวกเขาจากนี้ไป ในขณะนั้นเขามีเพียงความคิดเดียวในหัวว่า จะฆ่าตัวตายตาม Magalie ไป เขาก็เลยนำร่างของ Magalie ใส่รถ พร้อมกับเตรียมน้ำมันใส่แกลลอนไป ขับไปเรื่อยๆ เพื่อไปหาบริเวณที่เขาจะจบชีวิตลงข้างๆ กับเธอ
เมื่อขับออกจากบ้านไปได้ประมาณ 3 กิโลเมตร เขาก็พบกับจุดที่เหมาะสม เขาจึงจอดรถเข้าเกียร์ว่างแล้วก็เข็นรถให้ไหลลงไปชนต้นไม้ที่อยู่ข้างทาง แล้วก็เอาน้ำมันราดไปทั่วๆ รถ แต่ขณะที่จะจุดไฟเผารถนั้น เขาก็นึกได้ว่า ถ้าลูกตื่นขึ้นมาไม่เจอพ่อและแม่จะทำยังไง เขาไม่ได้เอาโทรศัพท์ติดตัวมา จะโทรบอกให้เพื่อนบ้านไปอยู่เป็นเพื่อนลูกก็ทำไม่ได้ เขาก็เลยเปลี่ยนใจไม่ฆ่าตัวตาย เดินกลับไปบ้านเพื่ออยู่กับลูกชายแทน
แต่ตำรวจไม่เชื่อเรื่องที่เขาจะฆ่าตัวตายค่ะ เพราะสัญญาณมือถือบอกแล้วว่า เขาอยู่ที่จุดเกิดเหตุ นั่นแปลว่า เขาพกโทรศัพท์ติดตัวไปด้วย
อัยการเห็นว่า Jérôme ลงมือสังหาร Magalie โดยวางแผนไว้แล้ว เพราะเขาส่งข้อความหา Magalie ให้กำลังใจเธอในการทำงาน แทบจะทันทีหลังจากที่ Magalie เสียชีวิต ทำประหนึ่งว่า เขาไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ก่อนจะไปตามเธอที่บ้านของคุณหมอ โทรศัพท์หาแม่และพี่สาวของเธอ และไปแจ้งความ
อัยการสั่งฟ้อง Jérôme ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฟาก Jérôme ก็บอกว่า ไม่ ไม่ ไม่ ผมไม่ได้ตั้งใจ ทุกอย่างเกิดจากการทะเลาะกัน แต่เหตุการบานปลาย เขาพลั้งมือทำร้ายเธอจนเสียชีวิต
3 ปีหลังจากเกิดเหตุ การพิจารณาคดีก็เริ่มต้นขึ้น โดยเป็นการต่อสู้กันระหว่างอัยการและทนายของครอบครัว Magalie ที่เห็นว่า นี่คือการฆาตกรรมที่ไตร่ตรองไว้ก่อน กับทนายฝ่ายจำเลยของ Jérôme ที่เห็นว่า นี่คือการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ซึ่งโทษแตกต่างกันมาก
แต่แล้วในวันที่ 3 ของการพิจารณาคดี ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ครอบครัว Magalie ต้องโมโหมากอีกครั้ง เพราะทนายของ Jérôme เอาหลักฐานทางการแพทย์มาสู้ว่า หัวใจของ Magalie ทำงานผิดปกติ ดังนั้น การที่เธอเสียชีวิตไม่ใช่เพราะ Jérôme ทำให้เธอขาดอากาศหายใจ แต่เป็นเพราะการทะเลาะกันทำให้เกิดความเครียดที่รุนแรงจนทำให้หัวใจหยุดเต้น ซึ่งถ้าศาลรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าว โทษที่ Jérôme ได้รับจะเบาลงอีกมาก
1
ทนายความฝั่งครอบครัวของ Magalie สู้กลับ โดยการเอา sms ที่ Jérôme ส่งหาเธอมาแสดงต่อศาล ข้อความแรกเขาส่งทันทีหลังจาก Magalie เสียชีวิต เพื่อบอกเธอว่า โชคดีกับการทำงานนะที่รัก พร้อมกับตัวย่อ lol หรือ lough out loud ที่แปลว่าหัวเราะเสียงดัง ทนายเห็นว่า เขาไม่รู้สึกเสียใจกับการจากไปของ Magalie เลยสักนิด เขาถึงใส่ lol ตอนท้ายข้อความได้
อีกข้อความหนึ่ง เขาส่งไปหลังจากได้จุดไฟเผารถและร่างของเธอแล้ว เพื่อขอให้เธอขอยาจากคุณหมอ มาให้เขาหน่อย เพราะวันนี้เขาไปปั่นจักรยานแล้วร้อนมากเหมือนจะเป็นลม ทนายมองว่า การมาบอกว่าตัวเองร้อนหลังจากที่เพิ่งจุดไฟเผาร่างของ Magalie เป็นการกระทำที่แย่สุดๆ
ฝั่งอัยการก็เห็นว่า การกระทำของ Jérôme ไม่มีเหตุให้ลดหย่อนผ่อนโทษได้เลย อัยการจึงขอให้ศาลตัดสินจำคุกเขาเป็นเวลา 30 ปี
หลังจากฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายอยู่ถึง 4 วัน คณะลูกขุนใช้เวลาประชุมกันกว่า 4 ชั่วโมง ก่อนที่จะออกมาตัดสินจำคุก Jérôme ในข้อหาฆาตกรรมเป็นเวลา 25 ปี และเพิกถอนสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกชายของเขา ซึ่ง Jérôme ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์นะคะ เขายอมรับโทษนั้นแต่โดยดี ส่วนลูกชายของพวกเขา ตอนนี้พี่สาวของ Magalie เป็นคนดูแลค่ะ
1
และนั่นก็คือเรื่องราวทั้งหมดของ Magalie Delavaud หญิงสาวที่ต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของคนที่เธอเลือกมาเป็นคู่ชีวิต อ่านแล้วสะเทือนใจจังนะคะ แค่หมดรักกัน จะไปมีคนใหม่ บอกกันดีๆ ก็น่าจะได้ ไม่ต้องถึงขั้นทำร้ายกันให้เสียชีวิต
เพื่อนๆ คิดเห็นอย่างไร ก็พิมพ์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะคะ
ส่วนใครที่อยากรับชมแบบเป็นคลิป สามารถตามไปที่ Link นี้ได้เลยนะคะ
https://www.youtube.com/watch?v=FgGkIwRCi04&t=1s
สำหรับวันนี้ ขอลาไปด้วยคำกล่าวของ Frank Pittman จิตแพทย์และนักเขียนชาวอเมริกันที่ว่า
ชีวิตแต่งงานที่เลวร้ายไม่ได้ทำให้เกิดการนอกใจ การนอกใจต่างหากที่ทำให้ชีวิตแต่งงานเลวร้าย
เรื่องจริง
ฝรั่งเศส
ข่าวรอบโลก
5 บันทึก
7
1
5
7
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย