หลังจาก Apple ได้เปิดตัว iPhone 14 มือถือเรือธงรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งดูเหมือนว่าบางสิ่งที่ iPhone 14 ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในรุ่น iPhone 14 Pro และ Pro Max นั้นจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากโทรศัพท์ Android รุ่นก่อน ๆ
มีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อย่าง Dynamic Island สำหรับ iPhone 14 Pro และ Pro Max ในที่สุด Apple ก็ทำในสิ่งที่ทุกคนเรียกร้องตั้งแต่เปิดตัว iPhone X ในการเลิกใช้รอยบาก
1
แต่มันยังคงมีรอยบากในรุ่น iPhone 14 และ iPhone 14 Plus ซึ่งจากมุมมองของ Apple ที่ต้องการนำเสนอคุณสมบัติที่แตกต่างระหว่างรุ่นที่ไม่ใช่รุ่น Pro และ Pro
1
Dynamic Island อาจดูเหมือนเป็นคุณลักษณะใหม่ที่ปฏิวัติวงการ แต่ความจริงก็คือ LG มาถึงจุดนั้นก่อนด้วย LG V10 ในความพยายามที่จะให้ผู้ใช้มีวิธีการโต้ตอบกับการแจ้งเตือนที่แตกต่างกัน
2
LG ได้แนะนำ “Second Screen” ด้วยหน้าจอที่สอง ผู้ใช้สามารถตั้งค่าทางลัดสำหรับผู้ติดต่อ ดูการแจ้งเตือนที่เข้ามา และควบคุมเพลงที่กำลังเล่น ทั้งหมดนี้ทำได้โดยไม่ต้องใช้จอแสดงผลหลัก
Second Screen จาก LG V10 (CR:Android Central)
เป็นหนึ่งในสิ่งที่ LG พยายามทำสิ่งที่แตกต่างออกไป แต่การใช้งานโดยรวมและการขาดการสนับสนุนทำให้ Second Screen ไม่ได้รับความนิยมอย่างที่คาดคิด
1
ในรุ่น LG V20 มีการเก็บฟีเจอร์ Second Screen ไว้ โดยให้การใช้งานแบบเดียวกัน แต่ก็ยังพบกับผลลัพธ์ที่หลากหลาย เจ้าของ V20 บางคนพบว่าสิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้สะดวกมาก ในขณะที่อีกหลายๆ คนพบว่า “มันไม่ได้เพิ่มประสบการณ์อะไรมากมายนัก”
แต่ก็ต้องบอกว่าการใช้งาน Dynamic Island ของ Apple กลับทำงานได้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เมื่อคุณเริ่มเล่นเพลงและออกจากแอป “Island” จะแสดงข้อมูล “Dynamic” เช่น ปกอัลบั้มของเพลง นอกจากนี้ยังเปลี่ยนการแจ้งเตือนพื้นฐาน เช่น เมื่อจำเป็นต้องใช้ FaceID ให้เป็นกราฟิกแบบเลื่อนลงที่ติดอยู่ตรงแถบแสดงผลแทนที่จะแสดงเต็มหน้าจอ
1
Dynamic Island ไม่ใช่การลอกเลียนแบบจาก Second Screen ของ LG แต่ก็ค่อนข้างชัดเจนว่ามีแรงบันดาลใจอยู่บ้าง
Hole-punch selfie camera
เมื่อพูดถึงรอยบาก ทุกคนรู้ว่า Apple จะไม่ยึดติดกับมันตลอดไป มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่บริษัทจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่ “ปฏิวัติ” และตัดสินใจที่จะใช้กล้องเซลฟี่แบบ Hole-punch
เนื่องจากเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ฝังอยู่ในรอยบาก Apple ไม่เพียงแต่ต้องออกแบบโมดูลใหม่ที่ใช้เท่านั้น แต่ยังมีช่องถึงสองช่องในทางเทคนิคอีกด้วย หนึ่งสำหรับกล้องเซลฟี่และอีกหนึ่งสำหรับพร็อกซิมิตี้เซนเซอร์ รวมถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ Apple ต้องใช้สำหรับ Face ID
Apple เริ่มเผยไต๋ออกมาใน iOS 16 Developer Beta เนื่องจากผู้ใช้บางคนพบว่าหน้าจอล็อก iPhone ของพวกเขาแสดงอินเทอร์เฟซที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
1
ซึ่งอย่างที่เราได้เห็นในการเปิดตัว Apple ใช้ซอฟต์แวร์ที่จำเป็นบางอย่างเพื่อรองรับ Always-On Display และตามแบบฉบับของ Apple ฟีเจอร์นี้ไม่มีใน iPhone 14 ทุกรุ่น เนื่องจาก Always-On Display สงวนไว้สำหรับ iPhone 14 Pro และ Pro Max เท่านั้น และที่สำคัญ Apple ได้ออกแบบมันมาได้อย่างงดงามเสียด้วย
1
Always-On Display ของ Apple ออกแบบมาได้อย่างสวยงามมาก ๆ (CR:Apple)
Dynamic Refresh Rate
เป็นเวลานานมากแล้วที่ผู้ใช้ Android มีฟีเจอร์นี้ ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจอย่างมากที่ Apple ใช้เวลานานมากกว่าจะปล่อยฟีเจอร์นี้ออกมา
Apple จะใช้คำศัพท์ทางการตลาดที่แปลกใหม่เพื่อใช้แทน “dynamic refresh rates” และคำว่า ProMotion ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกกับ iPhone 13 Pro และ Pro Max ของปีที่แล้ว แต่จะมีอัตราการรีเฟรชหน้าจออยู่ในระหว่าง 24Hz ถึง 120Hz เท่านั้น
2
ด้วยการเปิดตัว iPhone 14 Pro และ Pro Max ควบคู่ไปกับ Always-On Display Apple คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก แทนที่ต่ำสุดจะเป็น 24Hz กลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 14 Pro พร้อมจอแสดงผล ProMotion สามารถรีเฟรชหน้าจอแบบไดนามิกได้จนถึง 1Hz
Apple ไม่เพียงแต่นำสิ่งนี้มาสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 14 ทั้งหมด แต่ยังรวมถึง Apple Watch Series 8 เป็นสมาร์ตวอทช์เครื่องแรกที่มีฟังก์ชั่นนี้อีกด้วย
มันเกิดขึ้นได้ด้วยการนำไจโรสโคปแบบสามแกนที่อัปเกรดแล้วของ Apple มาใช้ควบคู่กับ “high g-force accelerometer” ที่สามารถวัดแรงได้ถึง 256 กรัม
จากนั้น iPhone หรือ Apple Watch จะใช้อัลกอริธึมในการพิจารณาว่าเกิดปัญหากับผู้ใช้หรือไม่ ก่อนที่จะแจ้งผู้ติดต่อและบริการฉุกเฉินหากไม่ได้รับการตอบกลับภายใน 10 วินาที
ในเดือนมิถุนายน 2022 พบว่าฟีเจอร์ Car Crash Detection ไม่ได้มีเพียงเฉพาะในโทรศัพท์ Pixel อีกต่อไป Google ได้แสดงให้เห็นว่าฟังก์ชันนี้สามารถนำไปใช้กับโทรศัพท์ Android เครื่องอื่นๆที่จะได้รับการอัปเดตในอนาคตได้ แต่ในขณะนี้ ดูเหมือนว่า Google และ Apple จะเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์เพียงสองรายที่มีฟีเจอร์นี้
บทสรุป
เรียกได้ว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใดระหว่างสองแพลตฟอร์มทั้งฝั่ง Android และ Apple ที่มักจะมีการได้รับแรงบันดาลใจซึ่งกันและกันตลอดเวลา และเป็นมานานมากแล้ว
น่าสนใจนะครับ Dynamic Island อาจจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของหน้าจอของมือถือ Android ในอนาคตอันใกล้นี้ก็ได้ ซึ่งหากใครจำได้ช่วงมีรอยบากใหม่ ๆ นั้น มือถือ Android ก็พยายามเลียนแบบของ Apple มาเหมือนกัน
Hacker ฝั่ง Android เลียนแบบ Dynamic Island ของ Apple แทบจะทันที
ผมก็ได้ลองไปหาข้อมูลดูพบว่ามีคนทำแล้วจริง ๆ เพียงแค่ค้นหาใน google ว่า Dynamic Island for android คุณก็จะเจอเหล่า hacker ที่เริ่มพัฒนาฟีเจอร์นี้เพื่อมาเลียนแบบแล้วทันที