20 ก.ย. 2022 เวลา 06:31 • ไลฟ์สไตล์
ฉบับที่ 3
เรื่อง อย่าดูถูกสิ่งที่ว่า...เล็กๆ
บางครั้งการที่เราตั้งโจทย์เอาไว้ในใจ ในการมองผู้คนรอบข้างไปในทางแง่ลบ หรือการดูหมิ่น อาจจะกลายเป็นการประมาทไปก็ได้
ความประมาท
ย่อมเกิดจากการดูถูก ดูหมิ่น ไม่ให้ความสำคัญ
แต่สำหรับโลกในวันนี้
อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ทั้งหมด
เรื่องการดูถูก การดูหมิ่น พระพุทธเจ้าได้สอนไว้หมดแล้ว ในเรื่องโลกธรรม ๘
ทั้งในมุมที่ดูถูกตัวเอง ทั้งมุมดูถูกผู้อื่น
ในการดูถูกตัวเอง พระพุทธองค์ตรัสว่า
มนุษย์ทำได้ ถ้าตั้งใจจริงที่จะทำ
เหมือนพระรูปหนึ่งอยากจะสึก เพราะรักษากฏระเบียบวินัยของพระไม่ได้เลย
ข่าวทราบถึงพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงทราบว่าภายหน้าพระรูปนี้จะต้องบรรลุธรรมเป็นแน่แท้
จึงเสด็จมาห้ามด้วยอุบาย....
ตรัสสนทนาถามทุกข์สุขดิบของพระรูปนี้
ตรัสให้ธรรมะมากมายหลายข้อ
ในที่สุดได้ให้อุบายธรรมไปว่า ไม่ต้องรักษาศึล ไม่ต้องรักษาอะไรหลายข้อก็ได้ รักษาเอาไว้อย่างเดียวได้ไหม พระรูปนั้นตอบว่า ได้
คำตอบจากพระพุทธเจ้าคือ
ให้รักษาใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
พระรูปดังกล่าว ทำตามแล้ว ได้โอปะนะยิโก คือน้อมนำธรรมของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติด้วยการรักษาใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ไม่นานสำเร็จเป็นพระอริยบุคคล
ที่สุดของพุทธศาสนา คือการสอนให้รู้ว่า #อะไรเป็นอะไร
คือถ้าผู้ใดรู้ว่าสิ่งทั้งปวงคืออะไร ผู้นั้นจะเป็นผู้รู้พุทธศาสนา ถ้ารู้หมดจนสิ้นเชิงแล้วก็เท่ากับว่า รู้พุทธศาสนาหมดจนสิ้นเชิงได้
เมื่อรู้ว่า
อะไรเป็นอะไร จริง ๆ แล้ว เราย่อมไม่ปฏิบัติผิดต่อสิ่งทั้งปวง
แต่ย่อมจะปฏิบัติถูกต้องต่อสิ่งทั้งปวง ตามความเป็นจริง
ที่บ้านเมืองวุ่นวาย เพราะมนุษย์ถูกอวิชชา คือความไม่รู้แจ้งเห็นจริงตามอริยสัจจ์ ๔ ปิดบังจิตใจไว้อยู่ กล่าวคือถูกโลภะ โทสะ และโมหะ กิเลสพื้นฐาน 3 ตัวนี้นี่แหละครอบงำจิต มิให้ปัญญาฝ่ายกุศลเกิดขึ้นได้ เมื่อจิตใจขาดการฝึกฝนอบรมพัฒนาจิตใจ
ทำให้ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทำให้ไม่รู้จักศีลไม่รู้จักธรรม ไม่มีสติปัญญาสามารถแยกแยะได้ว่า สิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด เพราะมัวแต่ลุ่มหลงไปตามกระแสโลก
เมื่อขาดสติปัญญาแยกแยะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร จึงปฏิบัติผิดต่ออะไรๆไปทุกอย่าง ปฏิบัติถูกบ้าง ก็เล็กน้อยเกินไป และถูกแต่ความหมายของคนที่มีกิเลสตัณหา ซึ่งถือว่าถ้าได้อะไรมาตรงตามความต้องการของตนแล้ว ก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติถูกในตามความคิดของตนที่เข้าใจเช่นนั้น
แต่แล้วความทุกข์ก็ยังเหลือเต็มไปหมด เช่นนี้
ตามทางธรรมไม่ถือว่าปฏิบัติถูก ทั้งๆที่ชาวโลกเขาจะถือว่า
เป็นการปฏิบัติถูกที่สุดก็ตาม
เพราะฉะนั้น เราจึงไม่ถือว่านั้น คือการรู้ที่ถูกต้อง
ว่าอะไรเป็นอะไร ถือเป็นความรู้อย่างโลกๆและถูกต้องเพียงนิดเดียวเท่านั้น
ส่วนที่เป็นทางธรรมแล้ว ก็ยังนับว่าไม่รู้อะไรเลย ดังนี้ นี้เรียกว่า
ถ้าจะพิจารณากันแล้วโดยใช้หลักอริยสัจจ์ ๔ ประการ ก็จะเห็นได้ชัดว่า
พระพุทธศาสนานั้นคือ
วิชาที่บอกให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรนั่นเอง
ดังที่พระอัสสชิได้แสดงธรรมโดยย่อให้พระสารีบุตรได้ฟังว่า
สิ่งทั้งหลายเหล่าใดเกิดมาแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าท่านแสดงเหตุของสิ่งเหล่านั้น พร้อมทั้งแสดงความดับสิ้นเชิงของสิ่งเหล่านั้น เพราะหมดเหตุ
พระมหาสมณะเจ้าตรัสดังนี้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา