21 ก.ย. 2022 เวลา 02:19 • ปรัชญา
สัพพัญญู? รู้จริงเปล่า?: สัพพัญญุตญาณ (อันตรวจสอบไม่ได้) ของพระพุทธเจ้า.
หลังจากใช้เวลา 6 ปีในการบำเพ็ญเพียรเพื่อการบรรลุธรรม, เจ้าชายสิทธัตถะก็ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า. การตรัสรู้มาพร้อมกับ 'ญาณ' หรือความรู้ต่างๆ มากมาย; เช่น, 'ปุพเพนิวาสานุสติญาณ' - ความรู้เกี่ยวกับการระลึกชาติ, หรือ 'เจโตปริยญาณ' - ญาณที่ทำให้พระพุทธเจ้าสามารถทายใจ, ล่วงรู้ความคิดของผู้อื่นได้.
สัพพัญญุตญาณเป็นอีกหนึ่งญาณที่พระพุทธเจ้าถือครอง, ซึ่งทำให้พระองค์มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดีว่า 'สัพพัญญู' - ผู้ล่วงรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง, ผู้รู้หมดสิ้น, หรือผู้รู้ทั่ว. ผู้รู้ทางศาสนาพุทธตีความ 'ทุกสิ่งทุกอย่าง' ในที่นี้ไว้ว่าหมายถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเหตุแห่งทุกข์และการดับทุกข์.
แม้กระนั้น, เหตุการณ์จำนวนมากที่ปรากฏอยู่ในพระสูตรดูเหมือนจะบอกเป็นนัยว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้รู้ 'หมดสิ้น' หรือ 'ทั่ว' แค่เฉพาะสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการดับทุกข์เท่านั้น. หลายต่อหลายครั้ง, ลักษณะการพูดจาของพระองค์กับสาวกทั้งหลายฟังดูราวกับว่าพระองค์รู้มากกว่านั้น.
ยกตัวอย่างเช่น, ในพระสูตรชื่อ "สีสปาสูตร" ซึ่งโด่งดังและเป็นที่รู้จักกันดีอันมีใจความสำคัญว่า สิ่งที่พระองค์ตรัสรู้มีมากเหมือนใบไม้บนต้นไม้, แต่สิ่งที่ถูกนำมาสอนสาวกนั้นเท่ากับใบไม้เพียงสองสามใบในมือพระองค์เท่านั้น.
แต่พวกเราไม่เคยรู้เลยจริงๆ ว่า ความรู้อะไรที่อยู่บนต้นไม้นั้นบ้าง?
อีกตัวอย่างหนึ่งอยู่ในพระสูตรชื่อจูฬมาลุงโกยวาทสูตร. มีคนมาตั้งคำถามเชิงอภิปรัชญากับพระพุทธเจ้า; เช่น, จักรวาลมีจุดกำเนิดหรือจุดสิ้นสุดหรือไม่? กายกับจิตเป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่? เป็นต้น. พระพุทธเจ้าไม่ตอบโดยให้เหตุผลว่า คำถามเหล่านี้ไม่เป็นประโยชน์เพราะรู้คำตอบไปก็ไม่ได้ช่วยให้ดับทุกข์ได้.
การอ้างว่าสิ่งนั้นๆ ไม่เป็นไปเพื่อการดับทุกข์เป็นสิ่งที่พระองค์ใช้อยู่เสมอเวลาต้องการเลี่ยงไม่ตอบคำถามทำนองนี้, ซึ่งเครื่องมือที่พระองค์ใช้อยู่บ่อยครั้งในการเบี่ยงประเด็นได้อย่างแนบเนียนก็คืออุปมาโวหาร.
ลักษณาการเช่นนี้นำมาซึ่งความสงสัยได้ว่า ตกลงพระองค์ล่วงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างจริงหรือไม่? ถ้ารู้จริง, ทำไมไม่ตอบ. การบอกว่า ความรู้บางอย่างไม่ช่วยให้ดับทุกข์ได้นั้นเป็นการด่วนสรุปเกินไปหรือไม่? หากอริยสัจ 4 เป็นวิธีการดับทุกข์เชิงรุก, เป็นไปได้หรือไม่ที่คำตอบเชิงอภิปรัชญา (ที่พระพุทธเจ้าดูเหมือนจะล่วงรู้) เป็นการดับทุกข์เชิงรับ, ซึ่งอาจจะเป็นความรู้ที่เติมเต็มการดับทุกข์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น.
ใช่หรือไม่, ความรู้ทางจักรวาลวิทยาที่ว่า จักรวาลนั้นยิ่งใหญ่ไพศาลไร้ที่สิ้นสุดบางครั้งช่วยคลายความทุกข์ในใจของเราได้.
การได้รู้ว่าเราเป็นเพียงเศษเถ้าธุลีของดวงดาวในเอกภพที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เราสามารถจินตนาการอาจทำให้เราลดความสำคัญมั่นหมายอันเป็นเหตุแห่งทุกข์ลงไปได้ไม่น้อย.
สิ่งที่สำคัญที่พระองค์น่าจะชี้แจงแก่สาวกก็คือว่า อะไรเป็นหลักการในการตัดสินว่าความรู้หนึ่งๆ เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับการดับทุกข์? ไม่ใช่การตัดบทเลี่ยงไม่ตอบโดยอ้างอย่างห้วนๆ ว่าไม่เป็นไปเพื่อการดับทุกข์.
หรือจริงๆ แล้วพระองค์เองก็ไม่รู้?
โฆษณา